บทที่ 1604 :ดวงจิตปีศาจ
หลิงหยุนดำดิ่งลงไปใต้ผืนดินบริเวณหุบเขานั้นและค่อยๆแหวกว่ายไปตามเส้นทางที่พลังชีวิตพวยพุ่งออกมา ร่างของหลิงหยุนเวลานี้ ค่อยๆจมดิ่งเข้าไปใต้ผืนปฐพีลึกมากขึ้นเรื่อยๆ
หากเปรียบเทียบกับการตามล่าเก็บหินหยกก่อนหน้าครั้งนี้หลิงหยุนใช้เวลาเคลื่อนตัวไปค่อนข้างช้ากว่าเดิมมาก เขาไม่รีบเร่ง เพราะต้องการดูดซับเอาพลังชีวิตที่กระจายอยู่รอบตัว เข้าไปในร่างให้ได้มากที่สุดนั่นเอง
หลังจากดำลึกลงไปได้เพียงแค่สิบกว่าเมตรหลิงหยุนก็พบว่า รอบตัวของเขานั้นมีพลังชีวิตที่หนาแน่นกว่าเดิมมาก ทำให้ยิ่งมั่นใจว่า แหล่งกำเนิดพลังชีวิตจะต้องอยู่ในบริเวณนี้อย่างแน่นอน นับว่าการเดินทางมาครั้งนี้ไม่เสียเปล่าจริงๆ
ที่สำคัญแหล่งกำเนิดพลังปราณ หรือรากปราณนี้ หากอยู่ในระดับที่โตเต็มวัยมาก ไม่เพียงจะมีความเฉลียวฉลาด แต่ยังสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่าง และสามารถใช้พลังของตนสร้างพลังวิเศษเหนือธรรมชาติขึ้นได้ด้วย
และนี่คือเหตุผลที่หลิงหยุนไม่พาพอลมาด้วยเพราะแม้แต่เขาเองยังไม่รู้ว่ารากปราณที่ว่านี้ จะมีคุณลักษณะและมีความแข็งแกร่งในระดับใด หากพอลเอะอะจนรากปราณรู้ตัว และหนีไปเสียก่อน เช่นนี้แล้วจะยิ่งไปเป็นปัญหาสำหรับเขาหรอกหรือ
ด้วยเหตุนี้หลิงหยุนที่อยู่ใต้ดิน จึงค่อยๆเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วปานกลาง และค่อนข้างระมัดระวังเป็นอย่างมาก ระหว่างทางก็คอยสำรวจมองรอบตัวอย่างละเอียดไปด้วย
แต่หลังจากที่ดำลึกลงไปได้ราวสองร้อยเมตรหลิงหยุนก็ค้นพบหินหยกก้อนใหญ่ที่มีพลังชีวิตหนาแน่น อีกทั้งยังมีสีสันที่งดงามมากอีกด้วย และแน่นอนว่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่หลิงหยุนจะทอดทิ้งมันไว้เช่นนี้ เขาจัดการเรียกเข้าไปเก็บไว้ในแหวนจักรวาลทันที
หลังจากเดินไปได้อีกสักระยะหนึ่งหลิงหยุนก็ตัดสินใจขยายรัศมีของจิตหยั่งรู้ออกสำรวจ..
“เอ๊ะ..ผืนดินใต้หุบเขาเช่นนี้ ยังมีช่องว่างปรากฏให้เห็นอีกรึ”
หลิงหยุนไม่รอช้าเขารีบดำทะลุผ่านผืนดินที่ขวางกั้นเข้าไปในทันที และเมื่อไปถึงจึงพบว่า พื้นที่โล่งว่างในบริเวณนั้นไม่ได้เล็กสักเท่าไหร่นัก หลิงหยุนสามารถยืนยืดเส้นยืดสายได้อย่างสบาย และบริเวณนั้นก็มีสายน้ำเล็กๆอยู่สายหนึ่งด้วย
“ดูท่าแม่น้ำเล็กๆสายนี้จะเป็นแม่น้ำเส้นเดียวกับที่ข้าเดินสวนมาก่อนหน้าสินะ”
หลิงหยุนได้แต่พึมพำคาดเดาออกมาและที่เขาคาดเดาเช่นนั้นก็เพราะว่า หุบเขาที่เขากำลังสำรวจอยู่นี้ อยู่เหนือผืนดินด้านล่างราวสองร้อยเมตร และเวลานี้ หลิงหยุนก็ดำดิ่งลงมาใต้ดินได้ราวสองร้อยเมตรเช่นเดียวกัน ฉะนั้น บริเวณที่มีแม่น้ำเล็กๆไหลผ่านนี้ ก็น่าจะเป็นบริเวณพื่นดินด้านล่างพอดี
ด้วยเหตุนี้การมีแม่น้ำไหลผ่านจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าผิดปกติอะไร และหากหลิงหยุนลงไปใต้น้ำ ก็เท่ากับได้ลงไปในบริเวณที่ต่ำกว่าพื้นดินด้านล่างแล้ว เขาจึงตัดสินใจกระโดด และดำดิ่งลงไปใต้น้ำ
“ดูเหมือนจะมาถูกที่แล้ว!”
พลังชีวิตที่อยู่ใต้แม่น้ำเล็กๆสายหนึ่งกลับมีความหนาแน่นอย่างยิ่ง จนหลิงหยุนแทบอยากจะปลดปล่อยกระแสวนหยิน–หยางออกมา และทำการดูดซับเอาพลังชีวิตเหล่านั้นเข้าไปในร่างให้หมด
แต่น่าเสียดายที่เขาไม่อาจทำเช่นนั้นได้เพราะหากเขาทำเช่นนั้นจริงๆ จะเป็นการเคลื่อนไหวที่รุนแรงและชัดเจนเกินไป ซึ่งอาจไปกระทบกระเทือนต่อรากปราณ ผลที่ได้อาจไม่คุ้มเสีย ด้วยเหตุนี้ หลิงหยุนจึงทำได้เพียงแค่ใช้ร่างกายของตนเอง ดูดซับเอาพลังชีวิตเหล่านั้นเข้าไปแทนเท่านั้น
“นี่ข้าคาดเดาผิดไปงั้นรึ!”
หลังจากดำดิ่งลงไปครู่หนึ่งในที่สุดหลิงหยุนก็เริ่มสัมผัสถึงความผิดปกติบางอย่างได้เขาเริ่มรู้สึกว่า ท่ามกลางพลังชีวิตที่หนาแน่นนี้ กลับผสมผสานไปด้วยพลังงานที่ดุร้ายบางอย่าง..
“รุนแรงไม่น้อยเลยสินะ!”
หลิงหยุนขมวดคิ้วเข้าหากันภายในใจเกิดความกังวลขึ้นมาเล็กน้อย ท่ามกลางพลังชีวิตที่หนาแน่น แต่คล้ายกลับมีพลังที่ไม่บริสุทธิ์แฝงอยู่ด้วย ลักษณะเช่นนี้มีคำอธิบายได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
รากปราณนี้มีปราณปีศาจปะปนอยู่!
“ปราณปีศาจนี้ช่างรุนแรงและดุร้ายไม่ต่างจากกระบี่โลหิตเทวะของข้าเลยทีเดียว! ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่อยู่ในขั้นก่อสร้างรากฐาน หากดูดซับเข้าไปย่อมมีอันตรายอย่างแน่นอน..”
แต่สำหรับหลิงหยุนแล้วเขามิได้รู้สึกหวาดกลัวต่อปราณปีศาจรุนแรงนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะเขาฝึกวิชาพลังลับหยิน–หยาง ที่สามารถเปลี่ยนพลังปราณชนิดต่างๆ ให้เป็นพลังหยินและหยางได้ และด้วยเหตุนี้ แม้จะดูดซับเอาปราณปีศาจนี้เข้าไป จึงไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อร่างกายของหลิงหยุน
นอกเหนือจากนั้นแล้วหลิงหยุนยังมีเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางอยู่ในร่าง ฉะนั้น พลังที่ถูกดูดซับเข้าไป จึงถูกเปลวไฟที่ทรงพลังนี้ หลอมกลั่นให้เป็นพลังบริสุทธิ์อีกที
และด้วยร่างกายที่ล้ำเลิศของหลิงหยุนประกอบกับวิชาพลังลับหยิน–หยาง และเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยาง ต่อให้เป็นปราณปีศาจที่รุนแรงกว่านี้ ก็ยากที่จะทำให้ธาตุไฟในร่างของหลิงหยุนแตกซ่านได้
แต่หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นที่ได้รับปราณปีศาจรุนแรงนี้เข้าไปแม้ว่าจะสามารถเอาชีวิตรอดออกไปได้ แต่ไม่ช้าก็เร็ว คงต้องลมปราณแตกซ่าน หากไม่ตายก็ต้องกลายเป็นมารไปในที่สุด!
“อันตรายมากจริงๆ!”
หลิงหยุนพึมพำออกมาแม้ปราณปีศาจจะทำอะไรเขาไม่ได้ในเวลานี้ แต่หลิงหยุนก็ไม่ประมาท เขาสำรวจสำรวจกลับไปกลับมาอย่างระมัดระวังตัว แต่ยิ่งเวลาผ่านไป พลังชีวิตที่สัมผัสได้ก็ยิ่งอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ
แต่เมื่อไม่มีอันตรายอะไรเกิดขึ้นก็ทำให้หลิงหยุนรู้สึกโล่งอกขึ้นมาได้บ้าง..
“หรือจะต้องดำลงไปในดินใต้แม่น้ำดูเหมือนพลังชีวิตจะพวยพุ่งมาจากใต้น้ำ..”
หลิงหยุนพึมพำกับตัวเองหลังจากนั้นจึงตัดสินใจดำดิ่งลงไป และใช้วิชาใต้พิภพแทรกตัวลงไปในดินใต้แม่น้ำทันที ร่างของหลิงหยุนค่อยๆจมดิ่งลงไปใต้ผืนดิน ก่อนจะแทรกทะลุลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว
แม้ว่ารากปราณที่เขากำลังค้นหานี้จะมีปราณปีศาจรุนแรงปะปนอยู่ แต่นั่นก็อาจทำให้เขาสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นจิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-9) ได้โดยเร็ว และเหตุผลเพียงเท่านี้ ก็เพียงพอที่จะให้หลิงหยุนออกค้นหาได้แล้ว
ใต้ผืนดินของก้นแม่น้ำสายนี้มีเพียงดินและหินก้อนเล็กๆเท่านั้น ทำให้หลิงหยุนสามารถดำดิ่งลงไปได้อย่างง่ายดาย สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นที่หลิงหยุนค้นพบก็คือดินในบริเวณนี้ล้วนแล้วแต่เป็นดินพลังชีวิตทั้งสิ้น และที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ผืนดินในบริเวณนี้ได้ดูดซับเอาพลังชีวิตเข้าไปเป็นระยะเวลายาวนานนั่นเอง
หลิงหยุนได้แต่จ้องมองดินพลังชีวิตล้ำค่าเหล่านั้นหากเขาสามารถนำดินพลังชีวิตเหล่านี้กลับไปได้หมด คงจะสามารถช่วยร่นระยะเวลา ในการสร้างทุ่งพลังชีวิตในเผ่าเหมี่ยวเจียงได้มากทีเดียว..
แต่ยิ่งหลิงหยุนเข้าใกล้จุดที่คิดว่ามีรากปราณซ่อนอยู่มากเท่าไหร่ปราณปีศาจก็กลับรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น!
ด้วยประสบการณ์ของหลิงหยุนทำให้เขาพอที่จะคาดเดาได้ว่า พลังชีวิตที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากรากปราณนั้น กำลังถูกปราณปีศาจเข้าครอบงำ ทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ และอยากรู้ว่า สิ่งใดกันที่สามารถปลดปล่อยปราณปีศาจออกมาปะปนกับปราณบริสุทธิ์นี้ได้ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นหลิงหยุนจึงหยุดดูดซับพลังทั้งหมดเข้าร่าง และเร่งรีบดำดิ่งลงไปในบริเวณที่มีพลังชีวิตหนาแน่นที่สุด และคาดว่าจะเป็นจุดกำเนิดของพลังปราณทั้งสองชนิด
“ห๊ะ!”
หลังจากดำดิ่งลึกลงไปได้ราวสามร้อยเมตรหลิงหยุนถึงกับต้องหยุดชะงัก และแววตาเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที
ภายใต้รัศมีจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนเขาพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างผุดขึ้นมาขวางเส้นทางของเขาไว้ ไม่ให้เขาสามารถดำดิ่งลงไปได้อีก ซึ่งสิ่งนั้นมีลักษณะคล้ายกับเงา ที่เกิดจากการรวมตัวของพลังงานบางอย่าง ยังไม่รู้ว่าจับต้องได้หรือไม่ได้
เงานั้นมีศรีษะมีร่างกาย มีดวงตาที่ใหญ่โต และมีปากที่กว้าง ดวงตาของมันมีสีแดงดุร้าย คล้ายกลับกำลังจ้องอยากจะกินเลือดกินเนื้อผู้คนที่พบเห็น!
สิ่งนี้จะว่าใช่ปีศาจก็ใช่จะว่าเป็นวิญญาณก็ไม่ผิดนัก จะกล่าวว่าเป็นภูติผีก็ได้เช่นกัน สรุปแล้วมันคือดวงจิตปีศาจ ที่ไม่อาจพบได้บนผืนดินเบื้องบน..
หลิงหยุนหยุดนิ่งในทันทีเพราะจนกระทั่งเวลานี้ เขายังหารากปราณไม่พบ เขาจึงไม่ต้องการสร้างแรงสั่นสะเทือน หรือรบกวนมันหากไม่จำเป็นจริงๆ
หลิงหยุนได้แต่ยืนแน่นิ่งและกำลังพิจารณาดูว่า ดวงจิตปีศาจนี้ พบเห็นตนเองแล้วหรือยัง
แต่แล้ว..เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ ดวงตาสีแดงเบิกโพลงนับสิบนั้น ก็จ้องมองมาทางหลิงหยุนอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้น ริมฝีปากสีแดงดั่งโลหิตนับสิบก็อ้ากว้าง พร้อมกับเคลื่อนเข้ามาหาหลิงหยุนพร้อมกันอย่างช้าๆ
“พบเห็นข้าเข้าแล้วสินะ”
หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “นับเป็นโชคร้ายของเจ้าที่พบข้าในวันนี้ หากจะโทษ ก็โทษโชคชะตาของพวกเจ้าเถิดนะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร