บทที่ 1589 : ขั้นปาเฉิงชี่
“พอล..เหตุใดเจ้าจึงได้บินช้านัก เจ้ากลายร่างเป็นค้างคาวมิดีกว่ารึ?”
หลังจากที่หลิงหยุนและพอลเหาะออกจากฝั่งได้ไม่นานนักหลิงหยุนก็ต้องหันกลับไปมองพอลที่บินตามมาอย่างเชื่องช้า จนอดที่จะกระแนะกระแหนไม่ได้
พอลในร่างของนกยักษ์ถึงกับทำสีหน้ากระอักกระอ่วนในขณะที่ร้องตะโกนตอบหลิงหยุนกลับไปว่า
“เจ้านายที่เคารพท่านเหาะเร็วถึงเพียงนั้น ต่อให้ข้ากลายร่างเป็นค้างคาว ก็ไม่สามารถบินตามเจ้านายได้ทันอยู่ดี..”
หลิงหยุนถึงกับหัวเราะออกมา“ที่ข้าให้เจ้ากลายร่างเป็นค้างคาวนั้น มิใช่เพื่อให้เจ้าบินไล่ตามข้าให้ทัน แต่ข้าจะให้เจ้าเกาะข้าไปต่างหากเล่า!”
“อ่อ..ข้าเข้าใจแล้ว!” พอลร่ายมนต์แวมไพร์แปลงร่างเป็นค้างคาวตัวเล็กทันทีแต่เนื่องจากมันไม่ใช่แวมไพร์ชั้นต่ำเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ถึงแม้จะกลายร่างเป็นค้างคาว แต่ก็เป็นค้างคาวที่มีขนาดใหญ่โตกว่าหนึ่งฟุต และมีรัศมีสีม่วงทอประกายเจิดจ้าออกมาอีกด้วย
“ข้อดีของแวมไพร์อย่างพวกเจ้าก็คือมีมนต์คาถาที่สามารถทำให้ตนเองกลายร่างเป็นอะไรก็ได้!”
หลิงหยุนบ่นพึมพำพร้อมกับยื่นมือออกไปคว้าร่างค้างคาวสีม่วงมาไว้ในมือ พร้อมกับร้องตะโกนบอกพอลว่า
“เอาล่ะรีบไปกันดีกว่า!”
หลิงหยุนต้องการไปให้ถึงจุดหมายปลายทางโดยเร็วเขาจึงเหาะไปด้วยความเร็วสูงสุดของตน ซึ่งมีอัตราความเร็วสูงถึงยี่สิบเจ็ดกิโลเมตรต่อวินาทีเลยทีเดียว!
นอกจากพอลจะตกตะลึงกับอัตราความเร็วอันน่าอัศจรรย์นี้มันยังหวาดกลัวอย่างมากด้วย และไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามองไปรอบตัว แต่ถึงแม้พอลจะลืมตามอง มันก็คงมองไม่เห็นอะไรอยู่ดี เพราะภาพที่เห็นคงจะเบลอจนแยกแยะไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร..
หลิงหยุนเองก็รู้ดีว่าด้วยอัตราความเร็วเช่นนี้ กายเนื้อของพอลย่อมไม่อาจทานทนได้แน่ เขาจึงได้ใช้โล่ลมปราณครอบร่างของพอลไว้อีกที ส่วนตัวเขาเองนั้น เหาะไปโดยไม่มีเครื่องป้องกันใดๆ
มีเพียงแค่ดวงตาของเขาเท่านั้นที่ไม่อาจทานทนต่อแรงเสียดทานที่รุนแรงได้หลังจากที่เหาะไปได้ไม่กี่อึดใจ ดวงตาของหลิงหยุนก็เริ่มมีน้ำตาไหลออกมา และในที่สุด เขาก็ต้องใช้โล่ลมปราณปกป้องดวงตาทั้งสองข้างของตนเองไว้
หลังจากที่เหาะไปได้อีกสักระยะหนึ่งหลิงหยุนก็เริ่มรู้สึกว่า ด้วยอัตราความเร็วเช่นนี้ กายเนื้อของเขาก็เริ่มจะทานทนไม่ได้เช่นกัน คล้ายกับว่าจะสามารถถูกสายลมรุนแรงฉีกกระชากออกเป็นชิ้นเมื่อใดก็ได้ เขาจึงได้ลดความเร็วลงเหลือกึ่งหนึ่ง.. หลังจากที่ลดความเร็วลงแล้วหลิงหยุนก็ไม่จำเป็นต้องมีโล่ลมปราณปกป้องอีก พอลเองก็ร้องตะโกนออกมาอย่างสนุกสนาน
“สนุกจริงๆ!”
หลังจากที่สัมผัสได้ว่าหลิงหยุนเริ่มลดอัตราความเร็วในการเหาะลงแล้ว พอลจึงกล้าลืมตาขึ้นมองสิ่งรอบตัว
แต่เนื่องจากยี่สิบวินาทีก่อนหน้านี้ที่หลิงหยุนเหาะทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าเป็นเส้นตรง ด้วยความเร็วสูงสุดนั้น ทำให้สิ่งที่พอลเห็นคือโลกที่เป็นทรงกลม!
หากมีใครสักคนได้เห็นภาพที่หลิงหยุนเหาะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้านั้นจะพบว่าร่างของเขาไม่ต่างจากขีปนาวุธที่ถูกยิงขึ้นจากท้องทะเลเบื้องล่าง และกำลังทะยานขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
ฉะนั้นการที่พอลมองลงไปเห็นเส้นโค้งวงกลมของโลกนั้น จึงมิใช่เรื่องโอ้อวดเกินจริงนัก! “จะ..เจ้านาย.. นี่พวกเราอยู่ที่ไหน”
“พอล..เจ้าไม่ดีใจรึที่ได้ออกมาสัมผัสชั้นบรรยากาศนอกโลกเช่นนี้” หลิงหยุนเอ่ยถามในขณะที่ยังคงพุ่งทะยานสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
“เจ้านายที่เคารพนี่ท่านอยากให้ข้ามีประสบการณ์ที่ดี หรือต้องการฆ่าข้ากันแน่”
พอลในร่างของค้างคาวได้แต่ยืนตัวแข็งไม่ไหวติงมีเพียงศรีษะของมันเท่านั้นที่ส่ายไปไปมา ราวกับต้องการจะประท้วงการกระทำของหลิงหยุน
“ถึงแม้จะเป็นบริวารแต่ข้าก็มีหัวใจนะเจ้านาย ท่านฆ่าข้าได้ แต่ไม่ควรทำให้ข้าหวาดกลัวถึงเพียงนี้!”
“ฮ่าๆๆตกลง! เช่นนั้นพวกเราค่อยมาเที่ยวนอกโลกใหม่วันหลัง!”
หลิงหยุนลดความเร็วลงและคิดได้ว่าเขายังมีภารกิจที่ต้องไปสะสางให้เสร็จสิ้น ร่างของหลิงหยุนค่อยๆเอียงลง และกำลังเบนศรีษะลงสู่ผืนทะเลเบื้องล่างแทน “อ๊าก!!!”
พอลกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวจนหลิงหยุนต้องตวาดกลับไป
“หยุดร้องตะโกนเสียที!ข้าหนวกหูจะแย่อยู่แล้ว!”
และด้วยความโมโหหลิงหยุนจึงได้เอื้อมมือขึ้นมาบีบคอของค้างคาวพอลไว้ เพื่อมิให้มันสามารถส่งเสียงร้องออกมาได้อีก ในเมื่อไม่มีทางเลือก พอลจึงได้แต่หลับตาปี๋
“เอาล่ะลืมตาขึ้นได้แล้ว! พอล.. เจ้ามันช่างขี้ขลาดยิ่งนัก!”
หลังจากกลับสู่โลกและกำลังเหาะอยู่เหนือท้องทะเลนั้นหลิงหยุนก็เอ่ยบอกพอล พร้อมกับปล่อยมือออกจากลำคอของมัน
“เอาล่ะพวกเรามาถึงซานย่าแล้ว!”
ระยะทางจากฮ่องกงมาถึงซานย่านั้นหากบินเป็นเส้นตรงก็จะราวหกร้อยกิโลเมตร และหลิงหยุนก็สามารถเหาะมาถึงที่นี่ได้ โดยใช้เวลาเพียงแค่สองนาทีกว่าๆเท่านั้น นับเป็นความเร็วที่น่าตกใจยิ่งนัก เพราะแม้แต่แวมไพร์ขั้นแกรนด์ดยุคที่แข็งแกร่งอย่างพอล ยังถึงกับหวาดกลัวจนต้องกรีดร้องออกมา
พรึบ!
พอลกลายร่างกลับเป็นนกยักษ์ในร่างมนุษย์ตามเดิมพร้อมกับบินหนีห่างจากร่างของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว แล้วจึงร้องตะโกนบอกหลิงหยุนไปว่า
“เจ้านายที่เคารพหากข้าจำไม่ผิด เจสเตอร์เองก็พูดได้หลายภาษาเช่นกัน..”
หลิงหยุนถึงกับหัวเราะร่วนเมื่อได้ฟังคำพูดของพอลมันอับอายเกินกว่าจะบอกหลิงหยุนไปตามตรง จึงได้บอกกับเขาเป็นนัยๆว่า หากวันหน้าหลิงหยุนต้องการทำอะไรเช่นนี้อีก สามารถเรียกใช้เจสเตอร์แทนตนเองได้นั่นเอง
“อืมม..เจ้ากล่าวได้มีเหตุมีผล เจสเตอร์ไม่ขี้ขลาดเหมือนเจ้า!” หลิงหยุนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “เจ้านายที่เคารพข้าไม่เข้าใจจริงๆ หากท่านเหาะมาด้วยความเร็วตามปกติ ก็สามารถมาถึงที่นี่ได้อย่างรวดเร็วแล้ว เหตุใดยังต้อง..”
พอลไม่กล้าที่จะเอ่ยคำพูดที่อยู่ในใจออกไปจึงได้หยุดไว้เพียงเท่านั้น หลิงหยุนหันไปมอง พร้อมกับพูดแทนว่า
“ทำอะไรบ้าๆแบบนั้นรึ”
“ครับ..เจ้านายที่เคารพ!”
พอลยักไหล่เล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยต่อทันที“แม้กระทั่งข้าเอง ก็สามารถบินมาถึงที่นี่ภายในเวลาเพียงแค่ห้าหรือหกนาทีเช่นกัน..”
“นั่นเพราะเจ้ายังมิเข้าใจความหมายของอัตราความเร็วดีต่างหาก..”
สีหน้าและแววตาของหลิงหยุนเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที พร้อมกับอธิบายให้พอลฟังว่า “ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ สามารถบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งคนผู้นั้นได้ด้วย..”
“และที่สำคัญเมื่อความเร็วสูงสุดในระดับหนึ่ง มันจะส่งผลกระทบต่อเวลาและพื้นที่!” “หาไม่แล้วจะสามารถย่อปฐพี ท่องไปในความว่างเปล่าได้อย่างไรกันเล่า”
เสียงของหลิงหยุนค่อยๆเบาลงจนแทบกลายเป็นเสียงกระซิบ..
“เจ้านายที่เคารพคำพูดของท่านทำให้ข้านึกถึงทฤษฎีสัมพันธภาพของไอน์สไตน์ที่บอกไว้ว่า.. ความเร็วส่งผลต่อเวลาและพื้นที่!”
“เกือบจะเหมือนแต่ยังไม่เหมือนกันเสียทีเดียว และยังมีความแตกต่างที่กว้างมาก..”
หลังจากพูดมาถึงตรงนี้หลิงหยุนก็โบกมือพร้อมกับสั่งพอลว่า “เจ้าบินมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ราวหนึ่งกิโลเมตร จากนั้นจึงค่อยบินไปทางทิศตะวันตก และรอข้าอยู่บริเวณนั้น..”
“ข้าจะไปพบกับเจ้าหลังจากนี้ราวครึ่งชั่วโมง..”
“ครับเจ้านายที่เคารพ!”
คุยเล่นก็คือคุยเล่นแต่เมื่อใดที่หลิงหยุนออกคำสั่ง พอลจะปฏิบัติตามอย่างไม่มีเงื่อนไขและมันก็บินแยกจากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่พอลบินแยกไปแล้วหลิงหยุนก็เหาะมุ่งหน้าไปยังชายฝั่งด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือทันที
เวลานี้นอกจากหลิงหยุนจะเหาะช้าลงแล้ว เขายังลดเพดานบินลงต่ำเรื่อยๆอีกด้วย และตอนนี้ก็อยู่เหนือท้องทะเลเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงพลังพุทธะที่แข็งแกร่งและทรงพลังมาขึ้นเรื่อยๆอยู่เบื้องหน้า พร้อมกับเสียงสวดมนต์เป็นภาษาบาลีที่ดังก้องอยู่ในหูของเขา
ฟิ้ว!ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
จากนั้นประคำโพธิ ตะเกียงน้ำมัน น้ำเต้าวิเศษ และสร้อยประคำ ซึ่งเป็นสมบัติพุทธองค์ทั้งสี่อย่าง ก็ได้พุ่งทะยานออกมาจากแหวนจักรวาลของหลิงหยุนพร้อมกัน และกำลังส่องแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วทั้งบริเวณ!
หลิงหยุนสัมผัสได้ว่าพลังพุทธะที่แก่กล้านั้นได้ห่อหุ้มร่างของเขาไว้จนไม่อาจต้านทานได้
จากนั้นสมบัติพุทธองค์ทั้งสี่ชิ้นก็ได้เปล่งลำแสงสีขาวเป็นทางยาวออกมาพร้อมกัน ลำแสงทั้งสี่พุ่งออกตรงไปยังรูปปั้นสีขาวขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า และห่างจากหลิงหยุนไปราวหนึ่งร้อยเมตร
และนี่คือรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมแห่งหนานซาน!
รูปปั้นองค์เจ้าแม่กวนอิมแห่งหนานซานนี้มีความสูงถึง108 เมตร และมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 120 เมตร รูปปั้นมีทั้งหมดสามด้าน ด้านหนึ่งหันไปทางบก และอีกสองด้านหันหน้าเข้าหาทะเลจีนใต้ เพื่อแสดงถึงพรและการคุ้มครอง
ด้านหนึ่งแสดงให้เห็นเจ้าแม่กวนอิมถือพระสูตรไว้ในมือซ้ายและแสดงท่าทางวิทารากะมุทรา ด้านที่สองฝ่ามือของพระองค์ไขว้กันถือเชือกลูกประคำอธิษฐาน และด้านที่สามถือดอกบัว
และนี่คือรูปปั้นองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมที่สูงที่สุดในโลก
นโมอมิตพุทธ..
หลิงหยุนรีบเหาะตรงตามแสงสว่างของสมบัติพุทธองค์ทั้งสี่ชิ้นไปยังรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมทันที และเมื่อไปถึงเขาก็ประสานมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน และเอ่ยคำ ‘นโม อมิตพุทธ’ ด้วยความเคารพ
ทันใดนั้นก็ปรากฏแสงสีทองสุกสว่าง ส่องประกายออกมาจากรูปปั้นสีขาวขนาดใหญ่นั้น และสามารถมองเห็นได้แต่ไกล
และนี่คือพลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระโพธิสัตว์กวนอิม!
หลิงหยุนได้แต่ยิ้มออกมาเสียงสวดมนต์ดังขึ้นอยู่ในหูของเขา ไม่เร็วและไม่ช้าจนเกินไป
นโมอมิตาพุทธ..
หลังจากที่เสียงสวดมนต์เป็นภาษาบาลีนี้หายไปหลิงหยุนรู้สึกคล้ายกับว่า ศรีษะของตนเองถูกเคาะเบาๆ จิตใจของเขาพลันสว่างวาบและกระจ่างขึ้นมาทันที และพบว่าตนเองได้เข้าสู่ขั้นปาเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-8) อย่างน่าอัศจรรย์!
“ขอบคุณองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมยิ่งนัก!”
หลังจากนั้นแสงสีทองสุกสว่างก็อันตรธานหายไป ทุกอย่างกลับคืนสู่ความเป็นปกติ หลิงหยุนประสานมือทำกราบไหว้ด้วยความเคารพยิ่ง นี่นับเป็นของขวัญที่ล้ำค่ายิ่งนัก!
จากนั้นร่างของหลิงหยุนก็หายวับไปในทันที!
สมบัติพุทธองค์ทั้งสี่ชิ้นเหาะกลับเข้าไปในแหวนของหลิงหยุนดังเดิมและเวลานี้พลังพุทธะของสมบัติทั้งสี่ชิ้นก็เพิ่มขึ้นจากเดิมนับร้อยเท่า
หลิงหยุนยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจก่อนจะก้าวยกเท้าของตนขึ้น ครั้งนี้เขามิได้เหาะไป แต่ต้องการทดสอบใช้พลังเหนือธรรมชาติ ที่ได้รับมาหลังจากสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นชีเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-7)
ก้าวเทียนจู๋ทง..ทำให้หลิงหยุนสามารถก้าวเท้าแต่ละก้าวได้ไกลมากกว่าเก้าพันเมตรเลยทีเดียว อีกทั้งยังสามารถเดินอยู่บนผืนน้ำได้อีกด้วย!
หลิงหยุนก้าวเท้าเดินเพียงแค่ห้าก้าวเท่านั้นก็ไปถึงจุดที่ได้นัดหมายกับพอลไว้แล้ว!
หลังจากนั้นเขาก็ได้ใช้ตาทิพย์เทียนเอี๋ยนทง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพลังเหนือธรรมชาติที่ได้มาเช่นกัน มองหาพอลก่อนจะเดินตรงเข้าไปหา
หลิงหยุนไม่จำเป็นต้องเหาะข้ามทะเลอีกต่อไปและเพียงแค่สามสิบก้าว เขาก็สามารถข้ามผืนน้ำในทะเลไปได้ไกลกว่าสองร้อยเจ็ดสิบกิโลเมตร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร