บทที่ 1606 หยดโลหิตก้งกง
“ขอบคุณอาวุโสที่ช่วยเหลือ..”
แม้ว่าจะกำลังตกอยู่ในอันตรายแต่หลิงหยุนกลับยังคงสงบนิ่งได้เช่นเคย และด้วยบุคลคิกส่วนตัวของเขา ต่อให้เขาเทียนซานถล่มลงต่อหน้า หลิงหยุนก็จะยังคงสงบนิ่งเช่นนี้
แต่การที่พู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์และสมุดจักรพรรดิแห่งพิภพ ปรากฏขึ้นพร้อมกันเช่นนี้ ย่อมหมายความว่า สิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่นั้นต้องไม่ธรรมดา เขาจึงอดที่จะต้องเอ่ยขอบคุณออกมาไม่ได้!
ดังเช่นเมื่อครั้งที่อาวุโสทั้งสองได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน เพื่อช่วยเขาฉกฉวยของกำนัลจากสวรรค์ของหนิงหลิงยู่นั้น หาไม่แล้ว ลำพังเพียงหลิงหยุนคนเดียว คงยากที่จะต่อกรได้
“เจ้าอย่าได้เกรงใจไปเลย!”
สมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพที่ล่องลอยอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนเอ่ยตอบและยังคงปลดปล่อยแสงสีทองสุกสว่างรูปไข่ ห่อหุ้มร่างของหลิงหยุนเอาไว้ มิให้ผืนดินโดยรอบบีบรัดเข้ามาได้อีก
แต่ในขณะเดียวกันฝ่ามือสีแดงแปลกประหลาดนี้ก็ยังคงไม่เลิกรา พวกมันหลอมรวมกันเป็นฝ่ามือสีแดงเข้มขนาดใหญ่ กระแทกเข้าใส่ลำแสงสีทองที่ห่อหุ้มร่างของหลิงหยุนไว้ ในขณะที่แสงสว่างสีแดงเจิดจ้า ก็พุ่งตรงเข้าใส่สมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพ ที่ล่องลอยอยู่กลางอากาศเช่นกัน
“เจ้ายังไม่ตายง่ายๆแน่!”
หลิงหยุนได้ยินเสียงพูดของสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพดังขึ้นจากนั้น แสงสีทองรูปไข่ที่ครอบคลุมร่างของเขาไว้นั้น ก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ราวกับลูกโป่งที่มีใครบางคนเป่าลมเข้าไป..
ฝ่ามือสีแดงและกำแพงดินรอบๆ ถูกแสงสว่างสีทองบดขยี้ จนต้องค่อยๆขยายออก..
ครืน.. สิ้นเสียงดังครืนและผืนดินที่สั่นสะเทือน หลิงหยุนก็พบว่า พื้นที่ภายในแสงสว่างสีทองรอบตัวเขานั้น ได้ขยายกว้างออกไปมากกว่าสิบเมตร แม้แต่วิชาใต้พิภพของเขา ยังไม่สามารถสร้างพื้นที่ว่างกว้างใหญ่ เท่ากับที่สมุดจักรพรรดิเปิดให้ในเวลานี้เลย
“ฮ่าๆๆ”
หลิงหยุนรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวขึ้นกว่าเดิมมากที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ให้ขยับเนื้อขยับตัวเพิ่มมากขึ้น เขายกมือขึ้นประสานไว้ด้านหน้า พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
“อาวุโสได้โปรดแสดงตัวด้วย!”
หลิงหยุนได้เคยเห็นภาพของพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์แล้วแต่จนกระทั่งถึงตอนนี้ เขากลับยังไม่เคยเห็นร่างที่แท้จริงของสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพเลย เขาได้แต่นึกสงสัยว่า สมุดจักรพรรดิจะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับภาพองค์จักรพรรดิที่เขาเคยวาดภาพไว้หรือไม่
สมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพลังเลอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดจึงเอ่ยตอบหลิงหยุนไปว่า “ข้าเองก็เป็นเพียงแค่ดวงจิตในของวิเศษชิ้นหนึ่งเท่านั้น ไม่จำเป็นที่เจ้าจะต้องเห็น ไม่จำเป็น..”
“แต่อาวุโส..ช้าเร็วพวกเราก็ต้องพบเห็นกันอยู่ดีมิใช่รึ”
หลิงหยุนยังคงยืนกรานหนักแน่น“เหตุใดอาวุโสจึงมิยอมปรากฏกายให้ข้าเห็นเล่า ท่านจะให้ข้ายืนสนทนากับสมุดอยู่เช่นนี้รึ? อีกอย่าง การปรากฏกายของท่าน จะทำให้การสนทนาของเราสองคนเกิดอรรถรสมากขึ้น ท่านกับข้าจะได้สามารถสื่อสาร และรับรู้ความรู้สึกของกันและกันได้มากกว่าเดิม เหตุใดท่านจึงต้องอายที่จะปรากฏกายด้วยเล่า?”
“ตกลง!”
จากนั้นจู่ๆ แสงสว่างสีทองรอบตัวของหลิงหยุน ก็เปล่งประกายเจิดจ้ามากขึ้น แล้วสมุดจักรพรรดิที่ล่องลอยอยู่กลางอากาศ ก็ได้อันตรธานหายไปในทันที กลับปรากฏร่างของคนผู้หนึ่งขึ้นตรงหน้าหลิงหยุนแทน
เป็นร่างสูงใหญ่ของชายชราที่มีเพียงแค่ครึ่งตัวผิวพรรณไม่สู้จะขาวนัก ใบหน้าบ่งบอกว่าไร้เล่ห์เหลี่ยม แววตาทั้งคู่อ่อนโยนแม้สีหน้าจะดูเคร่งขรึมจริงจัง สวมเสื้อคลุมสีขาวสะอาดสะอ้าน ในมือข้างขวาถือตำราประหลาดเล่มหนึ่ง ดูลักษณะคล้ายกับบัณฑิตในสมัยโบราณ
ภาพของสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพที่ปรากฏตรงหน้าหลิงหยุนเวลานี้ดูคล้ายกับภาพที่เขาเคยจินตนาการไว้ไม่มีผิด เขาจึงรีบยกมือทั้งสองขึ้นผสานกันไว้ด้านหน้า และโน้มกายลงคาราวะชายชราทันที
“หลิงหยุนน้อมคาราวะอาวุโส!”
สมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพถึงกับตกตะลึงและรีบถอยหนี ไม่รับการคาราวะจากหลิงหยุน พร้อมกับเอ่ยตอบไปว่า
“เจ้าจะเรียกพวกเราว่าอาวุโสก็ได้เพียงแต่.. วันหน้าวันหลังอย่าได้คาราวะข้าเช่นนี้อีก เพราะความจริงเวลานี้ ก็นับว่าเจ้าคือเจ้านายของพวกเราทั้งสองแล้ว!”
“…” หลิงหยุนถึงกับนิ่งอึ้งกล่าวอะไรไม่ออกแต่ในที่สุด เขาก็ยกมือขึ้นเกาศรีษะ พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางกระอักกระอ่วนใจ
“จะให้ข้าเสียมารยาทเช่นนั้นได้อย่างไรกัน!”
“ไม่ใช่เรื่องเสียมารยาทเลยแม้แต่น้อย!อีกอย่าง สมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพก็เป็นเพียงแค่สมุดเท่านั้น ส่วนพู่กันจักรรพดิแห่งมวลมนุษย์ก็เป็นเพียงแค่พู่กันเช่นกัน หากมิใช่เพราะเจ้าขอร้อง ข้าเองก็ไม่กล้าที่จะปรากฏกายในรูปร่างมนุษย์เช่นนี้ให้เจ้าเห็น..”
หลิงหยุนได้แต่ตกตะลึงเมื่อได้ยินคำกล่าวของชายชราเขานึกใคร่ครวญย้อนกลับไปจึงพบว่า หลายครั้งหลายคราที่สมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพ ดูเหมือนจะคอยหลีกเลี่ยงไม่ยอมแม้แต่จะสื่อสารกับตน..
“ข้ารับปากอาวุโส..”
ในเมื่อเป็นความต้องการของสมุดจักรพรรดิหลิงหยุนเองก็ไม่ต้องการที่จะคะยั้นคะยอ จึงได้เอ่ยถามขึ้นว่า “อาวุโส..นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ข้าสัมผัสได้ว่าพลังงานชนิดนี้ไม่เพียงดุร้าย แต่ยังแข็งแกร่งยิ่งนัก มันคือศัตรูของพวกท่านงั้นรึ?”
หลิงหยุนเข้าใจอุปนิสัยของพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ได้ดีชายชราผู้นี้มีนิสัยขี้เล่น และชอบปกปิดทุกอย่างเป็นความลับ อีกทั้งไม่ค่อยยอมเสียเวลาบอกเล่าเรื่องต่างๆให้เขาฟัง
แต่เขาสัมผัสได้ว่าอุปนิสัยของสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพนั้นแตกต่างกัน แม้ว่าชายชราจะไม่เคยปรากฏกายให้หลิงหยุนเห็นมาก่อน แต่ดูเหมือนจะเป็นคนใจกว้างและใจเย็น หลิงหยุนจึงรีบฉวยโอกาสนี้ถามถึงเรื่องราวในอดีตที่เคยเกิดขึ้น
สมุดจักรพรรดิได้แต่พยักหน้าและเอ่ยชมหลิงหยุน “เจ้าคาดเดาได้ไม่เลวเลย..”
จากนั้นจึงยกมือขึ้นชี้ไปยังฝ่ามือสีแดงขนาดใหญ่ ที่กำลังทุบปราการสีทองสุกสว่างอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “พลังงานดุร้ายสีแดงที่เจ้าเห็นอยู่นั้นก็คือหยดโลหิตของเทพก้งกง มันอาศัยพลังจากรากปราณแห่งขุนเขาปู้โจวนี้หล่อเลี้ยงมานับพันๆปีจนแข็งแกร่ง”
“ห๊ะ!”
หลิงหยุนได้แต่ร้องอุทานออกมาก่อนจะนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่หลังจากที่ได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง จึงรีบเอ่ยถามต่อทันที
“หากเป็นเช่นนั้นจริง..เรื่องที่เล่าขานกันว่า ก้งกงได้สู้รบแพ้แล้วพาลโกรธ เอาหัวโหม่งภูเขาปู้โจวซึ่งเป็นหนึ่งในเสาค้ำฟ้าทั้งแปดเสา ทำให้ภูเขาปู้โจวทลาย ท้องฟ้าจึงเอียงไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ส่วนโลกก็เอียงไปทางตะวันออกเฉียงใต้ นำมาซึ่งน้ำท่วมใหญ่และพิบัติภัยนานา ก็ล้วนเป็นความจริง.. มิใช่เพียงแค่ตำนานปรัมปราสินะ
หลิงหยุนหาใช่คนโง่เขลาหลังจากได้ฟังคำบอกเล่าของสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพ ก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่า พลังงานสีแดงดุร้ายนี้ แท้จริงก็คือดวงจิตปีศาจที่ถูกหล่อเลี้ยงด้วยโลหิตของก้งกง จึงเสมือนมีดวงจิตของก้งกงอยู่ภายใน!
ไม่แปลกนักที่ก่อนพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์จะหายตัวไปเขาได้เรียกพลังงานสีแดงดุร้ายนี้ว่าศัตรู!
“ตำนานเกี่ยวกับก้งกงล้วนเป็นเรื่องจริงเพียงแต่.. ศัตรูของเรามิใช่ก้งกง! แต่เป็นเจ้าของกระบี่ที่เจ้าถืออยู่ในมือเวลานี้ต่างหากเล่า เขาคือเทพสงครามซือโหยว!”
สมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพเอ่ยตอบเพียงเท่านั้นก็นิ่งเงียบไปเห็นชัดว่าเขามิต้องการบอกเล่าอะไรมากไปกว่านี้ แต่กลับหันไปบอกกับหลิงหยุนที่อยู่ตรงหน้าแทนว่า
“คืนนี้นับว่าพลังบ่มเพาะของเจ้าก้าวหน้าได้รวดเร็วยิ่งนักพวกเราเองก็มิได้คิดที่จะยับยั้งแต่อย่างใด อีกไม่นานเจ้าก็จะสามารถเข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานได้แล้ว รากปราณแห่งเขาปู้โจวจะมีประโยชน์ต่อเจ้าอย่างมากมายมหาศาล ไปค้นหา และนำมันมาให้จงได้” “ในเมื่อพลังงานสีแดงนี้มีจิตวิญญาณของก้งกงอยู่มันย่อมสัมผัส และรับรู้ได้ถึงการปรากฏตัวของข้าและพู่กันจักรพรรดิ มันคงจะมิกล้าสร้างปัญหาให้กับเจ้ามากนัก จงให้หงส์ไฟบินเปิดทางให้กับเจ้า..”
หลิงหยุนได้แต่แอบคิดในใจว่า‘ถึงอย่างไรพลังงานสีแดงนี้ก็มีจิตวิญญาณของกงก้งส่วนหนึ่ง มิน่าล่ะ มันถึงได้โกรธมากที่ข้าใช้หงส์ไฟเผาผลาญเช่นนั้น!”
แต่แล้วจู่ๆสมุดจักรพรรดิก็เปรยขึ้นวา่ “การที่เจ้าทำเช่นนั้น แน่นอนว่ามันอาจโมโหและไม่พอใจบ้าง แต่ก็หาใช่เหตุผลที่มันเล่นงานเจ้าในครั้งนี้!”
หลิงหยุนได้แต่เอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงงสงสัย“เช่นนั้นเป็นเพราะเหตุผลอันใดกัน”
สมุดจักพรรรดิหัวเราะหึๆก่อนจะตอบหลิงหยุนกลับไปว่า “นี่เจ้ายังต้องถามข้าอีกงั้นรึ”
“เจ้ามีร่างกายที่ล้ำเลิศดั่งสวรรค์ประทานเช่นนี้ผู้อื่นต้องเพียรฝึกปรือเช่นใดจึงจะได้มา เป็นเพราะอยากได้ร่างกายนี้มาครอบครอง มันจึงต้องการสังหารเจ้า และเข้าไปยึดครองร่างมนุษย์นี้แทนอย่างไรเล่า”
หลิงหยุนได้ฟังถึงกับนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่แต่ทันทีที่รู้สึกตัว เขาก็ถึงกับสบถออกมาเสียงดัง “ไอ้วิญญาณชั่วช้า!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร