บทที่ 1599 : เงื่อนไข
หลิงหยุนยืนอยู่กลางลานจตุรัสพร้อมกับจับร่างของไวยที่ไร้ประโยชน์แล้ว โยนลงไปที่พื้น
สำนักหมื่นพุทธรูปกลายสภาพเป็นนรกบนดินในทันทีซากศพเกลื่อนกลาดลานจตุรัส โลหิตสีแดงไหลเจิ่งนองราวกับสายน้ำ เสียงร้องโหยหวนดังระงม บ่งบอกถึงความหวาดกลัวสิ้นหวังของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และกำลังจะตาย
ถึงแม้ว่าหลิงหยุนจะทำการสังหารครั้งใหญ่แต่เขาก็ลงมือเฉพาะกับยอดฝีมือในขั้นก่อสร้างรากฐาน ผู้ที่เข้าสู่ด่านสุดท้ายขั้นพลังชี่ และผู้ที่คิดจะหนีเท่านั้น ส่วนผู้ที่อยู่ในด่านกลางขั้นพลังชี่ลงมา เขายังคงปราณีไว้ชีวิต..
แต่แน่นอนว่าผู้ที่หลิงหยุนไว้ชีวิตนั้น ก็ได้ถูกเขาดูดเอาพลังปราณเข้าไปในร่างจนหมดแล้ว และนับจากนี้ไป คนเหล่านี้จะไม่สามารถฝึกบ่มเพาะพลังได้อีก การที่หลิงหยุนทำเช่นนี้ย่อมต้องมีเหตุผล..
เขาต้องการสร้างความหวาดผวาให้กับชาวยุทธพันธมิตรหนานหยางและให้ผู้ที่รอดชีวิตในวันนี้ ได้จดจำค่ำคืนอันน่าสะพรึงกลัว และสยดสยองนี้ไปตลอด จะได้นำไปเล่าสู่ให้ผู้อื่นฟัง เพื่อมิให้ใครหน้าไหนกล้าคิดที่จะเข้าไปก่อความวุ่นวายให้กับประเทศของเขาอีก!
และเวลานี้กลางลานจตุรัสก็มีเพียงคนสามคนที่ยืนประจันหน้ากันอยู่..
หลิงหยุนยืนอยู่ตรงข้ามท่านอาจารย์กระทิงกับท่านอาจารย์จันทร์และดูหมือนว่าเวลานี้ทั้งคู่จะเหนื่อยล้าอ่อนแรงยิ่งนัก พวกเขาได้พยายามอย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว แต่ก็ไม่สามารถที่จะต้านทานเทพแห่งสงครามอย่างหลิงหยุนได้ จึงได้แต่มองศิษย์พุทธองค์ถูกเข่นฆ่าราวกับผักปลา โดยที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้
แม้กระทั่งปรมาจารย์ที่มีฝีมือสูงส่งทั้งสองคนยังไม่สามารถแม้แต่จะทำลายเกราะป้องกันของหลิงหยุนได้ นับประสาอะไรกับการที่จะไล่ล่าให้ทันกับความเร็วของหลิงหยุนเวลานี้ ทั้งคู่จึงทำได้เพียงแค่จ้องมองศิษย์พุทธองค์ถูกสังหารไปคนแล้วคนเล่า ด้วยความรู้สึกเศร้าโศก อัปยศอดสู และเวลานี้ความหวาดกลัวก็ได้ครอบงำพวกเขาอย่างสมบูรณ์!
ใบหน้าของท่านอาจารย์กระทิงถึงกับซีดขาวและในระหว่างที่กวาดสายตามองหายนะรอบตัวนั้น ภายในใจก็ได้แต่คิดว่า ครานี้สำนักหมื่นพุทธรูปเป็นอันต้องจบสิ้นลงแล้วจริงๆ!
ท่านอาจารย์จันทร์จ้องมองหลิงหยุนด้วยดวงตาแดงก่ำแววตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น พร้อมกับร้องตะโกนใส่หน้าหลิงหยุนอย่างไม่นึกเกรงกลัว
“เหตุใดจึงต้องทำถึงเพียงนี้นี่เจ้าไม่หวาดกลัวเวรกรรมเลยหรืออย่างไร จึงได้กล้าเข่นฆ่าศิษย์พุทธองค์ตายมากมายถึงเพียงนี้?”
หลิงหยุนยังคงยืนสงบนิ่งจิตใจของเขามิได้รู้สึกหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจคำพูดของท่านอาจารย์จันทร์ แต่ก็พอคาดเดาความหมายได้จากสีหน้าท่าทางของอีกฝ่าย
หลิงหยุนลังเลเล็กน้อยก่อนจะหันมองไปทางบูชาที่นอนกองอยู่กับพื้นไกลๆ พร้อมกับร้องสั่งด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“เจ้าแปลสิ่งที่เขากล่าวให้ข้าฟัง..”
“ข้าไม่ต้องการให้เจ้าศิษย์ชั่วทำหน้าที่นี้อีก!”
ท่านอาจารย์จันทร์ร้องคำรามออกมาเสียงดังร่างทั้งร่างสั่นสะท้านด้วยความโกรธ เขายกฝ่ามือขึ้นซัดใส่ศรีษะของบูชาทันที!
ปัง!
กะโหลกศรีษะของบูชาแยกออกจากกันสมองไหลออกมากองนอกร่าง ก่อนจะกลายเป็นเพียงแค่ซากศพไร้ลมหายใจที่นอนกองอยู่กับพื้น
ท่านอาจารย์จันทร์ลงมือสังหารบูชาผู้ที่เป็นต้นเหตุนำหายนะ และความตายมาสู่เหล่าศิษย์พุทธองค์ด้วยตัวเอง แล้วจึงหันไปสั่งไวยที่กำลังนอนพะงาบๆกำลังจะตายอยู่บนพื้น พร้อมกับถ่ายเทพลังพุทธะบริสุทธิ์ให้
“ไวย..เจ้าแปลให้เขาฟัง!”
หลิงหยุนเพียงแค่ยืนมองและไม่คิดห้ามปรามท่านอาจารย์จันทร์เลยแม้แต่น้อย เพราะเข้าใจดีว่า อีกฝ่ายต้องการสื่อสารกับตนเอง
“ท่านอาจารย์..ศิษย์.. ศิษย์ผิดไปแล้ว! ศิษย์เสียใจที่ไม่ฟังคำทัดทานของท่านอาจารย์ตั้งแต่แรก ดึงดันที่จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรหนานหยางให้ได้ ศิษย์คิดไม่ถึงจริงๆว่า การตัดสินใจครั้งนั้น จะนำพาหายนะใหญ่หลวงมาสู่สำนักของเรา..”
หลังจากได้รับพลังพุทธะบริสุทธิ์ที่ท่านอาจารย์จันทร์ถ่ายเทให้จนมีเรี่ยวแรงคำพูดมากมายก็พร่างพรูออกจากปากของไวยด้วยความสำนึกผิด
“ไวย..ในเมื่อเวลาก็ได้ล่วงเลยมาถึงจุดนี้แล้ว เจ้าคิดได้ตอนนี้ยังจะมีประโยชน์อะไรอีกเล่า”
ท่านอาจารย์จันทร์เอ่ยขัดขึ้นมาและตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “เจ้าเองก็พอจะเข้าใจจุดประสงค์ของสหายผู้นี้ดีแล้ว เขาบุกมาถึงที่นี่ก็เพื่อทำลายสำนักหมื่นพุทธรูปของเรา ผู้ที่มีพลังบ่มเพาะเหนือด่านกลางขั้นพลังชี่ขึ้นไป ล้วนแล้วแต่ถูกสังหารตายจนสิ้น ฉะนั้น ทั้งข้าและท่านกระทิงก็คงจะถูกเขาสังหารในอีกไม่ช้า แต่ก่อนที่จะตาย ข้ามีคำพูดที่อยากจะบอกกับเขาให้เข้าใจ..”
“ฉะนั้นคำพูดของข้าหลังจากนี้ เจ้าต้องแปลให้เขาฟังหมดทุกคำ อย่าให้ตกหล่นแม้แต่คำเดียว เข้าใจหรือไม่”
ไวยพยักหน้าหงึกพร้อมตอบกลับไปทันที“ศิษย์เข้าใจดีท่านอาจารย์!”
“ดีมาก!”
ท่านอาจารย์จันทร์เงยหน้าขึ้นจ้องมองหลิงหยุนครู่หนึ่งในที่สุดจึงตัดสินใจเอ่ยออกไปว่า “สหาย.. ถึงแม้ข้าไม่อาจสู้ท่านได้ แต่ก็พอที่จะมองออกว่า ใบหน้าที่ข้าเห็นอยู่ในตอนนี้ หาใช่ใบหน้าที่แท้จริงของท่านไม่ ไม่ทราบว่าสหายจะเผยโฉมหน้าที่แท้จริงให้ข้าได้เห็นจะได้หรือไม่”
คำขอนี้นับไม่ว่าไม่เกินไปและอีกฝ่ายก็แสดงออกว่ายอมจำนนแล้ว หลิงหยุนจึงได้แต่ยิ้มเล็กน้อย พร้อมกับคืนใบหน้าที่แท้จริงให้กับตนเอง!
“ข้าจะให้ท่านได้รู้ก่อนตาย..ข้าคือหลิงหยุน ผู้นำตระกูลหลิงแห่งปักกิ่งคนปัจจุบัน!”
“อะไรนะ!!”
“แท้ที่จริงท่านก็คือ..หลิงหยุนแห่งตระกูลหลิง! เป็นท่านจริงๆหรือนี่!”
หลิงหยุนคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่เปิดเผยใบหน้า และฐานะที่แท้จริงออกไปแล้ว จะทำให้อาจารย์จันทร์มีสีหน้าตกอกตกใจถึงเพียงนี้ แม้กระทั่งอาจารย์กระทิง ยังถึงกับจ้องมองหลิงหยุนด้วยสีหน้าแววตาตกตะลึง
“เอ่อ..”
หลิงหยุนได้แต่อ้ำอึ้งพร้อมกับยกมือขึ้นเกาศรีษะเบาๆ ก่อนจะถามกลับไปว่า “นี่ข้าเป็นที่รู้จักของชาวพันธมิตรหนานหยางมากถึงเพียงนี้เชียวรึ”
ท่านอาจารย์จันทร์ไม่ตอบคำถามหลิงหยุนตรงๆเขาส่ายหน้าไปมา พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “แท้ที่จริงท่านก็คือหลิงหยุน ผู้ที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นในประเทศจีนเพียงแค่ครึ่งปี ผู้ที่ผ่านการต่อสู้มานับร้อยๆครั้ง แต่กลับไม่เคยรู้จักคำว่าพ่ายแพ้ ผู้ที่ชาวยุทธต่างเรียกขานกันว่าเทพสังหาร เขาคือผู้ครอบครองกระบี่โลหิตแดนใต้ ซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของพรรคมาร ชาวยุทธต่างเรียกขานเขาว่าเทพแห่งมาร!”
“และที่สำคัญท่านคือผู้ที่ชาวยุทธในประเทศจีน ต่างร่ำลือกันว่าคือผู้ที่สวรรค์ลิขิตให้เป็น ‘คนผู้นั้น’ ไม่ทราบว่าข้ากล่าวสิ่งใดผิดไปหรือไม่”
“ที่เจ้ากล่าวมาล้วนถูกต้องทั้งหมด!”
หลิงหยุนพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ภายในใจกลับนึกประหวั่นพรั่นพรึง จากคำพูดของอาจารย์จันทร์ ทำให้เขาได้รู้ว่า ข่าวคราวของยุทธภพภายในประเทศจีนไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ล้วนแล้วแต่ถูกกลุ่มพันธมิตรหนานหยางล่วงรู้ทั้งสิ้น และนั่นหมายความว่า กลุ่มพันธมิตรหนานหยางได้จับตามองประเทศของเขาอย่างลับๆ มาตั้งนานแล้ว
อาจารย์จันทร์ได้แต่ยิ้มขื่นพร้อมกับเอ่ยออกไปว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เห็นทีสำนักหมื่นพุทธรูปของข้า คงจะต้องสูญสิ้นในค่ำคืนนี้เป็นแน่!”
หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยและคำพูดเพียงประโยคเดียวนี้ของท่านอาจารย์จันทร์ ก็บ่งบอกว่าเขาคุ้นเคย และรู้จักอุปนิสัยใจคอของหลิงหยุนดี
“ท่านคงจะต้องสังหารทุกคนที่เข้าสู่ด่านสุดท้ายขั้นพลังชี่ขึ้นไปเพื่อเป็นการป้องกันมิให้พวกเขา สามารถก่อกวนประเทศของท่านในวันข้างหน้าได้อีกใช่หรือไม่” ท่านอาจารย์จันทร์เอ่ยถามหลิงหยุน
“ถูกต้อง!”
หลิงหยุนยอมรับตามตรง“สังหารผู้ที่ควรต้องสังหาร! ข้าหาใช่ผู้ที่จะยอมละเลย ปล่อยให้มีปัญหาเกิดขึ้นกับตัวเองได้ในวันข้างหน้าได้!”
หลังจากที่ได้ฟังคำตอบของหลิงหยุนอาจารย์จันทร์จึงได้หันมองไปทางท่านกระทิง ก่อนจะหันกลับมากล่าวกับหลิงหยุนอีกครั้งว่า
“เช่นนั้นแล้ว..ข้ากับท่านกระทิงก็คงไม่รอดเช่นกันสินะ”
“ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป..”
หลิงหยุนเอ่ยตอบพร้อมกับส่ายหน้าไปมา“หากพวกเจ้าทั้งสองยินยอมที่จะถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกของพันธมิตรหนานหยาง พร้อมกับทำลายวรยุทธและพลังบ่มเพาะของตนเอง และมอบของวิเศษของพวกเจ้าให้กับข้า ข้าก็จะยอมไว้ชีวิตของพวกเจ้าสองคน..”
หลังจากที่อาจารย์จันทร์ได้ฟังคำตอบของหลิงหยุนก็ได้แต่หันกลับไปมองท่านอาจารย์กระทิงอีกครั้ง ทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยความรู้สึกขมขื่นใจ จากข้อมูลที่ท่านอาจารย์ทั้งสองคนได้รู้ได้ยินมานั้นวันนี้พวกเขาทั้งสองได้เห็นกับตาแล้วว่า อุปนิสัยของหลิงหยุนนั้นเป็นดังที่ร่ำลือจริงๆ
ท่านอาจารย์จันทร์ก้าวเท้าออกไปด้านหน้าพร้อมกับร้องตะโกนถามออกไปว่า “หากข้าไม่ยินยอมเล่า”
หลิงหยุนยิ้มเย็นพร้อมกับอธิบายให้ฟังอย่างใจเย็น “หากไม่ยอม พวกเจ้าทั้งสองก็ต้องตาย แต่ผลลัพธ์นั้นไม่แตกต่างกันเลย ฉะนั้นแล้วพวกเจ้าจะอยู่หรือตายก็มีค่าเท่ากัน..”
หลิงหยุนจงใจหยุดนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อว่า “เพราะประโยชน์ทั้งหมด จะตกอยู่ที่ข้าเพียงคนเดียว..”
“ข้าในฐานะเจ้าสำนักหมื่นพุทธรูปจะไม่ยอมอยู่อย่างไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรี แต่จะขอสู้กับเจ้าจนตัวตาย!”
บูม! หลังจากตัดสินใจเด็ดขาดและประกาศกร้าวออกไปเช่นนั้น ท่านอาจารย์กระทิงก็พุ่งทะยานจู่โจมเข้าใส่หลิงหยุนทันที!
แต่ความจริงก็คือตั้งใจเข้าไปตายนั่นเอง..
“ได้!ในเมื่อเจ้าต้องการ ข้าก็ยินดีที่จะสงเคราะห์ให้!”
สีหน้าแววตาของหลิงหยุนเต็มไปด้วยความเฉยชาและท่าทีก็สงบนิ่งยิ่งนัก กระบี่โลหิตเทวะในมือตวัดไปมา เวลานี้เขาเข้าสู่ขั้นปาเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-8) ระดับสูงสุดแล้ว จึงสามารถสังหารอาจารย์กระทิงได้ภายในเก้าดาบเท่านั้น พร้อมกับดูดซับเอาพลังพุทธะในร่างของเขาเข้าไปจนไม่มีเหลือแม้แต่หยดเดียว
การต่อสู้ของคนทั้งคู่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและจบลงอย่างง่ายดาย ท่านอาจารย์จันทร์ได้แต่เฝ้ามองแน่นิ่งตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่ห้ามท่านอาจารย์กระทิง และไม่เข้าไปช่วยเช่นกัน ราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเวลานี้ มิได้เกี่ยวข้องกับตนเอง
หลังจากที่ท่านอาจารย์กระทิงถูกสังหารอาจารย์จันทร์ก็ได้ใช้พลังจิตของตนเอง ควบคุมกระจกวิเศษให้ลอยไปอยู่ตรงหน้าหลิงหยุน ส่วนตัวเขาก็เริ่มทำลายวรยุทธ และพลังบ่มเพาะในร่างที่เฝ้าเพียรฝึกฝนมา
“หลิงหยุน..ข้ายอมรับเงื่อนไขของท่าน และรับปากว่าจากนี้ไป จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับกลุ่มพันธมิตรหนานหยางอีก และรับปากว่าในหนึ่งร้อยปีนับจากนี้ จะมิให้ศิษย์สำนักหมื่นพุทธรูปเข้าไปเหยียบแผ่นดินของท่านอีก!”
“ไม่ทราบว่าข้ารับปากเช่นนี้ท่านพอใจหรือไม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร