บทที่ 1581 : ถูกข่มเหงหรือไม่?
“ว้าย!!อะ.. อะไรกัน!”
มู่หลงเฟยจื่อกำลังเหม่อลอยและฝันหวานถึงหลิงหยุนแต่จู่ๆ ใครบางคนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ทำให้เธอถึงกับตกใจจนต้องกรีดร้องออกมาเสียงดัง แต่เมื่อเห็นว่าเป็นหลิงหยุน มู่หลงเฟยจื่อก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปในทันที..
เธอยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าและจ้องมองจนกระทั่งมั่นใจว่า คนที่ยืนตรงหน้าเวลานี้ เป็นชายหนุ่มที่เธอเฝ้าคิดถึงอยู่ตลอดทั้งวันทั้งคืน..
“เจ้ากับข้าได้พบกันอีกครั้งแล้วสินะ!”
หลิงหยุนเอ่ยขึ้นพร้อมกับยืนล้วงกระเป๋ายิ้มอย่างนึกขันกับสีหน้าท่าทางของมู่หลงเฟยจื่อเวลานี้
“หลิงหยุน..”
มู่หลงเฟยจื่อร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจพร้อมกับพุ่งเข้าหาอ้อมอกของชายหนุ่ม ที่เธอเฝ้ารออยู่ทุกวันทุกคืนในทันที ราวกับเกรงว่าเขาจะหายไปกับห้วงอากาศ
หลิงหยุนโอบกอดร่างของมู่หลงเฟยจื่อพร้อมกับลูบไล้ไปมาด้วยความทะนุถนอมอ่อนโยน ราวกับว่ากำลังโอบกอดเครื่องแก้วบอบบาง และเกรงว่าจะทำมันแตกร้าว
เวลานี้อารมณ์ความรู้สึกมากมายก็ได้ปะทุขึ้นภายในจิตใจของหลิงหยุน เพราะนานเหลือเกินที่ทั้งเขา และมู่หลงเฟยจื่อไม่ได้พบเจอกัน
“หลิงหยุน..นี่นายเข้ามาได้ยังไง!”
หลังจากหายตกตะลึงมู่หลงเฟยจื่อก็ค่อยๆถอนตัวออกจากอ้อมกอดของหลิงหยุน เธอก้าวถอยหลังออกมาเล็กน้อย พร้อมกับจ้องหน้าหลิงหยุน และเอ่ยถามขึ้นด้วยความงุนงงสงสัย
ที่นี่คือห้องเพรสซิเดนท์สูทของโรงแรมเดอะริทซ์–คาร์ลตันซึ่งเป็นโรงแรมหรูระดับลักซ์ชัวรี่ ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของเกาลูน หากไม่มีคีย์การ์ด ก็ไม่สามารถที่จะกดลิฟท์ขึ้นมาได้อย่างแน่นอน
“ผมเหาะมายังไงล่ะ!”
หลิงหยุนเอ่ยตอบพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปทางหน้าต่างพร้อมกับเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจนัก
“โรงแรมนี้ปิดมิดชิดหนาแน่นเหลือเกินนับว่าโชคดีที่ข้าขอให้เจ้าเปิดหน้าต่างห้องเอาไว้ หาไม่แล้วคงไม่สามารถทำให้เจ้าประหลาดใจได้เช่นนี้..”
“ฉันตกใจแทบตาย!ตอนแรกนึกว่านายล้อเล่นซะอีก!”
มู่หลงเฟยจื่อยกมือขึ้นทาบอกที่กระเพื่อมขึ้นลงของตัวเองเธอเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า ก่อนจะวางสายจากหลิงหยุนนั้น เขาได้ขอให้เธอเปิดกระจกหน้าต่างห้องไว้ และบอกว่ามีเรื่องที่จะเซอร์ไพรส์เธอ
แต่มู่หลงเฟยจื่อคิดว่าหลิงหยุนน่าจะให้คนส่งของมาเซอร์ไพรส์เธอก่อนที่ตัวเขาจะมาถึงเสียมากกว่า และคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะเหาะเข้ามาทางหน้าต่างแบบเป็นการเซอร์ไพรส์แบบนั้น
แต่ท้ายที่สุดก็ต้องยอมรับว่า หลิงหยุนทำให้เธอประหลาดใจได้มาก แล้วก็ตกใจมากเลยทีเดียว!
“หลิงหยุนนั่งลงก่อนสิ!นายจะดื่มน้ำอะไร”
มู่หลงเฟยจื่อถอยออกมาและตั้งใจจะเดินไปนำเครื่องดื่มมาให้หลิงหยุน แต่เขาตอบกลับมาว่า
“ผมไม่อยากได้อะไร..”
หลิงหยุนเอ่ยตอบพร้อมกับเอื้อมมือออกไปดึงแขนของมู่หลงเฟยจื่อให้ตามเขาไปที่ห้องนั่งเล่น พร้อมกับฉุดนางให้นั่งลงบนโซฟาด้วยกัน
“พวกเรานั่งคุยกันก่อนดีกว่า..”
“หลิงหยุน..นายดูเปลี่ยนไปจากเดิมมากเลย!”
หลังจากนั่งลงแล้วมู่หลงเฟยจื่อก็สำรวจใบหน้าของหลิงหยุนใกล้ๆ อย่างละเอียดละอออีกครัง
“เปลี่ยนอะไรกันล่ะข้าแค่ดูหล่อเหลาขึ้นเท่านั้น!”
“เอ่อ..ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น!”
มู่หลงเฟยจื่อยิ้มให้กับหลิงหยุนพร้อมกับอธิบายให้เขาฟังว่า “ฉันหมายถึงว่า นิสัยแล้วก็ท่าทางของนายต่างหาก มันดูสงบนิ่งมากกว่าก่อนมาก..”
“ข้าไม่เข้าใจ..”
“เอ่อ..ฉันหมายถึงว่า เมื่อก่อนที่พวกเราสองคนเพิ่งรู้จักกันที่จิงฉู แล้วก่อนที่ฉันจะบินมาฮ่องกง นายชอบ.. ชอบรังแกฉัน! ไม่สงบเสงี่ยมแบบนี้ต่างหาก”
มู่หลงเฟยจื่อกำลังจะบอกบางสิ่งบางอย่างเป็นนัยๆกับหลิงหยุนและแน่นอนว่าเขาย่อมเข้าใจความหมายดี จึงได้แต่ยิ้มออกมา และตอบกลับไปว่า
“นี่พี่สาว..พวกเราจากกันไปนานร่วมสามเดือน ไม่คิดจะพูดคุยกันหน่อยรึ!”
มู่หลงเฟยจื่อรีบแก้ให้ทันที“ถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็คือ พวกเราจากกันมานานสามเดือนกับอีกเก้าวันต่างหาก!”
“…”
หลิงหยุนได้แต่นิ่งอึ้งเขาเองมีงานภารกิจวุ่นวายอยู่ตลอดเวลา นึกไม่ถึงว่ามู่หลงเฟยจื่อจะนั่งนับวันอย่างละเอียดถึงเพียงนี้
“ข้าขอโทษ!ข้ามีภารกิจรัดตัวมากมาย อีกทั้งยังวุ่นอยู่กับการฝึกฝนวิชา จึงทำให้มาเยี่ยมเยียนเจ้าได้ช้ามาก..” หลิงหยุนเอ่ยขอโทษด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ
“นายไม่จำเป็นต้องขอโทษฉัน!ฉันรู้ดีว่านายยุ่งมากขนาดไหน ถึงแม้ตัวฉันจะอยู่ฮ่องกง แต่ก็คอยสอบถามข่าวคราวของนายอยู่ตลอด”
มู่หลงเฟยจื่อเอ่ยตอบหลิงหยุนแต่สายตาของเธอกลับเหม่อมองภาพท้องทะเล ผ่านผนังกระจกบานใหญ่ในห้อง หลิงหยุนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเอ่ยถามออกไปว่า “เจ้าเคยบอกข้าว่า ที่ต้องเดินทางมาฮ่องกง เพราะต้องมาร่วมประชุมสัมนาแลกเปลี่ยนเรื่องเครื่องประดับมิใช่รึ แล้วผลการประชุมเป็นเช่นใดบ้าง?”
“เรื่องนั้นน่ะเหรอ”
มู่หลงเฟยจื่อหันกลับมามองหลิงหยุนพร้อมกับเล่าให้เขาฟังว่า..
“เป็นเพราะหยกที่นายประมูลได้ในครั้งนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งหยกจักรพรรดิ หลังจากที่ฉันทำการออกแบบ และทำเป็นชุดเครื่องประดับออกมาประมูลที่เกาะฮ่องกง ผลตอบรับที่ได้กลับดีกว่าที่คิดไว้มาก และสามารถจำหน่ายสินค้าล็อตแรกหมดในเวลาอันรวดเร็ว!”
“หลังจากที่ได้เข้าร่วมสัมมนากับนักออกแบบเครื่องประดับทั่วโลกและได้นำเครื่องประดับชุดนี้เข้าไปโชว์ ทั้งตัวฉันในฐานะนักออกแบบเครื่องประดับ และศาลาเทียนสี่สาขาฮ่องกง ก็ได้รับความนิยมจากลูกค้าเป็นอย่างมาก ทำให้มีงานยุ่งทุกวัน..”
หลิงหยุนได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่พยักหน้ายิ้มๆ
มู่หลงเฟยจื่อยิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกับพูดต่อว่า “แต่หลังจากที่นายสั่งให้หยุดผลิตชุดเครื่องประดับจากหยกจักรพรรดินั่นแล้ว สินค้าทางนี้ก็ขาดตลาด ทำให้ฉันพอจะมีเวลาว่างขึ้นบ้าง และตั้งใจว่าจะไปร่วมงานวันเกิดท่านลุงหลิง แต่ท่านปู่บอกว่า หลังงานเลี้ยงวันเกิดท่านลุงหลิง นายจะมาหาฉันที่ฮ่องกง ฉันก็เลย..”
เมื่อหลายเดือนก่อนนั้นหลังจากที่ประมูลไขหยกม่วงมาจากโรงประมูลตระกูลเย่แล้ว หลิงหยุนจึงพบว่าภายในหยกเหล่านั้นล้วนเป็นไขหยกทั้งสิ้น เขาจึงสั่งให้หยุดการนำหยกเหล่านั้นไปผลิตเป็นเครื่องประดับขายอีก
เพราะหยกเหล่านั้นล้วนมีคุณสมบัติยอดเยี่ยมเหมาะสำหรับนำมาทำเป็นขวดบรรจุโอสถชั้นเยี่ยม แล้วเขาจะปล่อยให้นำสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ไปแลกเป็นเงินอีกได้อย่างไรกันเล่า
อีกอย่างเวลานี้เขาเองก็มีเงินทองมากมายไม่ขาดแคลน เมื่อมู่หลงเฟยจื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลิงหยุนก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“นี่เฟยจื่อข้ามีสมบัติล้ำค่าบางอย่างจะให้เจ้าดู!”
หลิงหยุนเรียกไขหยกม่วงไขหยกขาว ไขหยกแดง ไขหยกเหลือง และไขหยกดำออกมาทันที และเวลานี้ ด้วยพลังเหนือธรรมชาติของหลิงหยุน ไขหยกทั้งห้าก็กำลังลอยอยู่กลางอากาศต่อหน้ามู่หลงเฟยจื่อ
“ว้าว!!นี่มัน..”
มู่หลงเฟยจื่อร้องอุทานออกมาด้วยสีน้าที่ทั้งตกใจและอัศจรรย์ใจ!
“นี่คือไขหยก!ไขหยกทั้งห้าชิ้นนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นไขหยกชั้นเลิศ ยังมีอีกนะ..”
จากนั้นหลิงหยุนก็ได้ใช้พลังเหนือธรรมชาติของตน เรียกไขหยกเขียวแวววาว ซึ่งมีความสูงถึงสี่สิบเก้าเซ็นติเมตร และมีเส้นผ่าศูนย์กลางสามสิบหกเซ็นติเมตรออกมา และเวลานี้มันก็กำลังลอยโดดเด่นอยู่กลางอากาศ
“พระเจ้า!”
มู่หลงเฟยจื่อนั้นหลงใหลในเรื่องของเครื่องประดับเป็นอย่างมากเธอจึงมีความรู้ในเรื่องเหล่านี้เป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังอดที่จะตกตะลึงกับไขหยกตรงหน้าไม่ได้!
“ทั้งหยกจักรพรรดิสีเขียวและหินห้าสี ทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีไขหยกอยู่ด้านในทั้งสิ้น!”
ระหว่างที่เอ่ยบอกมู่หลงเฟยจื่อนั้นหลิงหยุนก็ได้เรียกหินทั้งสองชนิดออกมาให้นางดูว่า ทั้งหมดล้วนรอยเจาะรูอยู่ตรงกลาง แต่ก็มิได้ทำให้หินทั้งสองชิ้นเสียหายมากมาย และไม่กระทบต่อคุณภาพของหยกเลยแม้แต่น้อย
แต่เนื่องจากหินทั้งสองมีน้ำหนักค่อนข้างมากหลังจากนำออกมาให้มู่หลงเฟยจื่อดูแล้ว เขาจึงเก็บกลับเขาไปในแหวนจักรวาลทันที แต่แล้วมู่หลงเฟยจื่อก็ทำท่าทางประหลาดเธอโน้มตัวเข้าไปหาหลิงหยุน พร้อมกับกระซิบเสียงเบา
“นี่หลิงหยุนนายรีบๆเก็บไขหยกพวกนี้เร็วเข้า! บนเกาะฮ่องกงมีคนอยู่หลายเชื้อชาติมาก แล้วก็มีหลายคนที่ทำอะไรแปลกๆแบบนายด้วย ขืนให้คนพวกนั้นรู้ พวกเขาอาจจะเกิดความโลภอยากได้ไปครองก็ได้..”
หลิงหยุนเห็นท่าทางของมู่หลงเฟยจื่อก็ได้แต่นึกขันจึงรีบยื่นมืออกไปตบไหล่ของนางเบาๆ พร้อมกับปลอบประโลม
“เจ้าอย่าได้กังวลใจไปเลยในเมื่อข้ากล้านำมันออกมา ย่อมต้องไม่เกรงกลัวว่าผู้ใดจะมาแย่งไป หากพวกมันไม่กลัวตาย ก็เข้ามาแย่งชิงไปจากข้าได้เลย!”
“ยังไม่รีบเก็บเข้าไปอีก!!!”
แต่กลับคิดไม่ถึงว่ามู่หลงเฟยจื่อไม่เพียงไม่เชื่อเขา แต่กลับเร่งเร้าให้หลิงหยุนเก็บไขหยกที่ลอยอยู่กลางอากาศกลับเข้าไป “ไม่ต้องห่วง..ไขหยกเหล่านี้จะมีประโยชน์ต่อข้าอย่างมากในวันข้างหน้า ข้าไม่มีวันขายให้ผู้ใด หรือปล่อยให้ตกไปอยู่ในมือของผู้ใดได้ง่ายๆแน่!” หลิงหยุนเอ่ยตอบยิ้มๆ
มู่หลงเฟยจื่อพยักหน้าอย่างเข้าใจในขณะที่หลิงหยุนก็หันกลับไปถามนางว่า “เจ้าอยู่ที่ฮ่องกงมีผู้ใดข่มเหงรังแกเจ้าบ้างหรือไม่”
หลิงหยุนเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับถามเรื่องที่ตนเองอยากรู้มากที่สุด!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร