บทที่ 1597 : เจ้ามีลำแสง ข้ามีสายฟ้า!
นับว่าโชคดีที่เป็นเพียงแค่เงาพุทธองค์มิใช่การอัญเชิญพุทธองค์มาจริงๆ หาไม่แล้ว ด้วยพลังบ่มเพาะและความแข็งแกร่งของหลิงหยุนเวลานี้ คงยากที่จะสามารถต้านทานได้
หลิงหยุนพอคาดเดาได้ว่าวิชาที่อาจารย์พายุใช้อยู่นี้ น่าจะต้องคล้ายคลึงกับพญางูโอโรชิซึ่งนินจาญี่ปุ่นเคยจะใช้สังหารตน และพญามารทมิฬที่ซูกงถูแห่งพรรคมาร เคยอัญเชิญมาสู้กับตนเช่นกัน
ในบางสำนักนั้นจะมีวิชาที่ใช้อัญเชิญดวงจิตของเหล่าปีศาจต่างๆ ลงมาต่อสู้กับศัตรูแทนตนเอง แต่ต้องใช้ร่างกายเป็นเครื่องบูชา แลกด้วยเลือดเนื้อ และอายุที่ถูกลดทอนลง แต่ผู้ที่จะทำเช่นนี้ได้ จะต้องเป็นผู้ที่มีร่างกายและพลังแกร่งกล้ามากเช่นกัน
และสำนักที่บูชาปีศาจนั้นจะถนัดในการใช้วิชานี้มากที่สุดแต่ละสำนักก็จะบูชาปีศาจแตกต่างกันไป ในเมื่อบูชาปีศาจอยู่ทุกวี่ทุกวันย่อมต้องรู้จักวิธีที่จะอัญเชิญดวงจิตของปีศาจที่ตนบูชา มาต่อสู้กับศัตรูแทนตนเองได้ เมื่อถึงคราวคับขันหรือจำเป็น
แต่เงาพุทธองค์ที่อาจารย์พายุใช้อยู่นั้นแตกต่างกับการอัญเชิญปีศาจของเหล่าสำนักบูชามารในจุดนี้ เพราะเงาพุทธองค์นี้หาใช่ร่างขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าจริงๆไม่ เป็นเพียงแต่การเปลี่ยนพลังพุทธะในกาย ให้เป็นเงาของพระองค์เท่านั้น จึงเรียกว่าเงาพุทธองค์!
แต่ผู้ที่จะสามารถเปลี่ยนพลังปราณในร่างให้เป็นเงาพุทธองค์ได้นั้นข้อแรก.. จะต้องปวารณาตนเป็นศิษย์พุทธองค์ และสำเร็จพลังปราณในขั้นก่อสร้างรากฐานเสียก่อน อีกทั้งดวงตาเห็นธรรมต้องปรากฏ หาไม่แล้วก็จะไม่สามารถเปลี่ยนพลังพุทธะบริสุทธิ์ในร่าง ให้เป็นเงาพุทธองค์ได้
ข้อที่สอง..จะต้องเป็นผู้ที่สวดมนต์ภาวนาอยู่ตลอดวันตลอดคืน และภายในจิตใจจะต้องมีองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าสถิตตราตรึงมิรู้เลือน หากแม้แต่ภาพของพุทธองค์ภายในใจยังไม่แจ่มชัด จะสามารถสร้างเงาพุทธองค์ขึ้นมาได้อย่างไรกัน
และข้อสุดท้ายหากคนผู้นั้นได้ตัดสินใจเปลี่ยนพลังพุทธะในร่างให้เป็นเงาพุทธองค์แล้ว แม้จะสามารถรอดตายจากการถูกสังหารมาได้ ก็จะต้องสูญสิ้นพลังพุทธคุณในกาย และต้องใช้ไม่ต่ำกว่าแปดหรือสิบปี กว่าที่จะสามารถฟื้นฟูพลังทั้งหมดให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมได้
แม้ข้อสุดท้ายนี้จะเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดแต่ก็มีประโยชน์ไม่น้อย เพราะถึงแม้ว่าหลังจากนั้นจะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูพลังอีกนานหลายปี แต่หากสามารถฟื้นฟูพลังกลับมาได้สำเร็จ ระดับความเข้าใจในแก่นพุทธศาสนาก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
และด้วยเหตุนี้อาจารย์พายุจึงค่อนข้างลังเลก่อนที่จะตัดสินใจใช้วิชานี้ แต่ในที่สุด เขาก็ได้ตัดสินใจที่จะกลั่นพลังพุทธะบริสุทธิ์ในร่าง ให้เป็นเงาพุทธองค์ออกมาจัดการหลิงหยุน และเวลานี้ดวงจิตของเขาก็คือเงาพุทธองค์!
นี่คือข้อแตกต่างจากการอัญเชิญปีศาจออกมาต่อสู้แทนของสำนักบูชาปีศาจเพราะทั้งร่างและจิตใจล้วนเป็นของปีศาจตนนั้น!
หลิงหยุนใช้กระบี่โลหิตเทวะกระหน่ำฟันเข้าไปที่ฝ่ามือพุทธองค์นับสิบครั้งแต่ไม่มีสักครั้งเลยที่จะสามารถตัดทำลายฝ่ามือที่แข็งแกร่งนี้ได้
เมื่อเห็นว่าท่านอาจารย์กระทิงเจ้าสำนักและท่านอาจารย์จันทร์ยอมลงมือแล้ว อาจารย์พายุจึงไม่มีสิ่งใดให้ต้องกังวลใจอีก เขาได้รวบรวมพลังบีบฝ่ามือพุทธองค์ให้แน่นมากขึ้นเรื่อยๆ
และเพื่อที่จะสังหารหลิงหยุนให้จงได้อาจารย์พายุจึงไม่สนใจว่า จะต้องสูญเสียอะไรไปมากเพียงใด ขอเพียงแค่ให้สามารถสังหารเด็กหนุ่มผู้นี้ได้ก็เป็นพอ!
“อ๊าก!!” หลิงหยุนซึ่งถูกบีบแน่นอยู่ภายในฝ่ามือใหญ่นั้นแม้จะโคจรดาราคุ้มกายขั้นสุดไว้ ทำให้ไม่มีบาดแผลใดๆเกิดขึ้นกับร่างกาย แต่ภายใต้แรงบีบคั้นที่รุนแรงเช่นนั้น ร่างกายของเขาจึงถูกบีบจนบิดเบี้ยว กระดูกแทบจะหักรวมกันเป็นลูกบอล เสียงกระดูกลั่นกร๊อบๆแต่ละครั้ง ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับหลิงหยุน จนถึงกับหน้าซีดขาวเลยทีเดียว
นับตั้งแต่การต่อสู้ที่ทะเลสาปผอหยางมาครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่เขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากที่สุด!
ก่อนหน้าที่หลิงหยุนจะเดินทางมาที่สำนักหมื่นพุทธรูปนี้เขาคิดเพียงแค่ว่าจะมาจัดการกับเจ้าสำนักและระดับหัวหน้าเพียงแค่สองสามคนเท่านั้น หลังจากนั้นจะดูดซับเอาพลังปราณในร่างของศิษย์ทุกคนก่อนจะจากไป มิได้คิดที่จะเข่นฆ่าอะไร เพราะอย่างน้อยอีกฝ่ายก็คือศิษย์พุทธองค์!
แต่เวลานี้ดูเหมือนหลิงหยุนได้เปลี่ยนความคิดแล้ว! “โล่ลมปราณ!”
ภายใต้แรงบีบคั้นและความเจ็บปวดหลิงหยุนได้ปลดปล่อยพลังปราณในร่างออกมา สร้างเป็นโล่ลมปราณปกคลุมร่างกายของตนเองไว้ พร้อมกับค่อยๆขยายพื้นที่ภายในให้กว้างขึ้น
ฟิ้ว!
หลิงหยุนใช้พลังจิตของตนควบคุมหอกมังกรทองที่อยู่ด้านนอกให้พุ่งเข้าใส่ร่างของอาจารย์พายุอย่างรวดเร็ว เพราะหากไม่มีอาจารย์พายุ ฝ่ามือยักษ์นี้ก็จะไม่สามารถทำอะไรเขาได้อีก
แต่หลิงหยุนกลับพบว่าสิ่งที่เขาคิดว่าง่ายนั้น กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด!
ไม่รู้ว่าอาจารย์พายุล่วงรู้ความคิดของตนได้อย่างไรฝ่ามือยักษ์อีกข้างปรากฏขึ้น พร้อมกับฟาดเข้าใส่หอกมังกรทองที่พุ่งทะยานเข้ามาใกล้ จนกระเด็นออกไปทันที!
บูม! หลังจากนั้นฝ่ามือขนาดใหญ่ที่บีบรัดร่างของหลิงหยุนอยู่นั้น ก็เปลี่ยนมาจับร่างของเขากระแทกลงกับพื้นแทน ราวกับต้องการที่จะให้กลายร่างของเขาแหลกเหลว กลายเป็นเพียงก้อนเนื้อก้อนหนึ่งเท่านั้น
ในเมื่อหอกมังกรทองเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำอะไรอาจารย์พายุได้หลิงหยุนจึงได้บังคับของวิเศษทั้งสี่ชิ้นของตน ให้พุ่งเข้าจู่โจมอาจารย์พายุพร้อมกันในคราเดียว
ในเมื่อจิตใจของอาจารย์พายุเป็นหนึ่งกับเงาพุทธองค์หากเขาสามารถสังหารอาจารย์พายุได้ เงาพุทธองค์นี้ก็จะสลายไปด้วยเช่นกัน!
ท่านอาจารย์จันทร์ไม่อาจทนนิ่งเฉยได้กระจกวิเศษของเขาหันไปทางร่างของอาจารย์พายุทันที แล้วลำแสงสีขาวสว่างเจิดจ้า ก็พุ่งเข้าปกคลุมร่างของอาจารย์พายุไว้ได้ทันท่วงที
แน่นอนว่าของวิเศษทั้งสี่ของหลิงหยุนนั้น ต่อให้สามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วเพียงใด ก็ไม่อาจเร็วไปกว่าความเร็วของลำแสงจากกระจกวิเศษของอาจารย์จันทร์ได้ ทำให้อาวุธทั้งสี่ชิ้นของหลิงหยุน ไม่สามารถแม้แต่จะสัมผัสร่างของอาจารย์พายุได้
หลิงหยุนได้แต่แอบคิดในใจว่าสมแล้วที่สำนักหมื่นพุทธรูปมีสารานุศิษย์สืบทอดมานานนับพันปี และยืนหยัดเป็นหนึ่งในสำนักที่แข็งแกร่งแห่งพันธมิตรหนานหยาง
ที่ผ่านมานั้นยอดฝีมือแข็งแกร่งที่สุดที่หลิงหยุนเคยประมือมาด้วยนั้น เห็นจะมีเพียงแค่ตี๋เฮ่ออี้แห่งสำนักกระบี่เทียนซานเท่านั้น แต่ยังไม่เคยพบเจอผู้ใดที่แข็งแกร่งกว่าเลย แต่ตอนนี้หลิงหยุนเข้าใจแล้วว่า การที่เขายังไม่พบเจอผู้ที่แข็งแกร่งกว่าขั้นก่อสร้างรากฐานนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มี..
และเวลานี้เขาก็กำลังเผชิญหน้าอยู่กับยอดฝีมือที่แข็งแกร่ง ซึ่งมิได้มีเพียงแค่หนึ่ง แต่มีถึงสามเลยทีเดียว และความแข็งแกร่งของปรมาจารย์ทั้งสามนี้ นับว่าเหนือกว่ายอดฝีมือขั้นก่อสร้างรากฐานระดับสูงสุดที่เขาเคยพบเจอมา
‘กระจกวิเศษกับหลังคาคุ้มภัยนั่นช่างทรงพลังยิ่งนักคิดไม่ถึงว่าสำนักหมื่นพุทธรูปจะมีสมบัติล้ำค่า ที่สามารถต้านทานของวิเศษทั้งสี่ของข้าได้!’
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็อย่าได้ตำหนิข้าเลย!”
ฟิ้ว..ฟิ้ว.. ฟิ้ว.. ฟิ้ว..
หลิงหยุนหยุดโจมตีอาจารย์พายุและบังคบอาวุธทั้งสี่ให้พุ่งเข้าใส่ทุบทำลายหลังคาคุ้มภัยของท่านอาจารย์กระทิงแทน
บูม!
ตราหยกจักรพรรดิขยายใหญ่ขึ้นก่อนจะทะยานขึ้นไปบนท้องนภา และบดขยี้ลงบนหลังคาคุ้มภัยจนสั่นสะเทือน และค่อยๆยุบลง
ในขณะที่หอกมังกรทองกระบี่กังฉี และกระบี่เหินเงาธนู ก็ได้พุ่งเข้าใส่หลังคาคุ้มภัย และช่วยกันทุบทำลายเช่นกัน!
แต่นี่คือฉัตรห้าสีเป็นของวิเศษสำหรับใช้ป้องกัน อีกทั้งยังขยายใหญ่เป็นหลังคาที่แข็งแกร่ง ปกคลุมพื้นที่เกือบครึ่งบริเวณของลานจตุรัสแห่งนี้ ความสามารถในการต้านทานการจู่โจมจึงแข็งแรงไม่น้อย
แต่เมื่อถูกของวิเศษกระหน่ำจู่โจมพร้อมกันเช่นนี้ท่านอาจารย์กระทิงก็ถึงกับต้องต่อสู้ป้องกันอย่างสุดกำลังเช่นกัน!
“ท่านเจ้าสำนักท่านสามารถต้านทานไว้ได้หรือไม่” ท่านอาจารย์จันทร์เอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ไม่ต้องห่วง!ฉัตรห้าสีของข้าแข็งแกร่งไม่แพ้กระจกวิเศษของท่านแน่ ท่านปกป้องร่างของท่านพายุไปเถิด!”
“เวลานี้ท่านพายุได้ใช้วิชาเงาพุทธองค์ ความแข็งแกร่งของเขาเหนือกว่าเดิมถึงสามเท่า รับรองได้ว่าผู้ฝึกยุทธชาวจีนผู้นี้คงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแน่!”
ท่านอาจารย์จันทร์เอ่ยขึ้นอย่างมีความหวังอีกทั้งเวลานี้ก็เป็นการต่อสู้แบบสามต่อหนึ่ง! หลิงหยุนได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่นึกเย้ยหยันอยู่ในใจ ก่อนจะร้องตะโกนออกมา “สระอสุนีบาต!”
จากนั้นสระอสุนีบาตภายในจุดตันเถียนของหลิงหยุนก็เปิดออก เขาได้ทำการดึงพลังสายฟ้าที่ได้เก็บไว้ภายในสระแห่งนี้ออกมาใช้งาน
“เจ้ามีลำแสงอันทรงพลังข้าก็มีสายฟ้าที่แข็งแกร่งเช่นกัน มาดูกันว่าลำแสงของเจ้า จะสามารถต้านทานอสุนีบาตที่แข็งแกร่งของข้าได้หรือไม่”
ครืน..
เปรี้ยง!
สิ้นเสียงฟ้าคำรามครืนๆสายฟ้าขนาดเท่าลำแขนของมนุษย์ ก็ผ่าลงกลางร่างของท่านอาจารย์พายุทันที!
ครั้งนี้ร่างของท่านอาจารย์พายุ ที่อยู่ภายใต้การปกป้องจากลำแสงสีขาวของกระจกวิเศษ ก็ถึงกับสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างแรง! ในเวลานั้นร่างของหลิงหยุนยังคงถูกฝ่ามือใหญ่จับกระแทกลงกับพื้นไม่หยุด แต่ในระหว่างนั้น จู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ว่า หลังจากที่อสุนีบาตผ่าลงกลางร่างของอาจารย์พายุนั้น แม้จะยังอยู่ภายใต้ลำแสงสีขาวของกระจกวิเศษก็ตาม แต่แรงบีบคั้นจากฝ่ามือใหญ่นั้นกลับลดลงในทันที
“ได้ผล!”
หลิงหยุนร้องอุทานออกมาด้วยความดีใจเขาเลิกคิดที่จะใช้วิธีอื่นอีก จากนั้นจึงเริ่มใช้สายฟ้าภายในสระอสุนีบาติ กระหน่ำฟาดเข้าใส่ร่างของท่านอาจารย์พายุอย่างไม่หยุดหย่อน!
หลังจากที่หลิงหยุนใช้พลังสายฟ้ากระหน่ำฟาดเข้าใส่ร่างของอาจารย์พายุติดต่อกันถึงหกครั้ง ร่างของอาจารย์พายุก็เปลี่ยนเป็นไหม้เกรียม จีวรที่สวมใส่ถูกเผาไหม้ไม่มีเหลือ และแทบไม่สามารถทรงตัวได้อีก
แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ตาย! ผู้ที่ฝึกบ่มเพาะพลังมาถึงขั้นนี้อีกทั้งยังมีดวงตาเห็นธรรม ย่อมต้องผ่านการรับทัณฑ์สวรรค์มาแล้วมากมาย กายเนื้อจึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้
แต่เนื่องจากอาจารย์พายุได้รับบาดเจ็บสาหัสเงาพุทธองค์จึงค่อยๆอ่อนกำลังลงตาม ทำให้ฝ่ามือใหญ่นั้นไม่อาจกักขังหลิงหยุนไว้ได้อีก
“เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน!เป็นไปได้อย่างไร? อสุนีบาตนั่นมาจากที่ใด?”
ท่านอาจารย์จันทร์ได้แต่ร้องอุทานออกมาด้วยความงุนงงและตกตะลึงท่านอาจารย์กระทิงเองก็เช่นเดียวกัน เวลานี้ได้แต่ยืนแน่นิ่ง..
“เจ้าเตรียมตัวตายได้แล้ว!”
จะตีเหล็กต้องตียามร้อนฉันใดหลิงหยุนเองก็ไม่ยอมปล่อยให้โอกาสดีๆ แบบนี้หลุดมือไปเช่นกัน เขากระหน่ำฟันกระบี่โลหิตเทวะเข้าใส่ฝ่ามือของเงาพุทธองค์จนขาดกระจุย จากนั้นเพียงแค่พริบตาเดียวร่างของหลิงหยุนก็มาปรากฏขึ้นตรงหน้าอาจารย์พายุ พร้อมกับฟาดฟันกระบี่โลหิตเทวะ เข้าใส่ลำแสงจากกระจกวิเศษของอาจารย์จันทร์ทันที!
และในดาบที่สาม..ร่างของอาจารย์พายุก็ได้ขาดออกจากกัน และสิ้นใจตายในที่สุด!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร