บทที่ 1584 : ยึดเรือพิฆาต
สำหรับหลิงหยุน..ผู้ที่ทัณฑ์สวรรค์ไม่เคยสังหารเขาได้นั้น การรับทัณฑ์สวรรค์จึงไม่ต่างจากการรับของกำนัลจากสรวงสวรรค์..
หลิงหยุนสัมผัสได้ว่าทัณฑ์เมฆาครั้งนี้ดูเหมือนจะแข็งแกร่ง และน่ากลัวกว่าทัณฑ์เมฆาของหลิงลี่ หลิงเสี่ยว และจินเหยียวหลายเท่านัก แต่หลิงหยุนเคยผ่านการรับทัณฑ์อสุนีบาตห้าธาตุที่ทรงพลังมาแล้ว เมื่อครั้งที่เขาเข้าสู่ขั้นอู่เฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-5) แต่เวลานี้เขาเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นชีเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-7) แล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์ระดับเดิมอีก
ด้วยเหตุนี้ภายใต้ทัณฑ์เมฆาสีดำน่าสยดสยอง หลิงหยุนจึงได้แต่เหาะไป พร้อมกับต้องคอยเหลือบมองเหนือศรีษะของตนเองเป็นครั้งคราวไปด้วย
“หึ!คิดจะสังหารข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งที่รู้ว่าไม่อาจสังหารข้าได้ ดูเหมือนว่าการที่ข้าทะลวงขั้นได้ จะทำให้เจ้ารู้สึกไม่สบายใจมากสินะ! เจ้าจึงต้องคิดสังหารข้าอยู่ร่ำไป..”
หลิงหยุนเฝ้าครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งที่ดวงจิตของพู่กันจักรพรรดิปรากฏกายขึ้นช่วยเขาช่วงชิงของกำนัลจากสวรรค์ เมื่อคราที่หนิงหลิงยู่รับทัณฑ์สวรรค์
ครั้งนั้น..ฝ่ามือที่ปรากฏขึ้น เป็นฝ่ามือของผู้ใดกันนะ
แต่ไม่ว่าจะเป็นฝ่ามือของผู้ใดเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับหนิงหลิงยู่เป็นแน่!
เมื่อนึกถึงหนิงหลิงยู่ที่ตอนนี้อยู่เทือกเขาคุนหลุนแต่กลับหายเงียบไปไม่มีข่าวคราว ทำให้หลิงหยุนอดที่จะเป็นห่วงนางไม่ได้
แรงกดดันจากเบื้องบนดูเหมือนจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆทำให้หลิงหยุนตื่นจากภวังค์ความคิด และเมื่อรู้ตัวอีกที่ เขาก็ได้เหาะเลยจุดหมายปลายทางมาแล้ว และไม่รู้ว่าเวลานี้ตนเองกำลังอยู่ที่ใดกันแน่
ความจริงแล้วหลิงหยุนตั้งใจที่จะเหาะไปยังเกาะเล็กๆแห่งหนึ่ง ซึ่งเขาไปมาเมื่อสองสามวันก่อนหน้านี้ แต่เป็นเพราะมัวแต่คิดอะไรเพลิน ทำให้เขาเหาะเลยไป จนไม่รู้ว่าเวลานี้ตนเองกำลังอยู่ที่ใด เขาจึงต้องเรียกเครื่องมือสื่อสารของหน่วยนภาออกมา เพื่อค้นหาตำแหน่งที่ตนเองอยู่ และพบว่าที่นี่คือหมู่เกาะหนานซา!
หลิงหยุนเหาะออกมาไกลราวหนึ่งพันสองร้อยกิโลเมตรและเวลานี้เขาก็เหาะอยู่เหนือพื้นที่ด้านใต้ของทะเลจีนใต้
“เฒ่าหวังบอกว่าช่วงนี้แถบทะลจีนใต้ไม่ค่อยสงบนักไหนๆข้าก็มาแล้ว ลองเหาะสำรวจดูรอบๆเสียหน่อย..”
บูม!
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ได้ขยายรัศมีจิตหยั่งรู้ของตนเองออกสุด ทำให้เขาพบเห็นเรือสามลำที่กำลังแล่นจากทางด้านทิศตะวันออก และกำลังมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันตก ด้วยความเร็วที่ไม่เร็วนัก
นี่มันเรือของนาข้าวเจ้ากล้าดียังไงมาก่ออาชญากรรมที่โจ่งแจ้งต่อทะเลหนานซาของข้า หลอกลวงข้าที่จีน ไม่มีใคร
“นั่นมันเรือของทหารสหรัฐนี่!พวกแกกล้าดีอย่างไร ถึงได้แล่นเรือเข้ามาในเขตน่านน้ำบริเวณหมู่เกาะหนานซาเช่นนี้”
ธงบนเรือพิฆาตทั้งสามลำนั้นสะดุดตาหลิงหยุนยิ่งนัก และเวลานี้ริมฝีปากของเขาก็แสยะยิ้มอย่างเย้ยหยัน
“หึ!เป็นความโชคร้ายของพวกเจ้าเอง ที่บังเอิญมาพบเจอข้าเข้า!”
ยังไม่ทันจะเอ่ยจบประโยคดีร่างของหลิงหยุนก็หายวับไป และไปปรากฏกายอีกครั้งใกล้ๆกับบริเวณที่เรืองทั้งสามลำแล่นอยู่
……
“โอ้!มีสิ่งแปลกปลอมลี้ลับ นั่นมันอะไรกัน!”
เพียงแค่หนึ่งนาทีต่อมาเรือพิฆาตทั้งสามลำก็สามารถตรวจจับวัตถุบนท้องฟ้าได้ ทหารในเรือได้แต่พากันตกตะลึง ท่ามกลางความตกใจของใครหลายๆคนบนเรือนั้นนายทหารยศร้อยโทคนหนึ่งก็กำลังร้องตะโกนรายงานผู้บังคับบัญชาเสียงดัง
“รายงานหัวหน้า..ผมสังเกตเห็นเมฆดำทะมึนกลุ่มใหญ่ปรากฏขึ้นแต่ไกล และเวลานี้ มันก็กำลังพุ่งมาทางเรือของเรา!”
อันที่จริงนายทหารผู้นั้นแทบไม่ต้องรายงานด้วยซ้ำไป เพราะเวลานี้ เมฆดำทะมึนกลุ่มใหญ่นั้น ได้ลอยมาอยู่เหนือเรือของพวกเขาแล้ว และเหล่าทหารเรือคนอื่นๆ ต่างก็พากันวิ่งกรูขึ้นมาบนดาดฟ้าเพื่อดูว่าเมฆดำกลุ่มนั้นคืออะไรแน่
“นี่มันอะไรกัน!”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
“นั่นน่ะสิจู่ๆทำไมถึงได้เกิดอะไรแบบนี้ขึ้น ก่อนหน้านี้ท้องฟ้าก็แจ่มใสดี ไม่มีทีท่าว่าจะมีพายุฝนเลยแม้แต่น้อย แต่แล้วทำไมจู่ๆ ถึงได้มีกลุ่มเมฆดำทะมึนโผล่ขึ้นมาได้?!”
เหล่าทหารอเมริกันต่างก็พากันตกอกตกใจเพราะเวลานี้ นอกจากทัณฑ์เมฆาสีดำจะมีขนาดใหญ่เกือบเท่าภูเขาแล้ว ภายในยังมีสายฟ้าที่ส่องประกายวูบวาบอยู่อีกมากมาย ทำให้พวกเขาต่างก็นิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึง!
อีกทั้งกลุ่มเมฆสีดำนั้นเมื่อลอยมาถึงเรือทั้งสามลำของทหารอเมริกันแล้ว กลับไม่ลอยผ่านไปเลย แต่ค่อยๆเคลื่อนที่ตามเรือของพวกเขาไปอย่างช้าๆ
แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่ากลุ่มเมฆสีดำนั้นเคลื่อนที่ตามร่างของหลิงหยุน ซึ่งเวลานี้เขาก็ได้ใช้วิชาล่องหนพลางตัว ทำให้ทหารอเมริกันที่อยู่บนเรือ ไม่สามารถมองเห็นเขาที่แฝงตัวอยู่ในเรือ
“พระเจ้า!ในกลุ่มเมฆสีดำขนาดใหญ่นี้ มีสายฟ้าแปลกประหลาดอยู่มากมาย ดูท่าคงต้องเกิดพายุฝนขึ้นแน่! เร็วเข้า.. รีบไปบอกกัปตันเรือให้เร่งความเร็วมากขึ้น!”
นายทหารที่วิ่งเข้ามารายงานภูมิอากาศที่ผิดปกติให้ผู้บังคับบัญชาทราบนั้นรีบวิ่งไปบอกกัปตันเรือให้เร่งความเร็ว เพื่อนำเรือออกไปจากรัศมีของเมฆดำนี้ทันที
“ใครที่อยู่ดาดฟ้ารีบหาที่หลบเร็วเข้า ระวังอย่าให้ถูกฟ้าผ่าเข้าล่ะ!”
ผู้บังคับบัญชาของเรือออกคำสั่งทันทีแต่น่าเสียดายที่ทุกอย่างช้าไปเสียแล้ว!
เปรี้ยง..ครืน..!!
เพราะทันทีที่เหล่าทหารเรือบนดาดฟ้าพากันวิ่งหาเกราะกำบังนั้นทัณฑ์สวรรค์ก็เริ่มทำงาน..
สายฟ้าขนาดใหญ่ก็ฟาดเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนอย่างแม่นยำจนเขาไม่อาจใช้วิชาล่องหนอำพรางตัวได้อีก และจำต้องเผยตัวให้ทุกคนเห็น..
“นี่มันอะไรกัน!ผู้ชายคนนี้มาอยู่บนเรือของเราตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“พระเจ้า!มีศัตรูบุกขึ้นมาบนเรือ!”
ร่างของหลิงหยุนปรากฏขึ้นบนดาดฟ้าของเรือลำแรกหลังจากที่ถูกสายฟ้าเส้นแรกฟาดเข้าใส่ร่าง ทำให้ทหารในเรือต่างก็พากันตกอกตกใจ
หลิงหยุนที่ยืนอยู่กลางดาดฟ้าหันไปโบกมือให้กับเหล่าทหารอเมริกัน พร้อมตอบกลับไปเป็นภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว
“ข้ามิใช่ศัตรูข้าเพียงแค่มาสั่งสอน และทำให้พวกเจ้าได้ลิ้นรสของการถูกรุกรานบ้างก็เท่านั้นเอง!”
จากนั้นยังไม่ทันที่เหล่าทหารอเมริกันจะได้ระวังตัว ร่างของพวกมันก็ถูกหลิงหยุนจับโยนลงทะเล หลิงหยุนไม่ต้องการสังหาร หรือทำร้ายผู้คน เขาเพียงแค่ต้องการสร้างความหวาดผวาให้กับเหล่าทหารอเมริกันเท่านั้น
ครืน..เปรี้ยง.. เปรี้ยง..!!
สายฟ้าเส้นที่หนึ่งผ่านไปเส้นที่สอง.. สาม.. ก็ตามมา..
หลังจากถูกสายฟ้าฟาดอุปรกรณ์อิเล็กทรอนิคภายในเรือ ก็เกิดความเสียหาย ทำให้ไม่สามารถติดต่อกับหอควบคุมบนฝั่งได้อีกและเวลานี้ สายฟ้ายังคงฟาดเข้าใส่ดาดฟ้าเรืออย่างต่อเนื่อง!
เวลานี้ภายในเรือก็เริ่มโกลาหลวุ่นวายอย่างหนัก เรือพิฆาตลำนี้ทำด้วยเหล็ก แม้จะเหล่าทหารเรืองจะพากันวิ่งเข้าไปหลบในห้องโดยสารแล้ว แต่ก็ยังสามารถมองเห็นประกายวูบวาบของสายฟ้ามากมายได้อย่างชัดเจน และตอนนี้พวกเขาต่างก็พากันกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว..
“อย่าแตะต้องส่วนที่เป็นโลหะมันเป็นตัวนำกระแสไฟฟ้าอย่างดี!” ทหารอเมริกันนายหนึ่งร้องตะโกนบอกเพื่อนทหารด้วยกันที่อยู่ในห้องโดยสาร
แต่เมื่อหลิงหยุนตามลงมาที่ห้องโดยสารทหารอเมริกันกลุ่มหนึ่งก็ใช้ปืนยิงกระหน่ำเข้าใส่ร่างของเขาทันที แต่เวลานี้ หลิงหยุนสำเร็จวิชาดาราคุ้มกายถึงขั้นที่ ลูกกระสุนเหล่านี้ไม่สามารถทำอันตรายร่างกายของเขาได้แล้ว
ท่ามกลางห่ากระสุนปืนที่ทหารอเมริกันกระหน่ำยิงเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนนั้นเขากลับเดินฝ่าดงกระสุนไปได้อย่างง่ายดาย เพราะกระสุนลูกแล้วลูกเล่าที่พุ่งเข้าใส่ร่างกายของหลิงหยุนนั้น ก็ล้วนแล้วแต่ร่วงหล่นลงสู่พื้น และไม่สามารถทำอันตรายเขาได้เลยแม้แต่น้อย
ผ่านไปราวสองนาทีเสียงกระหน่ำยิงก็เงียบลง เพราะต่อให้ยิงต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร..
“ยอมแพ้!พวกเรายอมแพ้แล้ว!”
ผู้บังคับบัญชาของเรือลำแรกรีบทิ้งอาวุธและร้องตะโกนขอยอมแพ้ แต่หลิงหยุนกลับส่ายหน้ายิ้มๆ และตอบกลับไปว่า
“ยอมแพ้อย่างเดียวไม่ได้!พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องรีบออกไปจากที่นี่ภายในครึ่งชั่วโมง แต่ต้องทิ้งเรือทั้งสามลำไว้ที่นี่ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่!”
แต่ยังไม่ทันที่หลิงหยุนจะกล่าวจบดีร่างของเขาก็ได้หายวับไปจากห้องโดยสาร และไปปรากฏตัวอีกครั้งบนดาดฟ้าเรือ หลังจากนั้นราวสิบวินาที ร่างของหลิงหยุนก็ได้เหาะไปบนท้องนภา เวลานี้ร่างของหลิงหยุนอยู่ห่างจากรัศมีของเรือทั้งสามลำไปราวสามสิบกิโลเมตร และเขายังคงวนเวียนรับทัณฑ์สวรรค์อยู่บริเวณนั้น
หลิงหยุนได้เตือนทุกคนให้หนีออกจากเรือแล้วแต่กลับพบว่า เวลานี้จรวดมิสไซล์ของเรืองอีกสองลำ กลับกำลังเล็งมาที่ร่างของเขา หลิงหยุนจึงได้ประกาศกร้าวว่า
“ข้าขอเตือนพวกเจ้าอย่าได้คิดโจมตีข้าด้วยจรวดมิสไซล์นั่น เพราะหากข้าลงมือจริงๆ พวกเจ้าทุกคนจะไม่มีโอกาสรอดชีวิตได้เลยแม้แต่คนเดียว..”
ผู้บังคับบัญชาที่ออกคำสั่งให้เล็งเป้าไปที่หลิงหยุนนั้นเมื่อได้ยินว่า หลิงหยุนซึ่งอยู่ห่างจากเรืองไปถึงสามสิบกิโลเมตร แต่กลับสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวภายในเรืองได้อย่างชัดเจน จึงได้แต่นิ่งเงียบ ก่อนจะตัดสินใจบอกกับลูกเรือว่า
“ดูท่าพวกเราคงจะเผชิญกับผู้ฝึกบ่มเพาะลี้ลับของชาวจีนเข้าแล้วผมเชื่อว่า ด้วยความสามารถของเขา ต่อให้จรวดมิซไซล์ของเราก็คงทำอะไรเขาไม่ได้..”
“ถอย..”
หลังจากได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาสูงสุดที่ดูแลเรือทั้งสามลำทหารอเมริกันทั้งหมดก็ได้ทิ้งเรือ และใช้เรือชูชีพหนีไปแทน
“พวกเจ้าจำไว้ให้ดี!อย่าได้โผล่หัวมาที่นี่อีก หาไม่แล้ว ครั้งหน้าข้าจะไม่ปราณีพวกเจ้าแน่!”
ระหว่างที่ร้องตะโกนบอกเหล่าทหารอเมริกันที่กำลังอพยพหนีกันนั้นหลิงหยุนก็กำลังอยู่ท่ามกลางคลื่นอสุนีบาตชุดที่สาม และรอบกายของเขาก็รายล้อมไปด้วยของวิเศษหลายชิ้น
ต้องนับว่าหลิงหยุนเมตตาพวกเขามากแล้วมิเช่นนั้น หากหลิงหยุนต้องการสังหารทหารอเมริกันทั้งหมดจริงๆ เขาย่อมสามารถใช้วิชาคลื่นคงคา สร้างคลื่นขนาดมหึมาขึ้นมา กลืนเรือพิฆาตทั้งสามลำลงไปใต้ท้องทะเลได้อย่างง่ายดาย! ท่ามกลางท้องนภาที่มืดมิดฟากหนึ่งมีแสงจันทราส่องประกายสุกใส ส่วนอีกฟากหนึ่ง กลับสว่างไสวไปด้วยแสงของอสุนีบาตสายแล้วสายเล่า และภาพที่เกิดขึ้นก็สามารถสร้างความสยดสยองให้แก่ผู้พบเห็นได้อย่างมากมาย
พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าไม่เคยพบเห็นอสุนีบาตที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้มาก่อนเลย!
จนกระทั่งผ่านไปอีกราวหนึ่งชั่วโมงการรับทัณฑ์สวรรค์ของหลิงหยุนในครั้งนี้ก็สิ้นสุดลง เขาจึงได้เหาะลงไปยังดาดฟ้าของเรือลำแรก และเวลานี้เรือทั้งสามลำก็ว่างเปล่าไร้ผู้คน หลิงหยุนถึงกับยิ้มออกมา ก่อนจะเรียกเครื่องมือสื่อสารออกมาติดต่อหาโจวเหวินอี้
“อาวุโสโจวข้าเพิ่งยึดเรือพิฆาตของทหารอเมริกันมาได้สามลำ สองลำยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ส่วนอีกลำ ระบบอิเล็กทรอนิคภายในเรือเสียหาย ข้าข้อมอบให้เป็นสมบัติของประเทศชาติ ท่านให้คนมานำกลับไปได้เลย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร