บทที่ 1593 : สังหารคนยะโส
ความจริงแล้วก่อนที่หลิงหยุนจะปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆกับห้องโถงสี่เหลี่ยมนี้ ปรมาจารย์ทั้งสามท่าน ก็ได้รับรู้ถึงการมาของหลิงหยุนก่อนหน้าแล้ว
ปรมาจารย์ทั้งสามนี้ก็คือผู้ที่มีฝีมือสูงส่งที่สุดภายในสำนักหมื่นพุทธรูปแห่งนี้ ซึ่งได้แก่ท่านอาจารย์กระทิง ท่านอาจารย์จันทร์ และท่านอาจารย์พายุ
การปรากฏตัวของหลิงหยุนทำให้ท่านอาจารย์กระทิงถึงกับมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่ถึงกับตื่นตระหนกตกใจนัก เขายังคงนั่งสงบนิ่ง และเพียงแค่ปรายตามองอาจารย์จันทร์ กับอาจารย์พายุเท่านั้น
ในเวลานั้นอาจารย์จันทร์ยังคงนั่งหลับตานิ่ง ราวกับว่ากำลังดำดิ่งอยู่ในสมาธิ แต่ทุกคนในห้องโถงกลับมองเห็นชัดเจนว่า แสงสว่างที่เปล่งประกายออกจากศรีษะของเขานั้น ค่อยๆหดตัวลง และหายเข้าไปในร่างอย่างรวดเร็ว
จากนั้นสีหน้าของอาจารย์จันทร์ก็เปลี่ยนไปทันที แม้จะแอบถอนหายใจอยู่ภายใน แต่ภายนอกกลับยังคงนั่งสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหว
ทางด้านอาจารย์พายุที่มีรูปร่างสูงใหญ่แตกต่างจากชายไทยทั่วไปนั้นเวลานี้ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ปกปิด จึงเผยให้เห็นผิวสีเนื้อทองแดงที่ดูแข็งแกร่งดุดัน บ่งบอกว่ามีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะออกไปเผชิญหน้ากับศัตรู
และหากมิใช่เพราะมีท่านอาจารย์กระทิงและท่านอาจารย์จันทร์อยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยมนี้ด้วยอาจารย์พายุคงจะพุ่งทะยานออกไปประมือกับหลิงหยุนแล้วเป็นแน่
เวลานี้อาจารย์กระทิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิผสานมือไว้ด้านหน้า ศรีษะก้มต่ำลงเล็กน้อยนั้น หลังจากที่ได้ปรามอาจารย์พายุแล้ว สายตาของเขาก็เหลือบมองไปทางศิษย์สำนักหมื่นพุทธรูปสองคน ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ทั้งคู่ก็คือไวยและบูชา..
ทั้งสองคนไม่เพียงเป็นศิษย์กลุ่มแรกของสำนักหมื่นพุทธรูปแต่ยังเป็นผู้ที่สำนักหมื่นพุทธรูป ส่งไปเป็นตัวแทนเมื่อมีการจัดงานชุมนุมของชาวยุทธพันธมิตรหนานหยางทุกครั้งด้วย และที่อาจารย์กระทิงปรายตามองไปทางพวกเขาทั้งสองคนนั้นก็เพราะว่า ทั้งคู่เข้าใจภาษาจีนและสามารถสื่อสารได้เป็นอย่างดีนั่นเอง
“ไวย..เขาเป็นใคร แล้วเมื่อครู่พูดว่าอะไร?” อาจารย์กระทิงเจ้าสำนักเอ่ยถามขึ้น
ไวยตอบกลับด้วยท่าทางนอบน้อมเคารพยิ่ง“เรียนท่านเจ้าสำนัก ผู้บุกรุกเข้ามาแจ้งว่าตนเองชื่อหลินเทียน เขามาที่นี่เพื่อขอคำชี้แนะจากพวกเราชาวยุทธแห่งพันธมิตรหนานหยางครับ..”
“หลินเทียน!นี่เขาคือหลินเทียนจริงๆหรือนี่!”
บูชาร้องคำรามออกมาด้วยน้ำเสียงเสียงเคียดแค้นดวงตาทั้งสองข้างมีไฟโทสะลุกโชนคิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน พร้อมกับเอ่ยต่อในทันที
“ท่านเจ้าสำนัก..ท่านอาจารย์คุนปาที่พันธมิตรของเราส่งไปปฏิบัติภารกิจที่เกาะมาเก๊า ก็ถูกคนผู้นี้สังหารตายด้วยเช่นกัน!”
“หึ!!”
อาจารย์จันทร์ทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจหลังจากที่ได้ฟังคำบอกเล่าของศิษย์ ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกายด้วยความโกรธเกรี้ยว พร้อมกับคำรามออกมา
“หากไม่ใช่เพราะความโง่เขลาและความโลภโมโทสันของชาวพันธมิตรหนานหยางบางคน ที่คิดอยากจะครอบครองทรัพย์สมบัติของตระกูลเหอแล้วล่ะก็ สำนักหมื่นพุทธรูปของเรา คงจะไม่ต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่นี้แน่!”
แม้บูชาจะไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่นักแต่ก็ไม่กล้าโต้เถียงอาจารย์จันทร์ จึงได้แต่ก้มหน้าก้มตานิ่งเงียบ และไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองอีกเลย ทางด้านอาจารย์พายุที่นั่งขัดสมาธิอยู่นั้นหันไปมองอาจารย์จันทร์พร้อมกับตอบโต้กลับไปว่า “นี่อาจารย์จันทร์ ในเมื่อศัตรูก็มาถึงหน้าประตูบ้านแล้ว การพูดเช่นนี้ยังจะมีประโยชน์อะไรอีกเล่า”
“และถึงแม้ผมจะไม่สามารถมองเห็นขั้นพลังของคนผู้นี้ได้แต่ผมเชื่อว่า หากพวกเราทั้งสามร่วมมือกัน ต้องสามารถเอาชนะได้แน่!”
ดูเหมือนอาจารย์พายุจะไม่พอใจและไม่เห็นด้วยกับอาจารย์จันทร์เป็นอย่างมาก..
อาจารย์พายุเป็นคนที่มีนิสัยมุทะลุดุดันและตอนนี้เขาก็กำลังต้องการที่จะประมือกับศัตรูอย่างหลิงหยุนมาก
อาจารย์จันทร์แสร้งทำเป็นหูทวนลมและไม่ได้นึกถือสาคำพูดของอาจารย์พายุเลยแม้แต่น้อย เขาหันไปมองอาจารย์พายุด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“แต่จากความรู้สึกของผมคุณไม่มีทางเอาชนะคนผู้นี้ได้แน่! และในที่นี้ ก็ไม่มีใครสักคนที่จะสามารถเอาชนะเขาได้เช่นกัน ใบหน้าและรูปลักษณ์ของเขาที่พวกเราเห็นอยู่ในเวลานี้ ก็ไม่ใช่ใบหน้าที่แท้จริงของเขา แต่เป็นใบหน้าที่ถูกปรับเปลี่ยนเพื่อปิดบังใบหน้าที่แท้จริงไว้ต่างหาก!”
‘และในคืนนี้ทุกคนที่นี่จะไม่มีใครสามารถมีชีวิตรอดออกไปได้แม้แต่คนเดียว!’ แต่คำพูดประโยคนี้อาจารย์จันทร์กลับมิได้เอ่ยออกไป
แต่หากไม่มีการกระทบกระทั่งหรือต่อสู้กันเกิดขึ้น ไม่แน่ว่าอาจจะมีศิษย์สองหรือสามคน ที่จะรอดชีวิตไปได้!
“ผมไม่เชื่อ!ผมไม่เชื่อว่าพวกเราจะเอาชนะคนผู้นี้ไม่ได้!”
หลังจากนั้นอาจารย์พายุก็หันไปสั่งลูกศิษย์ทั้งห้าของตนเองว่า “พวกเจ้าทั้งห้า ออกไปพร้อมกับข้า!”
นอกเหนือจากไวยและบูชาแล้ว ทั้งสามคนต่างก็เป็นศิษย์รุ่นน้องของคนทั้งคู่ และหนึ่งในนั้นชื่อว่าพยัคฆ์ กมีศักดิ์เป็นน้องชายของอาจารย์พายุด้วย!
ร่างของอาจารย์พายุกระโดดนำศิษย์ทั้งห้าออกจากห้องโถงสี่เหลี่ยมไปที่ลานจตุรัสกลางแจ้งทันที และเวลานี้ทั้งหมดก็ไปยืนประจันหน้าอยู่กับหลิงหยุน ทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกันราวสามสิบเมตรได้
หลิงหยุนได้เห็นและได้ยินสิ่งที่คนของสำนักหมื่นพุทธรูปสนทนากันหมดแล้ว และในความเห็นของเขา อาจารย์จันทร์น่าจะเป็นผู้ที่มีนิสัยรักสงบ มากกว่าจะมีเรื่อง
หลิงหยุนไม่รีบร้อนเอ่ยปากเจรจาออกไปเพราะทั้งสองฝ่ายต่างพูดกันละภาษา ต่อให้เขาจะพูดอะไรก็คงจะไร้ประโยชน์ เขาจึงได้แต่ยืนนิ่ง และกำลังรอคอยให้ทุกคนออกมาจากห้องโถงให้หมด
และก็เป็นไปตามที่หลิงหยุนคาดการหลังจากที่อาจารย์พายุพาศิษย์ทั้งห้ากระโดดออกมาแล้ว ทั้งอาจารย์กระทิง และอาจารย์จันทร์ต่างก็ต้องกระโดดตามออกมาด้วย ทั้งคู่ได้แต่หันไปมองหน้ากัน พร้อมกับส่ายศรีษะไปมาอย่างหมดหนทาง
“คงยากที่จะหลีกเลี่ยงได้อีกแล้วสินะ”
อาจารย์กระทิงได้แต่พึมพำออกมาส่วนอาจารย์จันทร์ยังคงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาเช่นเคย จนในที่สุดอาจารย์กระทิงต้องเอ่ยปากถามอาจารย์จันทร์ขึ้นว่า
“ไม่มีทางหลบเลี่ยงเลยรึ”
“นี่เป็นหายนะที่ต้องเผชิญยากที่จะหลีกพ้นได้ เว้นแต่ว่า.. สวรรค์จะเมตตา และอีกฝ่ายยินยอมที่จะเปิดตาข่ายให้..”
บทจะพูดคุณจันทร์ก็พูดเสียยืดยาว คุณกระทิงถึงกับหน้าเปลี่ยนสี ในที่สุดก็ได้แต่กัดฟันกรอด พร้อมกับโบกมือส่งสัญญาณ
“ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องสู้!”
หลังจากพูดจบร่างของอาจารย์กระทิงก็หายไปจากจุดที่ยืนอยู่เมื่อครู่ และเวลานี้ เขาก็ไปปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าของศิษย์ทั้งเก้าคน ซึ่งรวมห้าคนที่อาจารย์พายุนำออกมาด้วย ส่วนอาจารย์จันทร์นั้นตามออกมาจากห้องโถงเป็นคนสุดท้าย..
อาจารย์พายุยกมือขึ้นชี้หน้าหลิงหยุนพร้อมกับร้องตะโกนเสียงดัง “หลินเทียน เจ้ากล้าดียังไงถึงได้บุกพุทธสถานของเรากลางดึกแบบนี้ หรือคิดว่าพวกเราจะยอมให้เจ้าข่มเหงรังแกได้ง่ายๆงั้นรึ?”
หลังจากพูดจบอาจารย์พายุก็ได้หันไปสั่งให้ศิษย์ของตนให้แปลคำพูดทั้งหมดให้หลิงหยุนฟัง..
“นี่เจ้าพูดภาษาจีนได้คล่องแคล่วถึงเพียงนี้เชียวรึ”
หลิงหยุนได้แต่นึกชื่นชมและคิดไม่ถึงว่า แม้ตนเองจะไม่ได้พาพอลมาด้วย แต่ที่นี่กลับมีล่ามเตรียมไว้ให้พร้อม
“ที่ข้ามายังสำนักหมื่นพุทธรูปแห่งนี้หาใช่ต้องการข่มเหงรังแกผู้ใดไม่ แต่เป็นเพราะคนของพันธมิตรหนานหยาง เข้าไปก่อความวุ่นวายในประเทศของข้าก่อน..” “ในเมื่อกล้าทำก็ต้องกล้ายอมรับผลของการกระทำด้วย!”
“หากข้าไม่มา..เชื่อว่าชาวพันธมิตรหนานหยางประเทศอื่นๆ ก็คงจะคิดว่าประเทศของข้าไร้น้ำยา..”
หลังจากพูดจบหลิงหยุนก็ยกมือขึ้นชี้หน้าบูชาที่ทำหน้าที่เป็นล่าม พร้อมกับร้องตะโกนสั่ง “เจ้าแปลคำพูดของข้าให้ทุกคนฟัง อย่าให้ตกหล่นแม้แต่คำเดียว!”
หลังจากได้ฟังอาจารย์พายุก็ถึงกับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “หลินเทียน.. ที่เจ้าพูดก็มีเหตุมีผลอยู่ แม้คนที่เข้าไปก่อกวนประเทศของเจ้า จะเป็นชาวยุทธแห่งพันธมิตรหนานหยางจริง แต่ก็ไม่ใช่คนของสำนักหมื่นพุทธรูป เหตุใดจึงต้องบุกมาที่สำนักของเราด้วยเล่า”
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของอาจารย์พายุหลิงหยุนจึงได้ตอบกลับไปว่า “ข้าจะให้โอกาสเจ้าเปลี่ยนคำถาม เพราะหากข้าบอกเหตุผลที่มาที่นี่ออกไป ทุกคนในที่นี้จะไม่สามารถรอดชีวิตออกไปได้แม้แต่คนเดียว!”
“อะไรนะ!”
“มันจะมากเกินไปแล้ว!”
“เจ้าเพียงคนเดียวจะสามารถถล่มพวกเราทั้งสำนักได้อย่างไรกัน”
“รนหาที่ตายชัดๆ!”
ทันทีที่บูชาแปลคำพูดของหลิงหยุนให้ทุกคนฟังแล้วเขาก็คำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว แม้ตัวเขาเองจะไม่ได้เก่งกาจไปกว่าคุนปา แต่เขาก็เชื่อว่าอาจารย์พายุจะต้องสามารถสังหารหลิงหยุนได้ไม่ยาก จึงได้ร้องบอกอาจารย์พายุไปว่า
“ท่านอาจารย์พายุได้โปรดจัดการสังหารคนยะโสโอหังผู้นี้ด้วย!”
อาจารย์พายุตอบกลับหลิงหยุนไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดพร้อมกับก้าวเดินไปด้านหน้า “ข้าไม่เปลี่ยนคำถาม เจ้าตอบข้ามาได้เลย!”
“ตกลง!ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะตอบเจ้า เหตุผลที่ข้ามาที่นี่ก็มีเพียงแค่สามข้อเท่านั้น!” “ข้อแรก..ข้าจำเป็นต้องขุดรากถอนโคนกลุ่มพันธมิตรหนานหยางให้สิ้นซาก!”
“ข้อที่สอง..สำนักของเจ้าเป็นสำนักที่แข็งแกร่งกว่าสำนักอื่นๆ ในพันธมิตรหนานหยางทั้งหมด ข้าจึงต้องมาที่นี่!”
“และข้อที่สาม..ข้าไปสำนักของคุนปามาแล้ว และผู้ที่ถล่มสำนักเทียนหลิง ก็คือข้าเอง!”
หลังจากบอกเหตุผลทั้งสามข้อไปแล้วหลิงหยุนจึงได้เอ่ยขึ้นทันที “เอาล่ะ! ในเมื่อข้าตอบคำถามของเจ้าแล้ว ก็อย่าเสียเวลาอีกเลย พวกเจ้าเตรียมตัวตายได้แล้ว!”
“สังหารมัน!”
อาจารย์พายุกระโดดนำออกไปพร้อมกับร้องตะโกนสั่งศิษย์ หลังจากนั้น ร่างของหลิงหยุนก็ถูกปิดล้อมไว้จนยากที่จะหนีไปไหนได้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร