บทที่ 1588 : ไม่ใช่เรื่องง่าย
เวลาแปดโมงเช้าแสงสีทองจากดวงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมา ทำให้ผืนน้ำในท้องทะเลเป็นประกายระยิบระยับงดงามยิ่งนัก
ที่นี่เป็นท่าเรืองลับที่ใหญ่มากและเวลานี้เรือขนาดใหญ่สามลำก็ได้จอดเรียงรายอยู่บนผืนน้ำในท้องทะเล เป็นภาพที่ทำให้ผู้พบเห็นสามารถตกตะลึงได้อย่างง่ายดาย
เมื่อคืนนี้เรือลำนี้ยังจอดอยู่ในน่านน้ำแถบทะเลจีนใต้อยู่เลย แต่เวลานี้ กลับมาจอดอยู่ภายในท่าเรือลับด้วยฝีมือของหลิงหยุนเพียงคนเดียว และนับจากนี้ เรือทั้งสามลำจะต้องจอดอยู่ที่นี่ตลอดไป เพื่อให้เหล่าทหารเรือได้ใช้เป็นเครื่องมือในการศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆ และนำความรู้นั้นมาพัฒนากองทัพเรือของประเทศต่อไป
คงจะมีเพียงทหารเรือเท่านั้นที่จะเข้าใจและทึ่งกับเทคโนโลยีล้ำหน้าของเรือทั้งสามลำนี้ พวกเขาเท่านั้นที่รู้ว่า เรือทั้งสามลำจะส่งผลกระทบต่อกองทัพเรือมากเพียงใด ด้วยเหตุนี้ เหล่านายทหารระดับผู้บังคับบัญชา ซึ่งมีคุณสมบัติจะมายืนมองเรือทั้งสามลำอยู่ตรงนี้ จึงได้แต่จ้องมองหลิงหยุนด้วยสายตาที่เคารพชื่นชม!
ทุกคนในที่นี้ต่างก็รู้ดีว่าโอกาสที่เรือทั้งสามลำจะถูกยิงจมนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปได้มากกว่า การที่จะสามารถนำเรือทรงอานุภาพทั้งสามลำ มาจอดในท่าเรือลับแห่งนี้เสียอีก!
แม้ว่าประเทศนี้จะเป็นประเทศที่มีอำนาจไม่น้อยแต่ก็นับเป็นเรื่องยากที่จะสามารถทำเช่นนั้นได้!
ต่อให้ทหารเรือจะสามารถนำเรือกลับมายังท่าเรือลับแห่งนี้ได้จริงก็เป็นไปได้ยาก ที่จะทำได้โดยไม่มีการสูญเสียเลือดเนื้อของทั้งสองฝ่ายเช่นนี้!
แต่หลิงหยุนกลับสามารถทำเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญและแทบเป็นไปไม่ได้นี้ เพียงคนเดียวลำพัง..
“หลิงหยุนเจ้าปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ได้เยี่ยมยอดยิ่งนัก!”
ไม่รู้ว่าโจวเหวินอี้มาถึงตั้งแต่เมื่อใดจู่ๆเขาก็มาปรากฏกายยืนอยู่ข้างหลิงหยุน สีหน้าของเขาเวลานี้ บ่งบอกถึงความตื่นเต้นที่ยากจะปกปิดไว้ได้
หลังจากเอ่ยชื่นชมหลิงหยุนไปแล้วโจวเหวินอี้ก็ยืนจ้องมองเรือขนาดใหญ่ทั้งสามลำ ที่ดูราวกับอสูรกายยักษ์แน่นิ่ง ก่อนจะหันกลับมาจ้องมองหลิงหยุนครู่ใหญ่ พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“หลิงหยุนนี่นับเป็นความสำเร็จที่แทบจะเป็นไปได้ยากยิ่ง!”
แต่หลิงหยุนกลับหันไปบ่นโจวเหวินอี้แทน“นี่อาวุโสโจว ยืนจ้องหน้าข้าอยู่ได้! แล้วก็เลิกปั้นหน้าเคร่งขรึมเสียที! เอาล่ะ.. มาพูดเรื่องรางวัลที่ข้าควรจะได้ จากการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้กันดีกว่า!”
“…”โจวเหวินอี้ได้แต่นิ่งอึ้ง
หลิงหยุนยกนิ้วชี้ขึ้นถูจมูกพร้อมกับเอ่ยถามโจวเหวินอี้ว่า “อะไรกันอาวุโสโจว นี่ท่านลืมเรื่องสำคัญเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
โจวเหวินอี้ยิ้มกว้างพร้อมกับจ้องหน้าหลิงหยุนก่อนจะตอบไปว่า “นี่ถ้าเจ้ามิได้ถามถึงรางวัล ข้าคงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท..”
“ก่อนที่ข้าจะเดินทางมาที่นี่นั้นท่านผู้นำฝากคำพูดให้ข้ามาบอกกับเจ้า – ครั้งนี้เจ้าทำคุณประโยชน์ต่อประเทศมากมาย ฉะนั้น ไม่เพียงท่านผู้นำยินดีจะมอบรางวัลให้กับเจ้าแล้ว ยังจะมอบรางวัลให้กับหน่วยนภาของเรา และตระกูลหลิงของเจ้าด้วย ขอเพียงเจ้าเอ่ยปากเท่านั้น..”
“แต่..”
หลังจากที่ถ่ายทอดคำพูดของท่านผู้นำให้หลิงหยุนฟังแล้วโจวเหวินอี้ก็เตือนหลิงหยุนว่า “ข้าขอเตือนเจ้าไว้ล่วงหน้า ทางที่ดีอย่าได้อ้าปากของสิ่งใดจะดีกว่า..”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“อาวุโสโจว ข้าบอกท่านเมื่อใดกันว่า ต้องการรางวัลจากท่านผู้นำ ข้าแค่หวังว่า หน่วยนภาจะมอบแต้มสักหนึ่งพันแปดร้อยล้านแต้ม ให้ข้าเป็นรางวัลในการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้สำเร็จเท่านั้นเอง!”
“เจ้าอย่าได้ฝันไปเลย!”
โจวเหวินอี้ตอบปฏิเสธทันทีพร้อมกับบอกหลิงหยุนไปว่า “เจ้ามีตำแหน่งเป็นถึงอาวุโสของหน่วยนภา ยังต้องมีรางวัลอะไรกันอีกเล่า..”
หลิงหยุนขมวดคิ้วพร้อมกับข่มขู่โจวเหวินอี้“อาวุโสโจว.. ท่านคงจะลืมกฏของหน่วยนภาไปแล้วสินะ เวลานี้แต้มหน่วยนภาของข้ามากกว่าของท่านแล้ว แต่ข้าคร้านที่จะไปแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยนภากับท่าน..”
“อ่อ..เจ้าอยากจะเป็นหัวหน้าหน่วยนภางั้นรึ ข้ายินดียกตำแหน่งให้เจ้าด้วยความเต็มใจ!”
โจวเหวินอี้ตอบหลิงหยุนพร้อมกับยิ้มกว้าง“แต่ก่อนอื่น เจ้าต้องกลับไปปักกิ่งกับข้า แล้วก็ไปนั่งประจำอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของหน่วยนภา เป็นเวลาอย่างน้อยสองหรือสามปี เพื่อศึกษา และทำความรู้จักกับหน่วยนภาในทุกแง่มุม หลังจากที่เข้าใจการทำงานของหน่วยนภาจนถ่องแท้แล้ว ข้าโจวเหวินอี้.. ยินดีที่จะยกตำแหน่งหัวหน้าหน่วยนภาให้กับเจ้าด้วยความเต็มใจ!”
“ท่านอย่าได้ฝันไปเลย!”
หลิงหยุนตอบปฏิเสธกลับไปทันทีเขาส่ายหน้าพร้อมกับยืนยันเสียงแข็ง “ข้าจะไม่ยอมไปนั่งจมปลักอยู่ในโรงซ่อมถนนเก่าๆนั่นแน่ อย่าว่าแต่สองหรือสามปีเลย แม้แต่วันเดียวข้าก็ยังไม่อยากจะอยู่!”
โจวเหวินอี้ได้ฟังถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดังและแน่นอนว่า ทั้งคู่เพียงแค่หยอกเย้ากันสนุกๆเท่านั้น!
“เหตุใดท่านต้องมาที่นี่ด้วยตนเอง”
หลังจากหัวเราะกันอย่างสนุกสนานแล้วหลิงหยุนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามโจวเหวินอี้ถึงเรื่องนี้ เพราะคิดไม่ถึงว่าเขาจะเดินทางมาด้วยตนเองเช่นนี้!
โจวเหวินอี้ถึงกับถอนหายใจออกมาก่อนจะตอบหลิงหยุนไปว่า “เฮ้อ.. แม้สิ่งที่เจ้าทำจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ แต่ก็เป็นเรื่องใหญ่โตไม่น้อย เปรียบเหมือนเจ้าถ่ายแล้วไม่เช็ดก้น ข้าก็ต้องตามมาเช็ดให้น่ะสิ!”
หลิงหยุนหัวเราะเสียงดังพร้อมกับพยักหน้าอย่างอารมณ์ดี “ฮ่าๆๆ ก้นของข้า คงมีแต่อาวุโสโจวเท่านั้นที่มีคุณสมบัติพอที่จะตามเช็ดให้!”
“หึ!เดี๋ยวนี้เจ้าชักจะเอาใหญ่แล้วนะหลิงหยุน ถึงกับกล้าล้อเลียนข้า นี่เจ้าคงอยากจะมีเรื่องกับข้ามากสินะ”
“ข้าขอแนะนำว่าท่านอย่าได้มีเรื่องกับข้าจะดีกว่าเพราะท่านสู้ข้าไม่ได้แน่!”
“……”โจวเหวินอี้แต่นิ่งเงียบเมื่อถูกหลิงหยุนย้อนกลับมาเช่นนั้น
หลังจากที่ทั้งสองคนหยอกเย้ากันพอหอมปากหอมคอแล้วโจวเหวินอี้ก็หันไปกระซิบบอกหลิงหยุนเสียงเบา พร้อมกับทำสีหน้าประหลาดใจ “ความจริงที่ข้ามาที่นี่ด้วยตัวเองก็เพราะอยากจะรู้ว่า เหตุใดเจ้าจึงสามารถพัฒนาขั้นพลังบ่มเพาะได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ และเหตุใดเข้าสู่ด่านสุดท้ายขั้นพลังชี่แล้ว แต่ดูเหมือนทัณฑ์อสุนีบาตกลับทำอะไรเจ้าไม่ได้เลยแม้แต่น้อย?”
“อ่อ..คำถามสุดท้าย เจ้านำเรือใหญ่ขนาดนี้ตั้งสามลำกลับมาได้อย่างไรกัน หรือว่า.. แหวนพื้นที่ของเจ้าเวลานี้สามารถ..”
สีหน้าของโจวเหวินอี้เวลานี้บ่งบอกว่าทั้งอัศจรรย์ใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขาไม่สามารถปิดบังความอยากรู้อยากเห็นของตนเองไว้ได้ จนต้องเอ่ยถามหลิงหยุนออกมาในที่สุด
แต่หลังจากที่ได้เห็นสีหน้าของโจวเหวินอี้เวลานี้หลิงหยุนก็ได้แต่หัวเราะ โดยไม่ตอบคำถามของเขา และปล่อยให้เขาคาดเดาเอาเอง
โจวเหวินอี้ได้แต่ทำตาปริบๆและเอ่ยถามหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน “นี่พ่อหนุ่ม..เจ้าจะไม่บอกข้าจริงๆงั้นรึ”
หลิงหยุนหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขที่สามารถกลั่นแกล้งโจเหวินอี้ได้จากนั้นจึงได้ตอบเขาไปว่า
“ความจริงก็ไม่มีอะไรมาก..คำตอบสำหรับคำถามแรกก็คือ เป็นเพราะข้ามีพรสวรรค์ล้ำเลิศ และเป็นอัจฉริยะในการบ่มเพาะพลัง จึงไม่แปลกที่ข้าจะสามารถพัฒนาขั้นพลังได้รวดเร็ว!”
“ส่วนคำตอบของคำถามที่สอง..ในเมื่อข้าสามารถพัฒนาขั้นพลังบ่มเพาะได้รวดเร็ว จึงผ่านการรับทัณฑ์สวรรค์มาแล้วมากมาหลายครั้ง ข้าจึงมีประสบการณ์มากกว่าผู้ใด..”
“ส่วนคำถามข้อสุดท้าย..อืมม! ท่านคาดเดาได้ถูกต้องแล้ว หลังจากที่ข้าเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นชีเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-7) ข้าสามารถสร้างแหวนพื้นที่ซึ่งมีพื้นที่บรรจุภายในใหญ่กว่าเดิม และเวลานี้ข้าก็สามารถสร้างแหวนพื้นที่ ซึ่งมีพื้นที่บรรจุกว้างใหญ่จนสามารถบรรจุเรือลำใหญ่เช่นนั้นได้!” คำตอบของหลิงหยุนนั้นออกจะกำกวมไม่ชัดเจนนัก แต่ใช่ว่าเขาต้องการหลอกลวง หรือปิดบังโจวเหวินอี้ แต่เป็นเพราะเกรงว่าโจวเหวินอี้จะบอกเรื่องนี้กับผู้อื่นต่อ
นับว่าโชคดีที่โจวเหวินอี้เองก็เข้าใจและไม่คิดที่จะถามหลิงหยุนมากไปกว่านี้ หลังจากที่ได้ฟังคำตอบของหลิงหยุน เขาก็ได้แต่นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะยกมือขึ้นตบไหล่หลิงหยุนเบาๆ พร้อมกับรำพึงรำพันว่า
“เจ้าช่างน่าอิจฉายิ่งนัก!”
หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มและไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก เขายกมือขึ้นชี้ไปทางเรือทั้งสามลำ พร้อมกับเอ่ยถามโจวเหวินอี้ว่า
“ในเมื่อเรือทั้งสามลำก็อยู่ที่ท่าเรือลับแล้วทหารอเมริกันยังจะหาพบอีกหรือไม่ หรือข้าควรต้องสร้างค่ายกลปิดบังสถาานีที่แห่งนี้ไว้?”
โจวเหวินอี้เข้าใจความเป็นห่วงของหลิงหยุนดีจึงได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ และตอบกลับด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ “ไม่จำเป็น!ที่นี่เป็นท่าเรือลับของกองทัพเรือ มีระบบจับสัญญาณตรวจจับ และเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆได้ อีกทั้งยังมีการป้องกันระดับสูง เจ้าวางใจได้!”
หลิงหยุนพยักหน้าหงึกๆและตอบกลับไปว่า “เช่นนั้นก็ดี!”
“อาวุโสโจวข้าเดินทางมาที่นี่ราวหกเจ็ดวันได้แล้ว ไม่ทราบว่าระหว่างที่ข้าไม่อยู่ปักกิ่งนั้น มีความเคลื่อนไหวอะไรบ้างหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลหลง!”
โจวเหวินอี้หัวเราะหึๆพร้อมตอบกลับไปยิ้มๆ “ข้าคิดไว้แล้วว่าเจ้าต้องถามคำถามนี้กับข้า!”
“ข้ารู้มาว่า..เวลานี้ตระกูลหลงมีหลงเทียนซิงอยู่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น! หลังจากที่เจ้าออกจากปักกิ่ง หลงฮ่าวหลานก็เดินทางออกจากปักกิ่งด้วยเช่นกัน แต่มิมีผู้ใดรู้ว่าเขาเดินทางไปที่ใดกันแน่ หากให้ข้าคาดเดา.. ข้าว่าเขาจะต้องเดินทางไปแถบทะเลจีนตะวันออกแน่!” “ทะเลจีนตะวันออกงั้นรึ!”
หลิงหยุนถึงกับใจเต้นเพราะทั้งหลงคุนและตงฟางถิงได้บอกกับเขาว่า เวลานี้แถบทะเลจีนตะวันออกเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เขาอยากจะให้หลิงหยุนรีบเดินทางไปที่นั่นทันที หลังจากที่จัดการธุระที่นี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว!
โจวเหวินอี้เห็นสีหน้าของหลิงหยุนจึงได้แต่ถามยิ้มๆ “พ่อหนุ่ม.. หากข้าเดาไม่ผิด จุดหมายต่อไปของเจ้าคงจะเป็นที่ตงไห่ (ทะเลจีนตะวันออก) สินะ”
หลิงหยุนไม่จำเป็นต้องปิดบังโจวเหวินอี้เรื่องนี้และตอบเขาไปตามความจริง “ถูกต้อง! หลังจากที่ข้าปฏิบัติภารกิจที่นี่เสร็จเมื่อใด ก็จะเดินทางไปตงไห่ต่อทันที และอาจอยู่ที่นั่นสักพัก..”
“เอาล่ะ..ในเมื่อท่านเองก็อยู่ที่นี่กับข้าแล้ว ข้ามีบางเรื่องอยากจะถามท่าน!”
“เชิญเจ้าถามได้เลย..”โจวเหวินอี้เอ่ยตอบหลิงหยุน “หลังจากที่ข้าสังหารคุนปากับยอดฝีมือหนานหยางไปหลายคนข้าก็เฝ้ารอให้พวกมันส่งคนมาแก้แค้นแทนคุนปาและคนอื่นๆ หลังจากนั้นจะได้จับตัวพวกมันบางคนไว้ และบีบบังคับให้พาข้าไปที่รังของพวกมัน แต่จนป่านนี้ ทุกอย่างกลับยังคงนิ่งเงียบ ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆเลยแม้แต่น้อย ข้าเองก็ไม่รู้ว่ารังของพวกมันอยู่ที่ใดกันแน่”
“อาวุโสโจวเช่นนี้ข้ายังจะทำอะไรได้อีก”
หลิงหยุนเริ่มบ่นให้โจวเหวินอี้ฟังส่วนโจวเหวินอี้นั้น เมื่อได้เห็นสีหน้าเหนื่อยหน่ายของหลิงหยุนเวลานี้ ก็ได้แต่ยิ้มออกมา และตอบกลับไปว่า
“เจ้าอย่าลืมว่าคุนปาเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งไม่น้อยเวลานี้ พวกมันรู้เรื่องที่คุนปาถูกเจ้าสังหารตาย แน่นอนว่าพวกมันย่อมต้องตกใจ และหวาดกลัวเป็นธรรมดา!”
“แล้วเรื่องรังของพวกมันเล่า”
โจวเหวินอี้เหลือบมองหลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยถามออกไปว่า “เอาล่ะ.. ไหนเจ้าลองบอกข้ามา หลังจากที่พบรังของพวกมันแล้ว เจ้าคิดจะทำเช่นใดต่อ”
หลิงหยุนตอบกลับในทันที“ยังจะต้องถามอีกรึ ข้าก็จัดการถล่มพวกมันให้สิ้นซากน่ะสิ !”
โจวเหวินอี้หัวเราะออกมาพร้อมกับตอบไปว่า“เอาล่ะ! ในเมื่อเจ้าตั้งใจเช่นนั้น ข้าก็จะบอกเจ้าเอง!”
หลังจากนั้นหลิงหยุนกับโจวเหวินอี้ก็ออกไปหาที่ลับตาคน เพื่อสนทนาในเรื่องสำคัญกันต่อราวครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นหลิงหยุนก็เหาะกลับไปหามู่หลงเฟยจื่อที่เกาะฮ่องกง
เขาใช้เวลาอยู่กับมู่หลงเฟยจื่ออีกตลอดทั้งวันและถ่ายทอดวิธีการดูดซับพลังชี่จากภายนอกเข้าไปในร่างกายให้ ก่อนจะถ่ายทอดวิชาบ่มเพาะพลังให้กับนาง หลังจากนั้นทั้งคู่ก็รับประทานอาหารมื้อเย็นด้วยกัน
จนกระทั่งเวลาสี่ทุ่มตรงหลิงหยุนกับพอลก็ได้เหาะออกจากฮ่องกง เพื่อไปจัดการภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จสิ้น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร