บทที่ 1601 : ที่มีสมบัติล้ำค่า
ในระหว่างที่ถล่มสำนักภูติผีหมื่นพิษนั้นหลิงหยุนได้สังหารยอดฝีมือในขั้นก่อสร้างรากฐานไปหกคน และด่านสุดท้ายขั้นพลังชี่ไปอีกมากกว่าร้อยคน
แต่เนื่องจากพลังหยินรุนแรงในร่างของยอดฝีมือเหล่านี้ล้วนบ่มเพาะจากพลังชี่ของเด็กทารกที่ถูกนำมาทำเป็นกุมารทอง หลิงหยุนไม่ต้องการให้พลังเหล่านี้สูญเปล่า จึงได้ใช้กระแสวนหยิน–หยางดูดซับเอาพลังทั้งหมดเข้ามาไว้ในร่าง
อีกทั้งภายในสำนักภูติผีหมื่นพิษแห่งนี้ได้ก่อตั้งมาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว ภายในบริเวณโดยรอบจึงมีพลังหยินอยู่หนาแน่นมาก แต่เวลานี้กลับถูกหลิงหยุนดูดซับเข้าไปจนหมดไม่มีเหลือแล้ว
และด้วยเหตุนี้ทำให้หลิงหยุนที่เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นปาเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-8) เริ่มมีสัญญาณใกล้ทะลวงเข้าสู่ขั้นพลังที่สูงขั้นมากแล้ว
ฉะนั้น..หลังจากที่ถล่มสำนักภูติผีหมื่นพิษไปแล้ว หลิงหยุนจึงมิได้รีบจากไปนัก แต่มองหายอดเขาเงียบๆสักแห่ง เมื่อพบแล้วจึงได้เหาะขึ้นไป และจัดการใช้เปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยาง หลอมกลั่นพลังหยินที่ดูดซับเข้าไปในร่าง เพื่อไม่ให้ต้องกังวลใจอีก
หลิงหยุนใช้เวลาหลอมกลั่นพลังหยินที่ดูดซับเข้าไปนานมากกว่าหนึ่งชั่วโมงจนกระทั่งเข้าสู่เวลาตีสี่ของเช้าวันใหม่ จึงได้เปิดเปลือกตาขึ้น และพบว่าไวยกำลังยืนมองเขาอยู่ห่างๆ
“ท่านอาจารย์หลิงการฝึกฝนของท่านทำให้ผู้น้อยได้เปิดหูเปิดตาอย่างมาก!”
หลังจากที่เห็นว่าหลิงหยุนลืมตาขึ้นแล้วไวยจึงได้ก้าวเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าเขาพร้อมกับหรี่ตามอง
แม้ว่าเวลานี้ไวยจะถูกทำลายวรยุทธและพลังบ่มเพาะในตัวไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะกลายเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการฝึกฝนอีกเลย
“ไวย..เจ้าไร้ประโยชน์ต่อข้าแล้ว!”
หลิงหยุนมิได้สนใจคำพูดของไวยเลยแม้แต่น้อยแต่กลับถามเขาอย่างตรงไปตรงมาว่า “เอาล่ะ.. บอกข้ามาว่าเจ้าต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ หรือต้องการที่จะตาย”
หลังจากที่ได้ยินหลิงหยุนถามเช่นนั้นไวยถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่า ถึงคราที่ตนเองจะต้องถูกหลิงหยุนตัดสินโทษ และเวลานี้ชีวิตของเขาก็อยู่ในเงื้อมือของหลิงหยุน ไวยจึงได้รีบคุกเข่าลงกับพื้น พร้อมกับโขกศรีษะลงต่อหน้าหลิงหยุน
ความจริงแล้วเวลานี้ไวยเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งด้วยขั้นพลังบ่มเพาะของเขานั้น ควรจะต้องถูกหลิงหยุนสังหารตายไปก่อนหน้าแล้ว หากมิใช่ว่าเขาสามารถใช้ภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว และหลิงหยุนต้องการนำตัวมาเป็นล่าม แต่ถึงอย่างนั้น ไวยก็รู้ตัวดีว่าสุดท้ายตนเองก็ต้องถูกสังหารตายอยู่ดี
แต่หลังจากที่ได้ติดตามหลิงหยุนมานานหลายชั่วโมงทำให้ไวยสัมผัสได้ว่า หลิงหยุนหาใช่คนเลือดเย็น และเข่นฆ่าผู้คนอย่างไร้เหตุผลไม่ ด้วยเหตุหนี้ เมื่อได้ยินหลิงหยุนถามเช่นนั้น เขาจึงกล้าที่จะตอบหลิงหยุนไปตามความจริง
อีกทั้งตลอดระยะทางที่ออกเดินทางจากสำนักหมื่นพุทธรูปนั้นหลิงหยุนไม่เพียงไม่ทรมานตน แต่ยังได้ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บสาหัสให้อีกด้วย และยังปล่อยให้เขาได้สามารถทำทุกอย่างเป็นปกติ
จากเดิมที่สิ้นหวังและคิดว่าตนเองต้องตายอย่างแน่นอน จนไม่เกิดความรู้สึกกลัวตาย พลันเปลี่ยนเป็นมีความหวัง และความหวาดกลัวต่อความตายจึงพุ่งพรวดขึ้นมาในจิตใจแทน
แต่การที่หลิงหยุนรักษาอาการบาดเจ็บให้กับไวยนั้นหาใช่เพราะเขาเกิดจิตเมตตาขึ้นมาอย่างกะทันหันไม่ แต่เป็นเพราะเขาไม่ต้องการที่จะหอบร่างไร้วิญญาณไปด้วยนั่นเอง แต่ความคิดที่จะสังหารไวยอีกครั้งนั้นก็ยังมิได้หมดไปจากใจของหลิงหยุนเสียทีเดียว!
“ท่านอาจารย์หลิงผู้น้อยอยากมีชีวิตอยู่ต่อ! ผู้น้อยต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ขอท่านอาจารย์หลิงได้โปรดเมตตาไว้ชีวิตผู้น้อยด้วยเถิด!”
คุณไวยร้องบอกหลิงหยุนพร้อมกับโขกศรีษะลงกับโคลนตมตรงหน้า โดยไม่สนใจว่าใบหน้าของตนนั้นจะเลอะเทอะเปรอะเปื้อนสักเพียงใด
“อ่อ..เจ้าอยากจะมีชีวิตอยู่ต่องั้นรึ”
หลิงหยุนพยักหน้ารับรู้ก่อนจะถามต่อว่า “เช่นนั้นก็จงบอกข้ามา.. ในฐานะที่เจ้าเคยทำงานในกลุ่มพันธมิตรหนานหยาง นอกเหนือจากสี่สำนักสำคัญที่ข้าถล่มไปก่อนหน้านี้ ยังมีสำนักใดที่แข็งแกร่ง และเป็นอันตรายอีกหรือไม่”
“เรียนท่านอาจารย์หลิงสิ่งที่ข้าน้อยจะกล่าวต่อไปนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นความจริงทั้งสิ้นผู้น้อยสาบานว่าจะบอกเล่าทุกอย่างที่รู้เห็น ให้ท่านอาจารย์หลิงฟังโดยไม่ปิดบังแต่แต่น้อย..”
ไวยเงยหน้าที่เปื้อนไปด้วยโคลนของตนเองขึ้นจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เรียนท่านอาจารย์หลิงตำแหน่งผู้นำของกลุ่มพันธมิตรหนานหยางนั้น ใช้ระบบหมุนเวียน และเมื่อเดือนกรกฏาที่ผ่านมานี้ ผู้น้อยก็เพิ่งจะเข้ารับตำแหน่งนั้นมา..”
“โอ๊ะ!”
หลังจากร้องอุทานออกมาหลิงหยุนก็ถึงกับหัวเราะร่วน พร้อมกับเอ่ยกับไวยต่อทันที “นี่นับเป็นความโชคดีของข้ามากทีเดียว ที่เลือกจับผู้ที่เป็นถึงหัวหน้าของกลุ่มพันธมิตรหนานยางมา..”
ไวยรีบอธิบายต่อทันที“ท่านอาจารย์หลิง.. ความจริงแล้วตำแหน่งผู้นำกลุ่มพันธมิตรหนานหยาง ก็หาได้ทำหน้าที่สำคัญอะไรมากมายไม่ เพียงแต่ดูแลกิจกรรมต่างๆผู้น้อยสาบานว่าจะบอกเล่าทุกอย่างที่รู้เห็น ให้ท่านอาจารย์หลิงฟังโดยไม่ปิดบังแต่แต่น้อย..”
ไวยเงยหน้าที่เปื้อนไปด้วยโคลนของตนเองขึ้นจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เรียนท่านอาจารย์หลิงตำแหน่งผู้นำของกลุ่มพันธมิตรหนานหยางนั้น ใช้ระบบหมุนเวียน และเมื่อเดือนกรกฏาที่ผ่านมานี้ ผู้น้อยก็เพิ่งจะเข้ารับตำแหน่งนั้นมา..”
“โอ๊ะ!”
หลังจากร้องอุทานออกมาหลิงหยุนก็ถึงกับหัวเราะร่วน พร้อมกับเอ่ยกับไวยต่อทันที “นี่นับเป็นความโชคดีของข้ามากทีเดียว ที่เลือกจับผู้ที่เป็นถึงหัวหน้าของกลุ่มพันธมิตรหนานยางมา..”
ไวยรีบอธิบายต่อทันที“ท่านอาจารย์หลิง.. ความจริงแล้วตำแหน่งผู้นำกลุ่มพันธมิตรหนานหยาง ก็หาได้ทำหน้าที่สำคัญอะไรมากมายไม่ เพียงแต่ดูแลกิจกรรมต่างๆภายในกลุ่ม อีกทั้งยังต้องดูแลงานสำคัญที่เหล่าอาวุโสในกลุ่มมอบหมายให้ด้วยเท่านั้นเอง..”
เพื่อให้สามารถมีชีวิตรอดจากการถูกสังหารในครั้งนี้ไวยจึงได้พยายามลดทอนความสำคัญของตนในฐานะผู้นำกลุ่มพันธมิตรหนานหยางที่ได้รับลง แต่ความจริงแล้ว หน้าที่ของเขาก็มีเพียงแค่นั้นจริงๆ
หลิงหยุนเองก็รู้ดีว่าไวยมิได้พูดโกหกแต่อย่างใดเพราะโจวเหวินอี้ได้บอกเล่าเรื่องของกลุ่มพันธมิตรหนานหยางให้เขาฟังก่อนหน้านี้แล้ว และการที่เขาข้ามน้ำข้ามทะเลมาหลายพันไมล์นี้ ก็เพื่อถล่มสำนักสำคัญทั้งสี่แห่งของกลุ่มพันธมิตรหนานหยาง
“เอาล่ะ..เล่าต่อได้”
“เรียนท่านอาจารย์หลิงหลังจากที่ท่านได้ทำลายสำนักเทียนหลิง สำนักหมื่นพุทธรูป สำนักทายาทเทวะ และสำนักภูติผีหมื่นพิษไปแล้ว นับจากนี้ไป กลุ่มพันธะมิตรหนานหยางก็คงเหลือแต่ชื่อเท่านั้น..” หลิงหยุนได้ฟังเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยขัดขึ้นในทันที “แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่หนีรอดไปได้เสียก่อน..”
“ใช่ๆ”เว่ยเอ่ยตอบอย่างรวดเร็ว
“นั่นเป็นเพราะพวกเขาได้ข่าวเรื่องที่ท่านอาจารย์หลิงบุกไปถล่มสำนักเทียนหลิงก่อนและกว่าจะเดินทางมาถึงสำนักหมื่นพุทธรูปของข้า ก็ทิ้งระยะเวลานานไม่น้อย ทำให้อาวุโสบางคนของสำนักทายาทเทวะ และสำนักภูติผีหมื่นพิษสามารถหลบหนีไปได้ก่อน”
“แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะหนีไปได้หากคิดจะกระทำการใดในวันข้างหน้าก็คงแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะศิษย์ทั้งหมดได้ถูกท่านสังหารตายจนหมดแล้ว ลำพังพวกเขาตัวคนเดียวจะทำอะไรได้อีกเล่า..”
“อีกอย่างท่านอาจารย์หลิงเองก็ได้ถล่มสำนักใหญ่ทั้งสี่ จนราบเป็นหน้ากองภายในคืนเดียว ข่าวคราวความแข็งแกร่งของท่านในคืนนี้ คงจะแพร่สะพรัดออกไปอย่างรวดเร็ว และสร้างความตื่นตระหนกให้กับสมาชิกพันธมิตรหนานหยางคนอื่นๆมากเป็นแน่ ข้าเชื่อว่าตลอดระยะเวลาสามถึงห้าปีนี้ จะมิมีใครกล้าเคลื่อนไหวใดๆอีกอย่างแน่นอน..”
ไวยช่วยหลิงหยุนครุ่นคิดและวิเคราะห์สถานการณ์ในวันข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว..
“อืมม..ที่เจ้ากล่าวมาก็ล้วนมีเหตุมีผลไม่น้อย!”
หลิงหยุนได้แต่แอบยิ้มอยู่ในใจแต่ก็ไม่ลืมที่จะถามถึงสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรหนานหยางในประเทศอื่นๆต่อ
“แล้วสมาชิกในประเทศอื่นๆอีกเล่าอย่างเช่นฟิลิปปินส์ มาเลเซีย..”
หลิงหยุนยังจำได้แม่นยำว่าเมื่อครั้งที่เขาเหาะไล่ล่าคุนปาไปนั้น คุนปาตั้งใจที่จะเหาะไปทางประเทศฟิลิปปินส์ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเชื่อว่าที่นั่นจะต้องมียอดฝีมือที่เก่งกาจอยู่อีกเช่นกัน
“ท่านอาจารย์หลิงได้โปรดวางใจ..” ไวยรีบเอ่ยตอบกลับไปทันที“ประเทศที่ท่านอาจารย์หลิงกล่าวมาทั้งหมดนั้น มิได้มียอดฝีมือเก่งกาจอยู่เลย อาจจะมีผู้ฝึกวรยุทธอยู่บ้าง แต่ก็มิได้มีพลังบ่มเพาะที่สูงส่งอะไร เทียบกับข้าก่อนหน้านี้ไม่ได้ด้วยซ้ำไป พวกเขาไม่สามารถก่อความวุ่นวายใดๆได้แน่”
“อ่อ..เช่นนี้นี่เอง!”
สิ่งที่ไวยบอกล้วนตรงกับสิ่งที่โจวเหวินอี้บอกกับหลิงหยุนก่อนหน้านี้ทั้งสิ้น เขาจึงค่อนข้างวางใจ และคร้านที่่จะถามถึงเรื่องเหล่านี้ต่อ จึงเปลี่ยนไปถามไวยแทน..
“ไวย..เมื่อครู่เจ้าบอกข้าว่าต้องการมีชีวิตอยู่ต่อใช่หรือไม่ เอาล่ะ.. ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าลองบอกข้าทีว่า เจ้าจะทำอะไรเพื่อข้าได้บ้างหากมีชีวิตรอดกลับไปได้?”
และนี่คือเป้าหมายของหลิงหยุน!
นั่นเพราะการปลิดชีวิตไวยเป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับหลิงหยุนแต่การที่จะให้ไวยยอมทำงานให้กับเขานั้น เป็นเรื่องที่ยากและเป็นประโยชน์กว่ามาก “ท่านอาจารย์หลิง..ผู้น้อยสามารถทำประโยชน์ให้ท่านได้หลายอย่างทีเดียว!”
“เวลานี้สำนักหมื่นพุทธรูปก็ยังมีศิษย์อีกหลายคน ที่กระจายตัวอยู่ตามวัดต่างๆ แม้เวลานี้ผู้น้อยจะไร้ซึ่งพลังบ่มเพาะแล้ว แต่ฐานะตำแหน่งก็ยังคงอยู่..”
“ด้วยฐานะของผู้น้อยเวลานี้ประกอบกับความน่าสะพรึงกลัวของท่านอาจารย์หลิงในคืนนี้ ไม่ว่าท่านจะต้องการให้ข้าสลายกลุ่มพันธมิตรหนานหยาง หรือสั่งห้ามมิให้เหล่าสมาชิกเข้าไปสร้างความวุ่นวายในประเทศของท่าน ผู้น้อยก็สามารถ และยินดีทำให้ด้วยความเต็มใจ..”
หลังจากกล่าวจบไวยก็ได้แต่นิ่งเงียบรอฟังการตัดสินใจของหลิงหยุน..
“เจ้ากล่าวได้ดีทีเดียว..”
และนี่คือคำพูดที่หลิงหยุนต้องการที่จะได้ยินจากปากของไวยเขาจึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ พร้อมกับยกมือขึ้นตบบ่าไวยเบาๆ “เอาล่ะ..ในเมื่อเจ้ารับปากเช่นนี้ ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้า! นับจากนี้ไป เจ้าต้องพยายามอย่างดีที่สุด ที่จะยับยั้งสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรหนานหยาง มิให้เข้าไปสร้างความวุ่นวายให้กับประเทศของข้าอีก!”
“หาไม่แล้ว..เหล่าพันธมิตรหนานหยางต้องพบกับข้าอีกครั้งแน่!”
“ครับๆๆ”
ไวยพยักหน้าหงึกๆด้วยความตื่นเต้นดีใจ“ผู้น้อยจะพยายามอย่างสุดความสามารถ หากผู้น้อยทำไม่ได้ ท่านอาจารย์หลิงสามารถกลับมาเอาชีวิตของผู้น้อยได้เลย!”
“ตกลง!”
หลิงหยุนลุกขึ้นยืนพร้อมกับเหาะขึ้นไปบนท้องนภาอีกคราและไม่ลืมที่จะพาร่างของไวยกลับไปส่งที่สำนักหมื่นพุทธรูปด้วย
…………
หลังจากส่งไวยกลับสำนักหมื่นพุทธรูปแล้วหลิงหยุนก็ได้เหาะไปหาพอล แต่ทั้งคู่ก็ยังมิได้กลับไปในทันที และเหาะกลับมายังสำนักภูติผีหมื่นพิษแทน
“พอล..ที่นี่มีสมบัติล้ำค่าไม่น้อยทีเดียวล่ะ!”
ทันทีที่เหาะลงมาในบริเวณสำนักภูติผีหมื่นพิษหลิงหยุนก็ได้หันไปบอกกับพอลด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร