บทที่ 1592 : ขอคำชี้แนะ
หลังจากที่คิดได้เช่นนั้นและด้วยความเคียดแค้น หลิงหยุนจึงได้ริเริ่มที่จะทำลายแนวเทือกเขาทอดยาว ซึ่งเปรียบเสมือนเส้นเลือดมังกรแห่งนี้ทิ้งเสีย
เพราะการแก้แค้นที่เจ็บปวดที่สุดยิ่งกว่าการทำลายสุสานของบรรพชนแล้ว ก็คงไม่มีสิ่งใดที่น่าเจ็บปวดไปกว่า การที่ฮวงจุ้ยหรือภูมิศาสตร์ที่ล้ำเลิศได้ถูกทำลายลง นั่นเพราะการทำลายสถานที่ซึ่งเปรียบเสมือนเส้นเลือดมังกรของประเทศนั้นๆ ย่อมส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศนั้นๆด้วย
เทือกเขาทอดยาวที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดมังกรนั้นย่อมมีความสำคัญไม่ต่างจากกะโหลกศรีษะของมนุษย์ ที่จะต้องรักษาไว้อย่างดีมิให้ถูกทำลายเสียหาย
เวลานี้หลิงหยุนได้เข้าสู่ขั้นปาเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-8) แล้ว นอกเหนือจากความแข็งแกร่งและพลังเหนือธรรมชาติมากมาย เขายังมีวิชาดัชนีห้าธาตุ ซึ่งสามารถใช้ตัดขุนเขาที่ประกอบด้วยธาตุทั้งห้าได้อย่างไม่ยากนัก
และนอกจากวิชาดัชนีห้าธาตุแล้วเขาก็ยังมีวิชาใต้พิภพที่ทำให้ตนเองสามารถดำไปมาใต้ดินได้ หรือจะดำลึกลงไปลึกเท่าไหร่ก็ได้ อีกทั้งความเชี่ยวชาญด้านค่ายกลของหลิงหยุน ก็ยิ่งทำให้การทำลายเส้นเลือดมังกรเป็นไปได้ง่ายขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้นหลิงหยุนก็ยังต้องใช้เวลาปฏิบัติภารกิจอยู่ใต้ผืนดินครั้งนี้นานกว่าหนึ่งชั่วโมง เขาดำไปทางเหนือทีทางใต้ที กลับไปกลับมาเช่นนี้เป็นระยะทางมากกว่าหนึ่งร้อยกิโลเมตร เพื่อสร้างค่ายกลที่สมบูรณ์กางกั้นระหว่างหัว และหางมังกร มิให้สามารถเชื่อมต่อกันได้อีก
นับว่าครั้งนี้ชาวยุทธพันธมิตรหนานหยาง สร้างความขุ่นเคืองให้กับหลิงหยุนได้เป็นอย่างมากจริงๆ และเวลานี้ เขาก็ได้ใช้ศิลาแม่เหล็กขนาดเท่าลูกฟุตบอล ทำเป็นดวงตาค่ายกล!
นับตั้งแต่ที่หลิงหยุนประมูลศิลาแม่เหล็กขนาดใหญ่นี้มาได้เขาก็ยังไม่เคยได้นำมันออกมาใช้งานเลยสักครั้ง และคิดไม่ถึงว่าจะต้องนำมันออกมาใช้งานเพื่อการนี้
จนกระทั่งหลังเที่ยงคืนเล็กน้อยในที่สุดหลิงหยุนก็ได้พาพอลดำขึ้นมาบนดิน และมาโผล่ในบริเวณป่าทึบกลางหุบเขาแห่งหนึ่ง ทันทีที่ขึ้นมาได้ หลิงหยุนก็รีบเรียกเครื่องมือสื่อสารของหน่วยนภา ออกมาค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของตนเองอย่างรวดเร็ว
หลิงหยุนถึงกับเผลอยิ้มออกมาด้วยความพอใจเมื่อพบว่า ตนเองยังคงอยู่ในแนวเทือกเขาเดิม เพียงแต่ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ค่อนไปทางทิศตะวันตกของเทือกเขา และอยู่ในเขตแนวชายแดนของประเทศหนึ่ง
บริเวณนี้ค่อนข้างเป็นพื้นที่แคบและจุดที่แคบที่สุดก็มีระยะทางเพียงแค่ห้าสิบกิโลเมตรเท่านั้น สำนักเทียนหลิงตั้งอยู่ทางด้านใต้ของเทือกเขา ฉะนั้น หลังจากที่หลิงหยุนจัดการทำลายแนวเทือกเขาที่เป็นเสมือนเส้นเลือดมังกรแล้ว เขาจึงเลือกที่จะมาโผล่ทางด้านนี้แทน
ท่ามกลางป่าหนาทึบพอลหันมองไปรอบๆกาย และเมื่อพบว่าแนวเทือกเขาทั้งหมดยังคงอยู่เช่นเดิม มันจึงได้แต่ร้องถามออกมาด้วยความงุนงงสงสัย
“เจ้านายที่เคารพไหนเจ้านายบอกจะทำลายแนวเทือกเขาทั้งหมด เจ้านายปฏิบัติภารกิจอยู่ใต้ดินตั้งนานสองนาน แต่พอโผล่ขึ้นมาบนดิน ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม ไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย นี่มันอะไรกัน!”
“นี่พอล!อย่าเอาแต่บ่น แล้วก็ริอาจตำหนิข้า หากเจ้ามิได้เก่งกาจไปกว่าข้า!”
หลิงหยุนยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลออกมาเต็มหน้าผากพร้อมกับตำหนิพอล ก่อนที่จะอธิบายให้มันฟังว่า
“เทือกเขาแห่งนี้จะไม่พังทลายลงในทันทีแต่จะค่อยๆจมลงต่างหากล่ะ และภายในครึ่งปี ภูเขาทั้งลูกนั่นก็จะจมลงไปในดินอย่างน้อยยี่สิบเมตร หลังจากนั้นก็จะเริ่มมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นทางด้านใต้ เล็กบ้างใหญ่บ้างสลับกันไป มีซึนามิเป็นครั้งคราว ภายในระยะเวลาห้าสิบปีนี้ ทางภาคใต้ก็อย่าได้หวังว่าจะมีความสงบสุขเกิดขึ้นเลย!”
“ห๊ะ!น่ากลัวขนาดนั้นเชียวรึ?!”
พอลได้แต่ร้องอุทานออกมาด้วยความตกตะลึงและเวลานี้ มันก็ยิ่งตระหนักถึงความน่ากลัวของผู้ที่เป็นเจ้านายมากขึ้น
‘นี่มันอะไรกันเดี๋ยวนี้เจ้านายสามารถจมภูเขาได้เชียวรึ? แล้วก็ไม่ใช่น้อยๆด้วย.. ยี่สิบเมตร!! นับวันยิ่งน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ!!’
การกระทำของหลิงหยุนนั้นไม่ต่างจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิศาสตร์เลยทีเดียว!
แต่การกระทำในครั้งนี้หลิงหยุนต้องใช้พลังเหนือธรรมชาติไปมากทำให้เขาต้องสูญเสียพลังปราณในร่างไปมากเช่นกัน หลิงหยุนจึงได้นั่งลงขัดสมาธิพร้อมกับเรียกหลิวเทวะวิญญาณออกมา หลังจากนั่งฟื้นฟูพลังปราณอยู่ครู่หนึ่ง หลิงหยุนและพอลจึงได้ออกเดินทางต่อ
หลิงหยุนไม่รอช้าเขาเหาะขึ้นไปบนอากาศ และเพียงไม่กี่อึดใจ เขาก็เหาะข้ามเขตแดนเข้าไปยังดินแดนของประเทศไทย และคุนปาซึ่งไปสร้างปัญหาที่เกาะมาเก๊า ก็มาจากประเทศนี้เช่นกัน เขาจึงต้องเดินทางมาที่นี่
เพื่อให้ไม่เสียเวลาหลิงหยุนจึงได้พาพอลเหาะไปด้วยความเร็วสูงสุด เขาเหาะจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ไปทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นแนวทะแยงมุม และเพียงไม่นานนัก หลิงหยุนกับพอลก็อยู่เหาะมาถึงจังหวัดหนึ่งในภาคกลางของประเทศไทย ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงของประเทศไปราวห้าสิบกว่ากิโลเมตรเท่านั้น
“บรรยากาศไม่ปกติ!”
ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้นหลิงหยุนก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ปกติ จึงได้แต่เอ่ยบอกพอลว่า “ดูท่าการปรากฏตัวของเราสองคนทางภาคใต้ คนของพันธมิตรหนานหยางคงจะรู้เรื่องหมดแล้ว พวกมันถึงได้เตรียมการป้องกันไว้แล้ว!”
“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้นแน่เจ้านายระเบิดรุนแรงลูกแล้วลูกเล่า คงไม่ใช่เพียงแค่การฝึกทางทหารแน่ๆ!”
พอลหยุดชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะกระซิบถามเสียงเบาว่า “เจ้านาย แล้วนี่ท่านคิดที่จะทำเช่นใดต่อไป ถอยกลับไปตั้งตัวก่อน แล้ววันหน้าค่อยมาใหม่จะดีหรือไม่?”
“พอล..เจ้ามันขี้ขลาดชะมัด!”
หลิงหยุนนึกขันพอลไม่น้อยที่ดูเหมือนว่าหลังจากถูกยิงถล่มด้วยขีปนาวุธเมื่อครู่ ก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมา แต่จะว่าไป ต่อให้เป็นถึงแวมไพร์ขั้นแกรนด์ดยุค หากถูกขีปนาวุธยิงเข้าใส่ร่าง ก็ยากที่จะรอดชีวิตได้!
หากไม่ใช่เพราะลางสังหรณ์ของหลิงหยุนแล้วล่ะก็ทั้งเขาและพอลก็อาจจะหนีไม่ทันก็เป็นได้ และอาจต้องเสียชีวิตอยู่ที่นั่นทั้งคู่! “ข้าเพียงแค่บอกว่าชาวยุทธแห่งพันธมิตรหนานหยางรู้ตัวแล้วพวกมันจึงได้เตรียมการป้องกันไว้ แต่ข้ามิได้บอกว่า การป้องกันของพวกมันจะได้ผลหรือไม่นี่”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“คืนนี้ข้าคงไม่ต้องการเจ้าไปเป็นล่าม เอาเป็นว่าเจ้าไปหาที่หลบซ่อนตัวให้ดีก็แล้วกัน! หลังจากข้าจัดการสะสางปัญหาแล้ว จะมาพบเจ้าเอง!”
“เจ้านายที่เคารพข้ารู้ว่าท่านแข็งแกร่งยิ่งนัก หากเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธด้วยกันคงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่หากศัตรูโจมตีท่านด้วยอาวุธรุนแรงเล่า ท่านจะรับมือเช่นใด”
พอลเป็นคนเฉลียวฉลาดจึงสามารถคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ไม่ยาก มันจึงอดที่จะเอ่ยถามหลิงหยุนด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“เรื่องนั้นเจ้าอย่าได้กังวลใจไปเลย!”
หลิงหยุนหันไปยิ้มให้พอลพร้อมกับตบบ่าของมันก่อนจะอธิบายให้ฟังว่า “ที่ที่ข้าจะไปนั้น มิได้อยู่กลางหุบเขาห่างไกลดังเช่นสำนักเทียนหลิง แต่อยู่ในใจกลางเมืองซึ่งมีผู้คนอาศัยอยู่มากมาย พวกมันคงไม่กล้าที่จะใช้อาวุธร้ายแรงแน่!”
หลิงหยุนไม่ได้รู้สึกหนักใจเลยแม้แต่น้อยเขาบ่มเพาะกายาจนแข็งแกร่ง ต่อให้อีกฝ่ายใช้ปืนกระหน่ำยิง ด้วยความเร็วของตนในเวลานี้ หลิงหยุนก็มั่นใจว่า ตนเองจะสามารถหลบลูกกระสุนได้ไม่ยาก
“เจ้าไปหาที่หลบซ่อนอย่างสบายใจได้ไม่ต้องเป็นห่วงข้า!”
หลิงหยุนยิ้มให้พอลอีกครั้งพร้อมกับย้ำให้มันได้มั่นใจและสบายอกสบายใจ “เอาล่ะ.. ข้าต้องไปแล้ว!”
ฟิ้ว..
จากนั้นร่างของหลิงหยุนก็หายวับไปกับตา
……
ภายในสำนักหมื่นพุทธรูปที่ตั้งอยู่ในบริเวณจังหวัดนครปฐม ประเทศไทย..
ด้านในของสำนักหมื่นพุทธรูปนั้นมีอุโบสถสีทองสุกสว่าง รอบๆมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ตั้งเรียงรายอยู่มากมาย
สำนักหมื่นพุทธรูปนี้นับเป็นสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดอีกแห่งหนึ่งของชาวยุทธพันธมิตรหนานหยาง ซึ่งสามารถเทียบได้กับวัดเส้าหลินในประเทศจีน และภายในสำนักแห่งนี้ ก็มียอดฝีมือระดับปรมาจารย์อยู่มากมาย
แต่ตอนนี้ภายในสำนักหมื่นพุทธรูปกลับเงียบสงัด ยอดฝีมือทั้งหมดได้ไปรวมตัวกันอยู่ภายในห้องโถงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง สีหน้าของแต่ละคนนั้นเคร่งเครียดจริงจัง ประหนึ่งว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับศัตรู
นั่นเพราะหลังจากที่สำนักเทียนหลิงถูกหลิงหยุนถล่มข่าวคราวก็ได้แพร่สะพรัดออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากได้ตอบโต้กลับไปอย่างรุนแรงด้วยการยิงขีปนาวุธเข้าใส่นั้นก็ยังมิมีผู้ใดรู้ว่าศัตรูของพวกเขาได้ตายไปแล้ว หรือว่ายังมีชีวิตอยู่กันแน่ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่อาจคาดเดาได้ว่า หากศัตรูที่แข็งแกร่งผู้นี้ยังไม่ตาย จะบุกมาที่นี่หรือไม่ และถ้ามา.. จะมาเมื่อใด? พวกเขาจึงได้เรียกเหล่ายอดฝีมือของพันธมิตรหนานหยาง ให้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่
ในบรรดายอดฝีมือที่มารวมกันอยู่ภายในสำนักหมื่นพุทธรูปนี้ล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือในขั้นก่อสร้างรากฐานทั้งสิ้น และเวลานี้ ทั้งหมดก็กำลังนั่งปรึกษาหารือกัน เพื่อหาทางรับมือกับศัตรูที่แข็งแกร่งนี้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
และในระหว่างที่ทุกคนกำลังปรึกษากันอย่างเคร่งเครียดอยู่นั้นเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้น..
“ข้าหลินเทียน..ขอภัยที่มารบกวนสหายพันธมิตรหนานหยางในยามค่ำคืนเช่นนี้ และที่ข้ามาในวันนี้ก็เพื่อขอคำชี้แนะ!”
ทุกคนที่อยู่ภายในห้องโถงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่นี้ต่างก็ได้ยินเสียงของหลิงหยุนกันอย่างชัดเจนทุกคน และทุกคนก็ถึงกับหน้าเปลี่ยนสีในทันที!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร