Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1600

บทที่ 1600 : ลุล่วงไปด้วยดี
  “พอใจ!”
  หลิงหยุนยกมือขึ้นคว้ากระจกวิเศษบานนั้นไว้หลังจากที่ใช้พลังจิตตรวจสอบจึงพบว่า ท่านอาจารย์จันทร์ได้ตัดขาดการเชื่อมต่อกับกระจกวิเศษบานนั้นก่อนแล้ว ทำให้ความคิดที่จะสังหารอาจารย์จันทร์อันตรธานหายไปในทันที
  กระจกวิเศษบานนี้อย่างน้อยก็ต้องจัดอยู่ในยุทธภัณฑ์ระดับสมบัติขั้นสุดยอด หลังจากที่เก็บเข้าไปไว้ในแหวนจักรวาลของตนเองแล้ว หลิงหยุนก็หันไปมองอาจารย์จันทร์ที่ยังคงนั่งสงบนิ่ง
  “ใช่ว่าข้าจงใจข่มเหงรังแกพวกเจ้าแต่เป็นเพราะการกระทำของพวกเจ้าเองทั้งสิ้น การที่สำนักหมื่นพุทธรูปต้องมีจุดจบเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องที่สมควรยิ่งแล้ว!”
  ไวยทำหน้าที่แปลให้ท่านอาจารย์จันทร์ฟังอย่างรวดเร็ว..   อาจารย์จันทร์ที่ได้ทำลายพลังบ่มเพาะและวรยุทธในร่างแล้วได้แต่ยกมือขึ้นเช็ดโลหิตและน้ำตาบนใบหน้า พร้อมกับเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง
  “ผู้น้อยเข้าใจดี..”
  หากเขามิใช่คนที่เข้าใจเหตุและผลข้อนี้ดีมีหรือที่จะยอมทำอะไรเช่นนี้!
  “พายุกับกระทิงยอมสู้จนตัวตายก็จริงแต่ท่านจันทร์กลับมีจิตใจที่กว้างขวางกว่าพวกเขาสองคนมากนัก ท่านยินดีทำลายพลังบ่มเพาะและวรยุทธของตน อีกทั้งยังยอมอดทนอดกลั้นต่อความอัปยศอดสู เพียงเพื่อรักษาชีวิตตนเองไว้ให้สามารถเป็นที่พึ่งของศิษย์ และเพื่อให้ได้มีโอกาสสั่งสอนศิษย์สำนักหมื่นพุทธรูปต่อไป ความจริงแล้ว.. ข้าซาบซึ้งในน้ำใจของท่านจันทร์ยิ่งนัก นี่ต่างหากที่ควรเป็นรากฐานแท้จริงของผู้ฝึกบ่มเพาะตนทั่วหล้า..”
  คนภายนอกอาจมองเห็นว่าคำพูดของหลิงหยุนนั้นเป็นเพียงความซาบซึ้งใจ และความเมตตาจอมปลอม แต่คนอย่างท่านอาจารย์จันทร์ ซึ่งเข้าสู่สภาวะรู้แจ้งแล้วนั้น ย่อมรับรู้ได้ว่า คำพูดของเขาล้วนมาจากก้นบึ้งของจิตใจจริงๆ
  ในทางตรงกันข้ามหากเปลี่ยนเป็นหลิงหยุนที่มิได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ สำนักหมื่นพุทธรูปคงจะไม่คิดเมตตาหลิงหยุน ดังที่หลิงหยุนกำลังเมตตาศิษย์พุทธองค์อยู่ในเวลานี้เป็นแน่
  “ขอบคุณที่เมตตา!นี่คือชะตากรรมที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้!” ท่านอาจารย์จันทร์เงยหน้าขึ้นมองท้องนภา พร้อมกับรำพึงรำพันออกมา
  “แต่ข้ายังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องทำ..”หลิงหยุนเอ่ยขึ้น
  ภายใต้การควบคุมด้วยพลังจิตของหลิงหยุนกระบี่เหินเงาธนูขยายใหญ่ขึ้น พร้อมกับพุ่งทะยานเข้าไปในประตูอุโบสถ พร้อมกับทะยานกลับไปกลับมาอยู่ครู่หนึ่ง
  ครืน..ครืน..   เสียงดังครืนๆดังอยู่ไม่นานนักพระพุทธรูปสูงใหญ่ที่อยู่ด้านในก็ค่อยๆ ล้มครืนลงมา จนเกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งผืนดินบริเวณนั้น
  หลิงหยุนจำเป็นต้องทำลายสำนักหมื่นพุทธรูป!
  ท่านอาจารย์จันทร์จ้องมองพระพุทธรูปสูงใหญ่ และอุโบสถสีทอง ที่ค่อยๆถล่มลงมาด้วยสีหน้าท่าทางสงบนิ่ง และไม่เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
  หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ได้ทำการเรียกอาวุธ และของวิเศษที่ตกอยู่บนพื้น เข้าไปเก็บไว้ในแหวนของตนทันที ก่อนจะหันไปมองไวย พร้อมกับบอกท่านอาจารย์จันทร์ว่า
  “ข้าจำต้องนำคนผู้นี้ติดตามไปด้วย..”
  ท่านอาจารย์จันทร์หันไปมองหลิงหยุนแน่นิ่งจนหลิงหยุนต้องเอ่ยถามออกมาว่า “ท่านมิยินยอมงั้นรึ”
  ท่านอาจารย์จันทร์ส่ายหน้าไปมา“ประสกต้องการจะทำเช่นใดกับไวย อาตมาคงไม่อาจทัดทานได้..”
  ไวยรู้ตัวว่าชีวิตของตนอยู่ในเงื้อมือของหลิงหยุนเขาจึงไม่กล้าที่จะขัดขืน และยังคงทำหน้าที่เป็นล่ามแปลสิ่งที่ทั้งคู่ตอบโต้กันอย่างดีที่สุด
  ท่านอาจารย์จันทร์หันมองไปรอบตัวก่อนจะหยุดนิ่งทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า
  “ฟ้าเอียงพายัพดินทรุดอาคเนย์..”
  หลิงหยุนกระแอมเบาๆแน่นอนว่าเขาย่อมเคยได้ยินคำพูดประโยคนี้มาก่อน..
  คำกล่าวนี้มาจากตำนานปรัมปราของจีนโบราณซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับก้งกง เชื่อกันว่าก้งกงเป็นเทพแห่งน้ำ ตำนานระบุว่าก้งกงรบแพ้ก็โกรธจึงใช้ศีรษะชนกับปู้โจวซานซึ่งเป็นเสาค้ำฟ้าหัก ทำให้ฟ้าเอียงทางพายัพ (ตะวันตกเฉียงเหนือ) ดังนั้นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว จึงเคลื่อนไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ดินทรุดเอียงทางอาคเนย์ (ตะวันออกเฉียงใต้)ทำให้สายน้ำไหลไปทางตะวันออกเฉียงใต้ อันเป็นตำนานเล่าถึงความเป็นไปของธรรมชาติที่เห็นในโลก
  “ท่านกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน”หลิงหยุนเอ่ยถามขึ้นมา
  “ประสกอย่าได้คิดมากไปเลย..อาตมารู้เพียงแค่ว่า พายัพคือคุนหลุนประเทศจีน อาคเนย์คือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้!”
  จากนั้นท่านอาจารย์จันทร์ก็ได้แต่นิ่งเงียบไป จนหลิงหยุนต้องถามย้ำ “ท่านยังต้องการกล่าวอะไรอีกหรือไม่”
  ท่านอาจารย์จันทร์ตอบกลับไปว่า“ไม่มีแล้ว.. เป็นเพราะประสกคือผู้ที่ถูกลิขิตมา ผู้น้อยเช่นอาตามจึงมีประโยคที่จะกล่าวเพียงเท่านั้น”
  หลิงหยุนจ้องมองท่านอาจารย์จันทร์พร้อมกับเอ่ยตอบไปว่า “ขอบคุณท่านยิ่งนัก! เอาล่ะ.. สิ่งที่ข้าควรทำ ข้าก็ทำหมดแล้ว! ตราบใดที่ท่านรักษาคำพูดที่ได้ลั่นวาจาไว้ก่อนหน้านี้ ข้าก็รับปากจะปกป้องท่านและศิษย์ หากวันหน้าถูกผู้ใดข่มเหงรังแก ขอให้ท่านบอกแก่ข้า..”
  ท่านอาจารย์จันทร์พยักหน้าพร้อมกับประสานมือโน้มศรีษะลงเล็กน้อย “น้อมส่งแต่เพียงเท่านี้..”
  ทันทีที่ร่างของหลิงหยุนหายวับไปร่างของท่านอาจารย์จันทร์ก็ทรุดลงไปกองกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง ริมฝีปากมีโลหิตสีแดงไหลพุ่งออกมา
  “บุรุษผู้นั้นถือกำเนิดแล้วโลกใบนี้กำลังจะเปลี่ยนแปลงสินะ”
  ……
  การที่หลิงหยุนจำต้องนำตัวไวยมาด้วยนั้นเพราะเขาเข้าใจ และสามารถสื่อสารภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับหลิงหยุนอย่างมาก
  เวลานี้สำนักเทียนหลิงและสำนักหมื่นพุทธรูป ก็ได้ถูกหลิงหยุนถล่มจนสิ้นชื่อแล้ว ยังคงเหลืออีกสองสำนักที่รอให้เขาไปจัดการ  สำนักทายาทเทวะและภูติผีหมื่นพิษ!
  “ไวย..สำนักทายาทเทวะอยู่ที่ใดรึ”
  หลิงหยุนจงใจพาร่างของไวยเหาะไปทางด้านใต้พร้อมกับเอ่ยถามเขาต้องการที่จะทดสอบดูว่า ไวยจะกล้าหลอกเขาหรือไม่
  “ท่านต้องไปทางทิศเหนือสำนักทายาทเทวะอยู่ระหว่างชายแดนไทย–พม่า..”
  “โอ้..ดูเหมือนพวกเราจะมาผิดทางสินะ”
  หลิงหยุนเลี้ยวกลับและมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักทายาทเทวะทันที!
  “หากข้าเดาไม่ผิดอาจารย์คุนปาที่ไปก่อกวนเกาะมาเก๊า คงจะเกี่ยวข้องกับสำนักทายาทเทวะสินะ”
  “เขาเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจผู้หนึ่งแต่ดูเหมือนจะใกล้ชิดกับสำนักภูติผีหมื่นพิษมากกว่า!”
  ในเมื่อได้ล่ามที่มีความสามารถอย่างไวยมาด้วยหลิงหยุนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกลับไปพาพอลมาด้วย และด้วยอัตราความเร็วในการเหาะของหลิงหยุนเวลานี้ ไม่นานนักเขากับไวยก็มาถึงจุดหมายปลายทาง
  ในระหว่างที่เหาะอยู่บนท้องนภานั้นไวยก็ได้เอ่ยบอกหลิงหยุนไปว่า “ท่านอาจารย์หลิง สำนักทายาทเทวะอยู่บนเขาแถบนี้ แต่เนื่องจากเวลานี้พลังบ่มเพาะภายในร่างของข้าสูญสิ้นไปหมดแล้ว ข้าจึงไม่อาจบอกตำแหน่งที่ถูกต้องได้..”
  “เรื่องนั้นไม่จำเป็น..ข้าพบที่ตั้งของพวกมันแล้ว!”
  หลิงหยุนเหาะลงไปโดยไม่คิดที่จะอำพรางตัวแต่อย่างใด..
  “พวกเจ้าเตรียมตัวตายกันได้แล้ว!”
  เมื่อไปถึงหลิงหยุนก็เหาะลงไปกลางสำนักทายาทเทวะ พร้อมกับลงมือสังหารทุกคนโดยไม่มีการเจรจาใดๆทั้งสิ้น
  กระบี่เหินเงาธนูกระบี่กังฉี หอกมังกรทอง และตราหยกจักรพรรดิ พุ่งออกมาจากร่างของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว  สำนักทายาทเทวะล้วนฝึกวิชาถอดศรีษะและเจ้าสำนักก็มีวิชานี้ที่แข็งแกร่ง ฉะนั้น สำนักทายาทเทวะจึงนับว่าแตกต่างจากสำนักหมื่นพุทธรูปโดยสิ้นเชิง เพราะจุดประสงค์ที่ก่อตั้งสำนักก็เพื่อคร่าชีวิตมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งนับว่าเลวร้ายยิ่งกว่าปีศาจ
  อีกทั้งผู้ที่จะขึ้นมาบนสำนักเทวะแห่งนี้ได้จะต้องสำเร็จวิชาถึงขั้นสองเป็นอย่างน้อย ด้วยเหตุนี้ หลิงหยุนจึงไม่จำเป็นต้องกังวลใจว่า ตนเองจะเผลอไปเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์
  และที่สำคัญหลิงหยุนไม่คิดที่จะดูดลมปราณของคนเหล่านี้!
  แสงสว่างสีเขียวพุ่งปราดไปมาแสงสีทองประหนึ่งมังกรเหาะเหิน และตราหยกขนาดใหญ่ที่พุ่งขึ้นสู่ท้องนภา และตกลงมาอย่างรวดเร็ว!
  ศรีษะที่ล่องลอยไปมาถูกเจาะทะลุกะโหลกร่างกายถูกหั่นออกเป็นชิ้น บ้างก็ถูกทุบจนบี้แบน เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังระงมไปทั่วทั้งป่าเขา  หลายคนไม่ทันจะได้ตอบโต้ก็ถูกหลิงหยุนสังหารตายก่อนแล้ว!
  เวลานี้หลิงหยุนเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นปาเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-8) แล้ว มีหรือที่ศิษย์สำนักทายาทเทวะจะสามารถรอดชีวิตไปได้
  สามนาทีต่อมา..
  ภายในสำนักทายาทเทวะพลันเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดไร้ร่างที่ยังมีลมหายใจแม้แต่ร่างเดียว ไวยที่ได้เห็นการสังหารอันเหี้ยมโหดไร้ปราณี จึงได้แต่ยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง
  เหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าทำให้ไวยตระหนักได้ว่า แท้จริงแล้วหลิงหยุนเมตตาปราณีต่อสำนักหมื่นพุทธรูปมากเพียงใด เพราะอย่างน้อย ก็ยังมีศิษย์อีกเกือบร้อยชีวิตที่ยังมีลมหายใจอยู่
  แต่กับสำนักทายาทเทวะหลิงหยุนกลับไม่พูดพล่ามทำเพลง มาถึงก็ลงมือสังหารทุกคนไม่มีเหลือ
  บูม!   หลังจากลงมือสังหารทุกคนไม่เหลือแล้วหลิงหยุนก็ได้ใช้เปลวเพลงจากหงส์ไฟเผาผลาญศรีษะ และร่างไร้วิญญาณจนเหลือเพียงแค่เถ้าถ่าน!
  “ไวย..สำนักทายาทเทวะใหญ่โตไม่น้อย เหตุใดจึงมีศิษย์สำนักอยู่เพียงเท่านี้ แล้วเจ้าสำนักเล่าอยู่ที่ใด?”
  แม้ว่าหลิงหยุนจะสังหารศิษย์สำนักทายาทเทวะตายไปถึงสามสิบเก้าคนคนแต่เมื่อพบว่าในจำนวนนั้นไม่มีผู้ใดฝึกจนถึงขั้นที่ห้าเลยแม้แต่คนเดียว เขาจึงเริ่มรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
  “ท่านอาจารย์หลิง..พวกเรากลับกันดีกว่า! ผู้ที่ฝึกจนถึงขั้นถอดศรีษะได้จึงจะมีสิทธิ์ขึ้นมาฝึกวิชาบนยอดเขาแห่งนี้ มีเพียงแค่สี่สิบคนเท่านั้น และท่านก็ได้สังหารพวกเขาตายไปจนเกือบหมดแล้ว..”
  ไวยกดข่มความหวาดกลัวพร้อมกับเอ่ยบอกหลิงหยุนด้วยเสียงสั่นเทา..
  “สี่สิบคนงั้นรึ”   “ท่านอาจารย์หลิงได้โปรดอภัยให้ข้าด้วยข้าน้อยเพียงแค่ประมาณเอาเท่านั้น แต่ไม่รู้จำนวนที่แน่นอน!”
  หลิงหยุนพยักหน้าและย้อนถามไวยกลับไปว่า “แล้วเจ้าสำนักทายาทเทวะเล่า เหตุใดจึงไม่อยู่ที่นี่”
  “เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะได้ข่าวล่วงหน้ามาก่อนแล้วจึงได้ชิงหลบหนีไปก่อนเพราะความหวาดกลัว..” ไวยได้แต่คาดเดา
  “นับว่าฉลาดไม่น้อยทีเดียว!”
  หลิงหยุนทำเสียงขึ้นจมูกด้วยความไม่พอใจนักแล้วจึงจะพาร่างของไวยออกจากที่นี่ มุ่งหน้าไปยังสำนักภูติผีหมื่นพิษทันที!
  สำนักภูติผีหมื่นพิษมิได้อยู่ห่างจากสำนักทายาทเทวะไปไกลนักเพียงสามสี่ร้อยกิโลเมตรเท่านั้น และจากข้อมูลที่หลิงหยุนได้มา ประกอบกับคำบอกเล่าของไวย สำนักภูติผีหมื่นพิษนั้น เลวร้ายและโหดเหี้ยมเสียยิ่งกว่าสำนักทายาทเทวะเป็นไหนๆ คนเหล่านี้ใช้วิชาอาคมของตนเองที่มี ทำการผ่าท้องหญิงที่ตั้งครรภ์ เพื่อนำวิญญาณของเด็กที่ตายมาทำเป็นกุมารทอง
  หลังจากผ่านไปราวสี่สิบห้านาทีหลิงหยุนก็มาถึงสำนักภูติผีหมื่นพิษ และจุดจบของพวกมันก็ไม่ต่างจากสำนักทายาทเทวะเลยแม้แต่น้อย
  และภายในคืนเดียวสี่สำนักสำคัญของกลุ่มพันธมิตรหนานหยาง ก็ได้ถูกหลิงหยุนถล่มทำลายจนราบเป็นหน้ากอง
  ในที่สุดหลิงหยุนก็สามารถปฏิบัติภารกิจลุล่วงไปด้วยดี!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร