บทที่ 1598 : สิ้นชื่อ
บูม!
เมื่อท่านอาจารย์พายุสิ้นใจตายเงาพุทธองค์ขนาดใหญ่จึงแตกสลายไปด้วย และได้กลายเป็นพลังพุทธะบริสุทธิ์จำนวนมหาศาล!
หลิงหยุนพุ่งทะยานเข้าไปอยู่ท่ามกลางพลังพุทธะบริสุทธิ์นี้จุดฝังเข็มทั่วร่างของเขาเปิดออก เผยให้เห็นแสงสีขาวสว่างเจิดจ้าที่อยู่ภายใน จากนั้นพลังพุทธะบริสุทธิ์ทั้งหมด ก็ถูกดูดซับเข้าไปในร่างของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว
ในระหว่างนั้นหลิงหยุนก็ได้สำรวจเข้าไปดูภายในร่างกายของตนเอง และพบว่า จุดฝังเข็มทั่วทั้งร่างของเขาที่มีรัศมีวงกลมสว่างเจิดจ้าประหนึ่งดวงตะวันนั้น เวลานี้ดวงตะวันเล็กๆแต่ละดวง กลับสุกสว่างยิ่งกว่าเดิม และทอประกายแสงต่อเนื่องกันเป็นทางยาว ราวกับเส้นไหม
หากมองเพียงผิวเผินอาจดูคล้ายกับดวงดาราบนท้องฟ้า ที่กำลังห้อยอยู่กับตาข่ายสีขาวขนาดใหญ่ จุดฝังเข็มทุกจุดทั่วร่างกายเปล่งประกายด้วยพลังแห่งศรัทธา แสงสว่างสีขาวที่เชื่อมต่อกันไปทั่วทุกจุดฝังเข็มตามร่างกายนั้น ดูราวกับเป็นเส้นทางใหม่ที่ลี้ลับของพลังชี่ ซึ่งอยู่นอกเหนือจากเส้นลมปราณ
แม้พลังปราณภายในร่างของหลิงหยุนจะไหลเวียนไปตามเส้นลมปราณแต่แน่นอนว่าย่อมต้องผ่านจุดฝังเข็มทั่วร่าง และทุกครั้งที่พลังปราณเคลื่อนผ่านแสงสว่างจากดวงตะวันเล็กๆเหล่านั้น ก็เปรียบเสมือนกับการชะล้างสิ่งสกปรก ทำให้พลังปราณที่เคลื่อนเข้าสู่จุดซือไห่นั้นบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น และเวลานี้ จุดซือไห่ของหลิงหยุนก็สามารถกลั่นเสินหยวนได้เร็วขึ้นมาก จนร่างกายสามารถดึงไปพัฒนาดินแดนในสมองได้อย่างเต็มที่
“พลังศรัทธาซึ่งเกิดจากการสวดมนต์ภาวนามีอานุภาพถึงเพียงนี้เชียวรึ”
หลิงหยุนถึงกับพึมพำออกมาด้วยความตกใจเมื่อค้นพบอานุภาพแห่งพลังศรัทธา! แต่เดิมนั้นหลิงหยุนไม่เคยมีความศรัทธาในเรื่องความเชื่อทางศาสนาเลยแม้แต่น้อย เขารู้สึกเสมอว่านั่นเป็นเรื่องหลอกลวง เขาเชื่อว่าความก้าวหน้าของตนเองนั้น ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ที่ผ่านๆมาเขาจึงปฏิเสธในเรื่องเหล่านี้มาโดยตลอด และลึกลงไปในจิตใจก็ไม่เคยยอมรับ
แต่ตอนนี้เขากลับตระหนักและสัมผัสได้ว่า พลังศรัทธานั้นมีอยู่จริง และพลังนี้ก็ได้ช่วยรักษาจุดฝังเข็มของเขา และช่วยให้เส้นลมปราณภายในร่างแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย..
ถึงแม้ว่าหลิงหยุนจะไม่สามารถใช้พลังศรัทธานี้ในการต่อสู้ได้แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันมีอยู่..
เมื่อครั้งที่อยู่จิงฉูนั้นหลิงหยุนเพียงแค่ต้องการช่วยเหลือคนยากคนจนที่ถูกไล่ที่ จึงได้แจกเงินให้กับทุกคนในจำนวนที่สามารถตั้งตัวได้เลยทีเดียว และไม่ได้คิดว่าเป็นบุญเป็นคุณอะไร แต่สิ่งที่ชาวจิงฉูตอบแทนเขากลับมานั้นกลับเป็นพลังศรัทธาซึ่งเกิดจากการสวดมนต์ภาวนาของพวกเขา และพลังศรัทธานี้ก็เปรียบเสมือนยาอายุวัฒนะสำหรับหลิงหยุน หาไม่แล้ว เขาก็คงไม่สามารถดูดซับเอาพลังพุทธะเข้าไปในร่างได้
แล้วพลังศรัทธาที่เกิดจากคนเป็นพันเป็นแสน เป็นล้าน และเป็นพันๆล้านเล่า จะทรงอานุภาพมากเพียงใด
หลายคนต่างก็รู้ว่าศาสนาพุทธถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกนานสองพันกว่าปีแล้ว อีกทั้งยังมีพุทธศาสนิกชนกระจายอยู่ทั่วโลก และหากผู้ที่ศรัทธาในพุทธศาสนาทั่วทั้งโลก สวดมนต์ภาวนาอย่างพร้อมเพรียงกัน จะเกิดเป็นพลังศรัทธาที่มีอานุภาพสูงส่งมากเพียงใดกัน..
ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่นั้นก็มีผู้ศรัทธาในพุทธศาสนาอยู่มากมาย ศิษย์พุทธองค์ที่อยู่ในโลกบ่มเพาะที่เขาจากมา จึงมีนับพันๆล้าน
แต่เมื่อคิดมาได้ถึงตอนนี้หลิงหยุนก็พลันรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที และถึงกับต้องถอนหายใจออกมา
‘นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องอะไรเหล่านี้..’
ศิษย์สำนักหมื่นพุทธรูปที่อยู่ภายใต้หลังคาของฉัตรห้าสีนั้นหลังจากที่เห็นหลิงหยุนสังหารท่านอาจารย์พายุตาย ก็ได้แต่ยืนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
หลิงหยุนเห็นว่าของวิเศษทั้งสี่ชิ้นไม่สามารถทำลายพลังป้องกันของฉัตรห้าสีได้ จึงได้เรียกกลับคืนมา เขาชี้ปลายกระบี่โลหิตเทวะในมือ ไปทางเหล่าศิษย์พุทธองค์ที่อยู่ภายใต้ร่มเงาของฉัตรห้าสี พร้อมกับร้องตะโกนท้าทาย
“ผู้ใดกล้าประมือกับข้าก็ออกมาได้เลย!”
อาจจะดูเหมือนว่าหลิงหยุนกำลังท้าทายทุกคนแต่สายตาของเขากลับจับจ้องอยู่ที่ร่างของท่านอาจารย์กระทิง กับท่านอาจารย์จันทร์เท่านั้น! นั่นเพราะคนอื่นๆล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา และผู้ที่มีคุณสมบัติจะประมือกับเขาได้ในเวลานี้ ก็มีเพียงท่านอาจารย์ทั้งสองนี้เท่านั้น!
ทันทีที่รัศมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวของกระบี่โลหิตเทวะแผ่กระจายออกมาเหล่าศิษย์ของสำนักหมื่นพุทธองค์ก็ถึงกับขนลุกขนชันด้วยความสยดสยอง
–ท่านจันทร์..ทำเช่นใดดี-
ท่านอาจารย์กระทิงเห็นสีหน้าท่าทางดุดันของหลิงหยุนก็ได้แต่ปรึกษาท่านอาจารย์จันทร์ผ่านทางกระแสจิต
ท่านอาจารย์จันทร์ตอบกลับด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความขมขื่น..
–หากยังไม่เกิดการประมือและเข่นฆ่ากันเกิดขึ้นข้าย่อมมีวิธีที่จะทางรอดได้ แต่เวลานี้ ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นแล้ว การยอมจำนนจึงไม่เกิดประโยชน์อันใดอีกต่อไป!-
–แล้วการหนีเล่า-
–ชาวยุทธผู้นี้เคลื่อนไหวได้รวดเร็วยิ่งนักต่อให้คิดจะหนี ก็ยากที่จะหนีพ้นได้!-
ท่านอาจารย์กระทิงได้แต่กัดฟันกรอดพร้อมกับจ้องมองหลิงหยุนที่อยู่ตรงหน้า –เช่นนี้ก็คงต้องยอมสู้จนตัวตายทั้งหมด!-
ท่านอาจารย์จันทร์หลับตาลงเล็กน้อยพร้อมกับตอบไปว่า –ขอข้าเจรจากับเขาก่อน ดูว่าเขาจะมีท่าทีเช่นใด-
หลังจากที่ท่านอาจารย์ทั้งสองปรึกษากันแล้วอาจารย์จันทร์ก็กระโดดออกจากร่มเงาของฉัตรห้าสีไปหาหลิงหยุนทันที และเวลานี้ เขาก็อยู่ห่างจากหลิงหยุนไปเพียงแค่สองเมตรเท่านั้น
ท่านอาจารย์จันทร์ยกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นกลางอกเขาโน้มศรีษะลงเล็กน้อยพร้อมเอ่ยกับหลิงหยุนว่า
“สหาย..ข้าคือผู้คุ้มกฏแห่งสำนักหมื่นพุทธรูปนามว่าจันทร์ พวกเราได้ตระหนักถึงความแข็งแกร่งของท่านแล้ว ไม่ทราบว่าพอมีสิ่งใดที่ทางสำนักของเรา จะสามารถทำให้กับท่านเพื่อเป็นการไถ่โทษได้บ้าง” หลังจากกล่าวจบท่านอาจารย์จันทร์ก็ได้หันหน้าไปทางบูชา ซึ่งเป็นผู้เดียวที่สามารถสื่อสารด้วยภาษาจีนได้ในเวลานี้
“บูชาเจ้าแปลคำพูดของข้าให้สหายผู้นี้ฟัง อย่าให้ตกหล่นแม้แต่คำเดียวล่ะ!”
บูชาพยักหน้าหงึกๆก่อนจะเริ่มทำหน้าที่เป็นล่ามแปลคำพูดของท่านอาจารย์จันทร์ ให้หลิงหยุนฟังด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้าน แต่ก็แปลได้ไม่ตกหล่นเลยแม้แต่คำเดียว
หลิงหยุนเห็นว่าอาจารย์จันทร์ผู้นี้เป็นฝ่ายเก็บกระจกวิเศษของตนก่อน จึงรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะเจราจา เขาจึงได้ไม่ได้รีบร้อนอะไรนัก หลังจากฟังคำแปลทั้งหมดแล้ว หลิงหยุนจึงตอบกลับไปว่า
“ท่านจันทร์มาเจรจากับข้าในตอนนี้ ไม่คิดว่าทุกอย่างสายเกินไปแล้วงั้นรึ”
ท่านอาจารย์จันทร์ทำสีหน้ากระอักกระอ่วนก่อนจะยกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นพนมไว้ที่กลางอกอีกครั้ง พร้อมกับตอบหลิงหยุนไปว่า “สหายหลินเทียนข้ารู้ว่าการกระทำก่อนหน้านี้ ได้สร้างความขุ่นเคืองใจให้กับท่านไม่น้อย แต่ท่านเป็นฝ่ายบุกรุกมากลางดึกเช่นนี้ จะให้พวกเรานิ่งเฉยไม่ทำอะไรเลยได้อย่างไรกัน”
ท่านอาจารย์จันทร์นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อว่า “แต่พวกเราก็ยอมรับว่า ไม่อาจเอาชนะท่านได้ และได้แต่ยอมรับผลที่จะตามมา”
“เวลานี้ข้าใคร่ขอให้สหายหลินบอกเจตจำนงที่แท้จริงมา หากไม่เกินกำลังที่ทางเราจะทำได้ พวกเราก็ยินดีที่จะทำ..”
หลังจากที่ได้เห็นความจริงใจของท่านอาจารย์จันทร์ที่แสดงออกมาหลิงหยุนจึงได้แต่เอ่ยตอบไปว่า
“ได้!ในเมื่อท่านมีความจริงใจที่จะเจรจากับข้า ข้าก็จะบอกเจตจำนงและความต้องการที่แท้จริงให้ฟัง แต่ว่า.. พวกท่านจะมีทางเลือกเพียงแค่ทางเดียวเท่านั้น หากทำไม่ได้ ก็อย่าได้ตำหนิว่าข้าโหดเหี้ยม!” ท่านอาจารย์จันทร์ถึงกับใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นดีใจและรีบเอ่ยตอบหลิงหยุนกลับไปทันที “ขอเชิญสหายเอ่ยบอกมาได้เลย!”
ในขณะที่ท่านอาจารย์จันทร์กำลังตื่นเต้นที่หลิงหยุนยอมเปิดโอกาสให้มีการเจรจานั้นบูชาที่ทำหน้าที่เป็นล่าม ก็ได้แต่รอฟังข้อเสนอของหลิงหยุน ด้วยใบหน้าที่ซีดขาว และนัยน์ตาที่สั่นระริกด้วยความหวาดกลัว
“ข้อแรก..ข้าต้องการให้ท่านสลายกลุ่มพันธมิตรหนานหยางทิ้งเสีย! หากไม่สามารถสลายได้ อย่างน้อยสำนักหมื่นพุทธรูปก็ต้องถอนตัวออกจากการเป็นพันธมิตรในทันที..”
หลิงหยุนหยุดอยู่เพียงแค่นั้นเพื่อให้บูชาได้มีโอกาสแปลคำพูดของตนทั้งหมดให้ท่านอาจารย์จันทร์ฟัง และเพียงข้อเรียกร้องแรก ก็ทำเอาบูชาถึงกับขนลุกขนชันด้วยความหวาดกลัว
“ตกลง!”
ท่านอาจารย์จันทร์ตอบตกลงอย่างไม่ลังเลนั่นเพราะการกระทำของชาวพันมิตรหนานหยางบางคนในครั้งนี้ สำนักหมื่นพุทธรูปจึงต้องตกอยู่ในหายนะเช่นนี้
“สำนักหมื่นพุทธรูปของเรารักความสงบมาแต่ไหนแต่ไรหากมิใช่เพราะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรหนานหยาง มีหรือจะต้องประสบกับหายนะเช่นนี้!” ท่านอาจารย์จันทร์เอ่ยบอกกับหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ข้อที่สอง..ศิษย์ของสำนักหมื่นพุทธรูปคนใดก็ตาม ที่เคยทำงานให้กับพันธมิตรหนานหยาง ไม่ว่าผู้ใดก็ตาม จะต้องถูกสังหารตายต่อหน้าข้า!”
หลิงหยุนสามารถปล่อยผู้บริสุทธิ์ให้เป็นอิสระได้แต่ไม่อาจปล่อยให้ผู้ที่เคยเกี่ยวข้องกับพันธมิตรหนานหยางลอยนวลได้
หลิงหยุนเชื่อว่าท่านจันทร์อาจจะยอมรับข้อเสนอนี้ไม่ได้ในคราแรก แต่ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายต้องการเจรจาเอง และหากเขาคิดพิจารณาใคร่ครวญให้รอบครอบ ก็ควรจะต้องยอมรับข้อเสนอนี้ได้ แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น..
ยังไม่ทันที่หลิงหยุนจะกล่าวจบดีด้วยซ้ำไปบูชาก็ชิงเคลื่อนไหวเสียก่อน สร้อยประคำสีดำในคอของเขา พลันเปล่งแสงสีทองสุกสว่างเจิดจ้า ก่อนจะหายไปจากลำคอของเขา และพุ่งตรงเข้าจู่โจมใส่ร่างหลิงหยุน ส่วนตัวเขานั้นก็หายไปจากจุดที่ยืนอยู่ทันที!
ช่างน่าขัน!ทั้งเขาและไวยต่างก็เป็นตัวแทนของสำนักหมื่นพุทธรูป ที่ถูกส่งไปทำงาน และร่วมประชุมกับกลุ่มพันธมิตรหนานหยาง หากท่านอาจารย์จันทร์ยอมรับปากข้อเรียกร้องนี้ของหลิงหยุน พวกเขาสองคนก็จะต้องเป็นคนแรก ที่ต้องตายก่อนใครๆอย่างแน่นอน!
ปัง!
หลิงหยุนที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วจัดการซัดฝ่ามือเข้าใส่สร้อยประคำที่พุ่งเข้าจู่โจมตนเอง ก่อนจะหันไปแสยะยิ้มให้กับท่านอาจารย์จันทร์ พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
“ท่านจันทร์!เห็นหรือไม่ว่า.. หาใช่ข้าไม่ให้โอกาสพวกเจ้า แต่คนของเจ้าต่างหากที่ไม่เล่นตามกฏกติก!”
หลังจากนั้นร่างของหลิงหยุนก็พุ่งตามร่างของบูชา ที่กำลังหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อไปถึง หลิงหยุนก็ได้ซัดเข้าที่แขนของอีกฝ่าย ก่อนจะใช้ดัชนีห้าธาตุสะกัดเส้นลมปราณภายในร่างของบูชาไว้ แล้วจึงหิ้วตัวกลับมาในทันที
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าคิดที่จะหนี!”
หลิงหยุนประกาศกร้าวพร้อมกับโยนร่างของบูชาลงไปที่พื้นอย่างไม่ปราณี!
“เอาล่ะ!ในเมื่อพวกเจ้าบางคนไม่ต้องการที่จะเจรจา ข้าก็จัดการด้วยวิธีของข้า!”
ร่างของหลิงหยุนพุ่งปราดผ่านร่างของท่านอาจารย์จันทร์ที่ยังคงยืนนิ่งพร้อมกับใช้กระบี่โลหิตเทวะในมือกระหน่ำฟันฉัตรห้าสีทันที!
หลิงหยุนปลดปล่อยกระแสวนหยิน–หยางออกจากร่างอีกครั้งและของวิเศษทั้งสี่ชิ้นก็พุ่งออกมาพร้อมกัน
เมื่อเห็นว่าครั้งนี้หลิงหยุนต้องการสังหารทุกคนอย่างแท้จริงทั้งท่านอาจารย์กระทิง และท่านอาจารย์จันทร์ ต่างก็ช่วยกันต้านทานหลิงหยุนไว้ แต่ในเมื่อเหลือเพียงแค่สองคนเช่นนี้ ก็ยากที่จะสามารถสะกัดกั้นหลิงหยุนไว้ได้
ในขณะที่หลิงหยุนดูคล้ายกับกำลังเดินเล่นอยู่โดยมีท่านอาจารย์ทั้งสองไล่ตามไป..
ผ่านไปเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงหลิงหยุนสามารถดูดซับเอาพลังปราณในขั้นก่อสร้างรากฐาน และขั้นพลังชี่ของเหล่าพระสงฆ์ที่พากันวิ่งหนีตายออกมาได้กว่าสองร้อยคน ทำให้พลังบ่มเพาะภายในร่างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดในขั้นปาเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-8) ได้
ในเมื่อไม่เจรจาก็ต้องถูกทำลาย!
นับจากนี้ไปสำนักหมื่นพุทธรูปจะต้องสิ้นชื่อ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร