Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1605

บทที่ 1605 : หลิงหยุนตกอยู่ในอันตราย
  แม้หลิงหยุนจะกล่าวออกมาเหมือนเป็นเรื่องง่ายดายแต่ความจริงแล้ว การเผชิญหน้ากับดวงจิตปีศาจนั้น เป็นเรื่องที่อันตรายไม่ต่างจากการเผชิญหน้ากับยอดฝีมือเลยทีเดียว
  นั่นเพราะการที่ดวงจิตปีศาจสามารถสร้างรูปร่างคล้ายมนุษย์ขึ้นมาได้อีกทั้งยังสามารถสัมผัสได้ถึงการมาของหลิงหยุนนั้น เป็นเครื่องบ่งบอกว่า ดวงจิตปีศาจเหล่านี้ทั้งแข็งแกร่งและมีปัญญา
  และปัญหาที่น่ากลัวก็คือดวงจิตปีศาจเหล่านี้ฆ่าไม่ตาย นั่นเพราะร่างกายของพวกมัน ล้วนเกิดจากการรวมตัวของพลังวิญญาณ แม้จะถูกฟันจนร่างแหลกสลาย ก็จะกลายเป็นพลังงานกระจัดกระจายอยู่ในห้วงอากาศ ไม่นานนัก ก็สามารถหลอมรวมเป็นร่างได้ดังเดิมใหม่
  ในเมื่อฆ่าไม่ตายดวงจิตปีศาจเหล่านี้จึงไม่รู้จักคำว่าตาย และไม่เข้าใจความหมายของความตาย พวกมันจึงไม่กลัวตาย และรู้จักเพียงแค่การสลายตัว และหลอมรวมเข้ากันใหม่อีกครั้งเท่านั้น
  การกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่จะสามารถเสริมสร้างกำลังของตัวเอง ให้แข็งแกร่งอย่างไม่มีขอบเขตจำกัดเท่านั้น จึงเป็นสัญชาติญาณเดียวของดวงจิตปีศาจเหล่านี้
  ดวงจิตปีศาจเหล่านี้ทำงานคล้ายๆกับดวงจิตของพญางูโอโรชิ ที่เคยถูกหลิงหยุนสังหารตาย จะแตกต่างกันก็เพียงแค่รูปลักษณ์เท่านั้น
  หลังจากที่พินิจดูดวงจิตปีศาจที่กำลังล่องลอยเข้ามาใกล้อย่างละเอียดหลิงหยุนก็สังเกตเห็นความดุร้ายโหดเหี้ยมในดวงตาที่แดงก่ำประหนึ่งอ่างโลหิตของพวกมัน ทำให้เขามั่นใจได้ในทันทีว่า ดวงจิตปีศาจเหล่านี้ น่าจะต้องโหดเหี้ยมไม่น้อยไปกว่าพญางูโอโรชิแปดหัวแน่!
  แต่ถึงอย่างนั้นหลิงหยุนก็ได้แต่แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม แววตาทั้งคู่เป็นประกายเจิดจ้าพร้อมกับร้องตะโกนท้าทายออกไป
  “เข้ามาเลย!เดี๋ยวก็รู้ว่าระหว่างพวกเจ้ากับข้า ผู้ใดจะถูกกลืนกินกันแน่”
  หลิงหยุนไม่รอช้าพุ่งทะยานเข้าใส่เหล่าดวงจิตปีศาจที่ดุร้ายเหล่านั้นในทันที!
  บูม!
  ระหว่างนั้นหลิงหยุนก็ได้ปลดปล่อยเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางออมาปกป้องร่างกายไว้ และยังมีหงส์ไฟไว้สำหรับจู่โจมอีกด้วย!
  หงส์ไฟนี้เกิดจากการที่หลิงหยุนฝึกวิชาหงส์เล่นไฟท่ามกลางภูเขาเพลิงที่ร้อนระอุ และได้หลอมกลั่นเอาเปลวไฟร้อนแรงเหล่านั้น มาสร้างเป็นหงส์ไฟขึ้นมา และควบคุมมันด้วยพลังจิตของตนเอง ทำให้มันดูประหนึ่งสัตว์เลี้ยงของหลิงหยุนไป
  หลังจากที่หลิงหยุนเรียกหงส์ไฟออกมาแล้วมันก็บินทะยานเข้าจู่โจมเหล่าดวงจิตปีศาจทันที พร้อมกับพ่นเปลวเพลิงร้อนแรงเข้าใส่ จนเหล่าดวงจิตปีศาจล้วนถูกเปลวเพลิงร้อนแรงนี้แผดเผา
  และแน่นอนว่าหงส์ไฟได้กลายเป็นศัตรูที่น่ากลัวของเหล่าดวงจิตปีศาจ เพราะทันทีที่มันพ่นเปลวเพลิงออกแผดเผา ดวงจิตเหล่านั้นก็จะถูกเผาไหม้ และสลายตัวเป็นเพียงแค่อากาศธาตุในทันที
  หลิงหยุนพุ่งทะยานขึ้นไปกลางอากาศรอบตัวยังคงปลดปล่อยเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางออกมา ทำการหลอมกลั่นปราณปีศาจที่สลายอยู่ในห้วงอากาศทันที
  ดวงจิตปีศาจนับสิบถูกเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางหลอมกลั่นจนกลายเป็นพลังปราณที่บริสุทธิ์ จากนั้น หลิงหยุนจึงได้ทำการดูดซับพลังปราณจำนวนมากเหล่านั้น เข้าไปในร่างกายอย่างรวดเร็ว และตะกละตะกลาม
  หลิงหยุนดีอกดีใจอย่างมากแม้เขาจะยังไม่รู้ว่า ตนเองจะสามารถค้นหารากปราณพบหรือไม่ แต่อย่างน้อย วันนี้เขาก็ได้รับสิ่งล้ำค่ากลับไปอย่างมากมาย
  “เอ๊ะ..”   แต่ในระหว่างที่กำลังดูดซับเอาปราณปีศาจที่ถูกหลอมกลั่นด้วยเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางจนบริสุทธิ์เข้าไปในร่างแล้วภายในรัศมีจิตหยั่งรู้ของเขา ก็ได้สำรวจพบกระแสพลังสีแดงดวงหนึ่งในห้วงอากาศ มันกำลังหลบหลีกเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยานที่กำลังลุกโชน
  “ดวงจิตปีศาจดวงนี้ดูเฉลียวฉลาดยิ่งนัก!”
  หลังจากที่เฝ้าสังเกตและเพ่งพินิจอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดหลิงหยุนก็เริ่มรู้ว่า พลังงานสีแดงที่เขาเห็นอยู่นั้น แท้ที่จริงก็คือพลังชีวิตที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากรากปราณ และได้ถูกดวงจิตปีศาจครอบงำอยู่
  และดูเหมือนว่าเปลวเพลิงจากหงส์ไฟ จะสามารถแยกพลังชีวิตและปราณปีศาจออกจากกันได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถเผาผลาญดวงจิตปีศาจที่ดุร้ายนั้นได้
  “ดูท่าเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดไว้มากทีเดียว!”   หลิงหยุนเฝ้าสังเกตพลังงานสีแดงแปลกประหลาดนั้นอยู่ครู่หนึ่งและนอกจากรัศมีโหดเหี้ยมที่สัมผัสได้ เขาก็ไม่พบเห็นสิ่งใดอีก
  การที่ดวงวิญญาณเหล่านี้สามารถหลอมรวมเป็นรูปดุร้ายเช่นนั้นได้ ก็เพราะพลังงานชั่วร้ายนี้ พลังงานชั่วร้ายนี้ได้แผ่กระจายเข้าปกคลุมดวงวิญญาณนับสิบ จึงเป็นไปไม่ได้ที่มันจะไม่สามารถรับรู้ได้ว่า หลิงหยุนนั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด
  แต่พลังงานชั่วร้ายนี้จะเข้าใจคำพูดของหลิงหยุนหรือไม่นั้นเขาเองก็ไม่อาจรู้ได้!
  พลังงานสีแดงดุร้ายนี้แม้จะอยู่ภายใต้เปลวเพลิงร้อนแรงของหงห์ไฟ มันก็ยังปลดปล่อยรัศมีโหดเหี้ยมออกมาไม่หยุด ในขณะเดียวกันก็คอยหลบหลีกให้พ้นจากรัศมีของเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยาง ที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของหลิงหยุนไปด้วย และตัวมันเองก็เป็นเพียงแค่พลังงานสีแดง มิได้หลอมรวมเป็นรูปร่างใดๆ
  หลังจากที่เผชิญหน้ากับหลิงหยุนอยู่ครู่หนึ่งพลังงานชั่วร้ายนี้ดูเหมือนจะตระหนักแล้วว่า หลิงหยุนได้ดูดซับเอาดวงวิญญาณที่มีอยู่เข้าไปจนเกือบหมดแล้ว มันจึงได้พยายามหลบเลี่ยง และหนีเข้าไปในผืนดินที่ลึกมากขึ้นเรื่อยๆ
  หลิงหยุนไม่ลังเลที่จะไล่ล่าตามไปในทันทีและเขาก็สังหรณ์ใจเป็นอย่างยิ่งว่า หากเขาไล่ตามพลังงานสีแดงดุร้ายนี้ไป เขาจะต้องได้พบกับรากวิญญาณอย่างแน่นอน
  ระหว่างทางที่ไล่ล่าตามพลังงานสีแดงดุร้ายเข้าไปนั้นหลิงหยุนก็ได้พบกับกลุ่มดวงจิตปีศาจอีกถึงห้าระลอก ซึ่งแต่ละครั้งนั้น รูปร่างของดวงจิตปีศาจก็จะขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ระลอกแรก พวกมันยังมีขนาดเท่าทารกเท่านั้น แต่ในระลอกที่ห้า ดวงจิตปีศาจเหล่านั้น กลับมีรูปร่างใหญ่โตขึ้นเท่ากับเด็กอายุสิบสองถึงสิบสามปีเลยทีเดียว
  “ดูเหมือนจะยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยสินะ!”
  แต่ถึงอย่างนั้นหลิงหยุนก็อดที่จะยิ้มออกมาอย่างมีความสุขไม่ได้ เพราะหลังจากที่ได้ดูดซับเอาพลังจากดวงวิญญาณเหล่านี้เข้าไปในร่าง ก็ทำให้หลิงหยุนสามารถเข้าสู่ขั้นจิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-9) ได้ในทันที แต่นับเป็นความโชคร้ายของพวกมัน!
  แต่หลังจากที่หลอมกลั่นดวงจิตปีศาจระลอกที่สี่แล้วหลิงหยุนก็พบว่า ตนเองไม่สามารถดูดซับเอาพลังชีวิตเข้าไปในร่างได้อีกแล้ว ด้วยความเสียดาย เขาจึงได้เรียกหลิวเทวะวิญญาณออกมา
  หลิวเทวะวิญญาณเสมือนศัตรูที่น่ากลัวของเหล่าภูติผีวิญญาณทันทีที่หลิงหยุนเรียกออกมา มันก็แผ่กิ่งก้านสาขาใหญ่โตออกมามากมาย และไม่ว่าจะเป็นดวงจิตที่ดุร้ายมากเพียงใด มันก็ดูดเข้าไปจนหมด
  ในที่สุดพลังงานสีแดงดุร้าย ที่ทำให้ดวงวิญญาณในที่นี้กลายเป็นดวงจิตปีศาจดุร้าย ก็เริ่มวิตกกังวลและโกรธแค้น ดวงตาแดงก่ำดุดันคู่นั้นจ้องมองหลิงหยุนไม่กระพริบ ในขณะที่ยังคงหนีเคลื่อนหนีต่อไปเรื่อยๆ  หลังจากที่ไล่ล่าพลังงานชั่วร้ายมาถึงบริเวณนี้หลิงหยุนก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่หนาแน่นขึ้น และรัศมีอันตรายก็ดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ด้วยความหนาแน่นของพลังชีวิตที่หลิงหยุนสัมผัสได้นั้น ทำให้เขามั่นใจว่ารากปราณที่เขากำลังตามหาอยู่ จะอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนี้เป็นแน่
  หลิงหยุนยังคงไล่ตามพลังงานสีแดงไปเรื่อยๆแต่ก็เริ่มรู้สึกว่า เขาสามารถดำลงไปใต้ดินได้ลำบากมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน และเวลานี้ ไม่เพียงเขาไม่สามารถดำลงไปใต้ดินต่อได้อีก แต่ดูเหมือนผืนดินรอบตัว กลับบีบเข้ามาหาร่างของเขามากขึ้นเรื่อยๆด้วย ผืนดินบริเวณนั้นคล้ายกำลังค่อยๆหดตัวลงพร้อมกัน
  ครืน..
  เสียงครืนคล้ายแผ่นดินไหวดังขึ้นรอบตัวแรงสั่นสะเทือนรุนแรงเกิดขึ้น ผืนดินรอบตัวหลิงหยุนกลายเป็นกำแพงดินที่บีบแน่นเข้ามาเรื่อยๆ และกำลังจะบีบร่างของเขาให้แหลกละเอียด
  “แย่แล้ว!
  หลิงหยุนถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจดูเหมือนเขาจะถูกวิญญาณชั่วร้ายหลอกมาสังหารที่นี่ ดูเหมือนมันต้องการจะฝังร่างของเขาไว้ใต้ผืนดินแห่งนี้!
  แกร๊ก..
  จู่ๆกำแพงดินรอบกายหลิงหยุน ก็แตกละเอียดกลายเป็นดินเม็ดเล็กๆ ฝ่ามือสีแดงมากมายทะลุออกมาจากกองดินเหล่านั้น และกำลังพุ่งเข้าจับใบหน้าของเขา
  ชัวะ!
  หลิงหยุนรู้แล้วว่าวิชาใต้พิภพไม่อาจใช้ได้อีกแล้ว เขาจึงเรียกกระบี่โลหิตเทวะออกมา และจัดการฟาดฟันกระบี่ในมือ เข้าใส่วิญญาณชั่วร้ายอย่างรวดเร็ว
  ไม่ว่าคมกระบี่จะเคลื่อนผ่านไปทางใดฝ่ามือเหล่านั้นก็ถูกหลิงหยุนฟันจนขาดวิ่น แต่ก็ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ เพราะฝ่ามือสีแดงเหล่านั้นล้วนเป็นดิน หลังจากถูกฟันขาดกระจุย แต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นเศษดิน ที่สามารถหลอมรวมตัวเป็นฝ่ามือใหม่ และพุ่งเข้าจับร่างของหลิงหยุนอีกครั้งได้
  เวลานี้อันตรายดูเหมือนจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ!
  พรึบ!
  แต่ในช่วงวินาทีวิกฤตินั้นเองจู่ๆ แสงสีทองก็พุ่งออกมาจากจุดตันเถียนของหลิงหยุน สมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพพุ่งทะยานออกมา และปล่อยแสงสีทองสุกสว่างออกปกคลุมร่างของหลิงหยุนไว้
  คล้ายกับจะเตือนว่าห้ามบุกรุกพื้นที่นี้!
  ฟิ้ว..
  จากนั้นพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ก็พุ่งตามออกมาจากกึ่งกลางหว่างคิ้วของหลิงหยุน และกลายเป็นร่างของมนุษย์ผู้ใหญ่ หันออกไปด้านหน้าพร้อมกับโค้งคำนับ
  “ในที่สุดศัตรูของเราก็ปรากฏตัวแล้วข้าขอมอบเด็กหนุ่มผู้นี้ให้ท่านดูแล ข้าจะไปคิดบัญชีกับเขาก่อน!”
  พู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ไม่แม้แต่จะหันมามองหลิงหยุนแต่กลับพุ่งตรงออกไปจากบริเวณนั้นทันที และจุดหมายปลายทางของเขาก็คือ ยอดเขาแห่งหนึ่งในหมู่บ้านของชาวเผ่าเหมี่ยวเจียงนั่นเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร