Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1616

บทที่ 1616 ความผิดปกติในหมู่บ้าน
  “นี่เฟิงหวง!เจ้าคุกเข่าทำไมกัน”
  เสี่ยวเจิ้งจี๋ถึงกับร้องอุทานออกมาเมื่อจู่ๆ เหมี่ยวเฟิงหวงก็คุกเข่าลงตรงหน้าหลิงหยุน พร้อมกับจ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาวิงวอนขอร้อง
  อาวุโสทั้งสองที่ได้กลืนโอสถเยาว์วัยของหลิงหยุนเข้าไปทำให้รูปลักษณ์ภายนอกอยู่ในวัยเพียงแค่ยี่สิบต้นๆเท่านั้น และเวลานี้ยังดูอ่อนเยาว์กว่าพ่อแม่ของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเสียอีก ทั้งคู่ต่างก็รักใคร่กันอย่างมาก หากผู้ใดได้เห็นคู่รักหนุ่มสาวทั้งสอง คงอดไม่ได้ที่จะต้องอิจฉาเป็นแน่..
  แต่ถึงอย่างไรเหมี่ยวเฟิงหวงก็เป็นคนของเผ่าเหมี่ยวเจียง ที่ผูกพันกับชนเผ่ามาตั้งแต่เกิด และเมื่อใดก็ตามที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับหมู่บ้านเหมี่ยวเจียง นางจะดื้อรั้นและไม่เคยเชื่อฟังคำพูดของเสี่ยวเจิ้งจี๋เลยสักครั้ง..
  นับตั้งแต่หลิงหยุนจากไปเหมี่ยวเฟิงหวงก็ไปสักการะรูปปั้นเทพแห่งสงครามซือโหยวที่อารามทุกวันทั้งเช้าและเย็น นางเฝ้าเผากำยาน และจุดธูปสักการะ ทำตัวลึกลับเช่นนี้เสมอมา
  นอกจากนี้เหมี่ยวเฟิงหวงยังนำชาวบ้านเข้าสักการะ และทำพิธีกรรมบูชารูปปั้นเทพเจ้าซือโหยวอยู่เนืองๆอีกด้วย
  ความเปลี่ยนแปลงของเหมี่ยวเฟิงหวงในครั้งนี้ท่านหมอเสี่ยวเองตระหนักดีว่า เกิดขึ้นนับตั้งแต่เมื่อครั้งที่หลิงหยุนได้นำกระบี่โลหิตเทวะออกมาให้นางดู จากนั้นมา จิตใจของนางก็คล้ายถูกกระตุ้นให้เกิดความว้าวุ่นใจ และผิดแผกจากเดิมไปมาก
  แม้แต่ตัวเขาเองยังอดคิดไม่ได้ว่าถึงรูปลักษณ์ภายนอกของพวกเขาทั้งคู่จะยังคงดูราวกับหนุ่มสาว แต่อายุนั้นกลับมากมายแล้ว เหตุใดจึงยังไม่คิดหาความสุขสงบให้กับชีวิตและจิตใจอีก
  ตลอดหลายวันที่ผ่านมาท่านหมอเสี่ยวได้พยายามโน้มน้าวอีกฝ่ายให้เพลาลงบ้าง แต่เหมี่ยวเฟิงหวงกลับตอบมาว่า ทุกอย่างที่นางทำก็เพื่อชาวเหมี่ยวเจียง และภารกิจที่ได้รับมอบหมายมา ขอให้เสี่ยวเจิ้งจี๋อย่าได้ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยว
  เสี่ยวเจิ้งจี๋จึงได้แต่ต้องนิ่งเงียบเพื่อมิให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่เมื่อจู่ๆหลิงหยุนก็มาปรากฏตัวเช่นนี้ เสี่ยวเจิ้งจี๋จึงได้แต่เตือนเหมี่ยวเฟิงหวง มิให้บอกเรื่องราววุ่นๆเหล่านี้ให้เขาฟัง
  “เรื่องนี้หาใช่เรื่องส่วนตัวของครอบครัวเราแต่เป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อคนทั้งหมู่บ้าน ท่านอย่าได้ขัดขวางข้าอีกเลย..”
  เหมี่ยวเฟิงหวงหันไปตอบโต้เสี่ยวเจิ้งจี๋ทันทีก่อนจะหันกลับไปมองหลิงหยุนต่อ เสี่ยวเจิ้งจี๋ได้แต่ถอนหายใจ พร้อมกับบ่นพึมพำ
  “ได้ๆข้าจะไม่ขัดขวางเจ้าอีกแล้ว!”
  “จะเรื่องอะไรก็ตามทีอาวุโสได้โปรดลุกขึ้นก่อน!”
  หลังจากที่รับการคาราวะจากเหมี่ยวเฟิงหวงแล้วหลิงหยุนจึงได้ขอร้องให้นางลุกขึ้นก่อน เขาครอบครองกระบี่โลหิตเทวะ จึงต้องกลายเป็นหัวหน้าเผ่าเหมี่ยวเจียงไปโดยปริยาย และจำต้องรับการคาราวะของเหมี่ยวเฟิงหวงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
  แต่สิ่งที่หลิงหยุนนึกกังวลใจอยู่ไม่น้อยในเวลานี้ก็คือเหมี่ยวเฟิงหวงกำลังจะขอร้องอะไรเขากันแน่! เพราะครั้งก่อน นางก็ได้ขอให้เขานำกระบี่โลหิตเทวะออกมาให้ดูแล้ว..
  “ท่านหัวหน้าเผ่าก่อนที่ท่านจะพาเสี่ยวเหมาไปรับทัณฑ์สวรรค์ ผู้น้อยใคร่ขอร้องให้ท่านนำกระบี่โลหิตเทวะออกมาอีกครั้ง และใคร่ขอนำกระบี่เล่มนี้ไปตั้งไว้ที่อารามเทพเจ้าซือโหยว เพื่อให้ชาวเหมี่ยวเจียงในหมู่บ้านได้กราบไว้สักการะสักครั้ง..”
  เหมี่ยวเฟิงหวงที่ยังคงนั่งคุกเข่าเอ่ยบอกหลิงหยุนพร้อมกับจ้องหน้าเขาด้วยสายตาวิงวอน..
  “ทำเช่นนั้นมิได้เด็ดขาด!”
  ทันทีที่เหมี่ยวเฟิงหวงเอ่ยจบเสียงของชายชราทั้งสอง ก็ดังขึ้นภายในหัวของหลิงหยุนพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย และแน่นอนว่าจะเป็นเสียงของผู้ใดไปไม่ได้ นอกจากพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ และสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพ!
  “อาวุโสอย่าได้กังวลใจในเรื่องนี้ไปเลย!”
  หลิงหยุนตอบชายชราทั้งสองกลับไปทันทีเขาสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะตอบเหมี่ยวเฟิงหวงไปว่า
  “อภัยที่ข้าไม่อาจทำเช่นนั้นได้!”
  หลังจากที่เอ่ยปากขอร้องหลิงหยุนแล้วเหมี่ยวเฟิงหวงก็ได้แต่เงยหน้าขึ้นจ้องมองหลิงหยุนอย่างใจจดใจจ่อ นางได้แต่คิดว่า เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ หลิงหยุนคงจะไม่ปฏิเสธเป็นแน่
  แต่เมื่อได้ยินคำปฏิเสธจากปากของหลิงหยุนนางก็ถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไปทันที และรีบระล่ำระลักอธิบายให้เขาฟังอย่างรวดเร็ว
  “ท่านหัวหน้าเผ่าอย่าได้เข้าใจเจตนาของข้าผิดไป! ข้ามิได้ขอให้ท่านทิ้งกระบี่โลหิตเทวะไว้ที่อารามตลอดไป แต่ข้าขอนำกระบี่เล่มนี้ไปให้ชาวเหมี่ยวเจียงได้สักการะบูชาเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้น จากนั้นจะรีบนำกลับมาคืนท่านทันที..”
  “นั่นก็ยังมิได้เช่นกัน!”
  หลิงหยุนยังคงปฏิเสธเหมี่ยวเฟิงหวงอีกครั้งหลังจากได้ฟังคำอธิบายของนาง ทำให้เหมี่ยวเฟิงหวงได้แต่นิ่งอึ้ง คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากันด้วยความงุนงงสงสัย
  “ท่านหัวหน้าเผ่า..”
  ระหว่างที่เหมี่ยวเฟิงหวงกำลังจะอธิบายต่อนั้นหลิงหยุนก็ได้เอ่ยขัดขึ้นทันที
  “อาวุโสไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไรอีกแล้วหากเป็นเรื่องอื่น ข้าอาจจะทำให้ได้ แต่เรื่องนี้.. ข้าให้มิได้จริงๆ!”
  จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปทางเหมี่ยวเสี่ยวเหมา พร้อมกับเอ่ยบอกนางว่า “เสี่ยวเหมา เจ้าช่วยพยุงท่านย่าของเจ้าลุกขึ้นก่อน!”   เหมี่ยวเสี่ยวเหมาพุ่งเข้าไปประคองร่างของเหมี่ยวเฟิงหวงไว้ทันทีพร้อมกับเอ่ยบอกนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
  “ท่านย่าลุกขึ้นยืนก่อนเถิดมีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากัน..”
  เหมี่ยวเฟิงหวงจำต้องลุกขึ้นยืนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้..
  “ท่านย่าเหมี่ยวได้โปรดอธิบายให้ข้าฟัง เพราะเหตุใดท่านจึงต้องการให้ข้านำกระบี่โลหิตเทวะออกมาให้ชาวบ้านได้สักการะ”
  หลังจากที่เหมี่ยวเฟิงหวงลุกขึ้นยืนหลิงหยุนก็ได้เอ่ยถามขึ้นในฐานะลูกหลานคนหนึ่ง ความจริงแล้ว.. หลิงหยุนเองก็รู้เหตุผลดีอยู่แล้ว เขาเพียงอยากจะพิสูจน์ว่า เหมี่ยวเฟิงหวงจะกล้าปิดบังความจริงกับเขาหรือไม่
  “ท่านหัวหน้าเผ่าที่ผู้น้อยเฟิงหวงขอร้องท่านเช่นนี้ก็เพราะว่า เมื่อคืน..”
  หลังจากเอ่ยปากตอบคำถามหลิงหยุนได้เพียงแค่ครึ่งเดียวเหมี่ยวเฟิงหวงก็ได้แต่อึกอักลังเล มิกล้าที่จะกล่าวต่อ..
  จนหลิงหยุนต้องแสร้งทำเป็นขมวดคิ้วพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าแววตาสงสัย “เมื่อคืน! เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ?”
  “เมื่อคืน..ท่านหัวหน้าเผ่าซึ่งเป็นบรรพชนของเรา ได้ปรากฏตัวขึ้น..”
  เหมี่ยวเฟิงหวงในฐานะธิดาเหมี่ยวเจียงจะกล้าโกหกหลิงหยุนซึ่งครอบครองมรดกของหัวหน้าเผ่าบรรพชนได้อย่างไรกัน หากนางทำผิดพลาดต่อหน้าหลิงหยุน เกรงว่าถึงตอนนั้น หลิงหยุนคงจะทำการพังรูปปั้นเทพเจ้าซือโหยวทิ้ง แล้วจัดการนำเข้าไปเก็บไว้ในแหวนของตน หรือไม่ก็นำไปโยนทิ้งทะเลเสีย
  เหมี่ยวเฟิงหวงจ้องหน้าหลิงหยุนแน่นิ่งแต่แทนที่นางจะตอบ นางกลับย้อนถามหลิงหยุนไปว่า
  “ท่านหัวหน้าเผ่าการที่จู่ๆท่านปรากฏตัวขึ้นที่หมู่บ้านของเรา คงจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เช่นกันใช่หรือไม่”   “ก็มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่บ้าง..”หลิงหยุนตอบกลับไปตามตรง
  เงาจำลองของเทพแห่งสงครามซือโหยวนั้นในสายตาของพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ และสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพแล้ว นั่นคือการฟื้นคืนชีพของเทพแห่งปีศาจในอดีตกาล แต่ในสายตาของธิดาเหมี่ยวเจียงเช่นนาง นั่นเป็นเพียงแค่การปรากฏตัวให้ลูกหลานได้เห็นเท่านั้น..
  หลิงหยุนเป็นทั้งทายาทผู้สืบทอดมรดกของสามจักรพรรดิและเป็นทั้งผู้ครอบครองกระบี่โลหิตเทวะซึ่งเป็นสมบัติของเทพเจ้าซือโหยวในคราเดียวกันเช่นนี้ แม้จะเป็นฐานะที่กระอักกระอ่วนใจไม่น้อย แต่เขาก็เลือกที่จะเผชิญหน้าด้วยความมั่นอกมั่นใจ
  หลิงหยุนจึงได้แต่เอ่ยถามเหมี่ยวเฟิงหวงออกไปตามตรง“ท่านคิดเห็นเช่นใดกับเทพเจ้าซือโหยวรึ”
  เหมี่ยวเฟิงหวงจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยพร้อมกับเอ่ยตอบด้วยสีหน้าท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยความเคารพศรัทธา
  “ผู้น้อยขอเรียนท่านหัวหน้าเผ่าตามตรงตามตำนานความเชื่อของชาวเหมี่ยวเจียง ที่บรรพชนได้เล่าต่อๆกันมานั้น เมื่อใดที่ท่านหัวหน้าเผ่าปรากฏตัว หลังจากนั้นก็จะเป็นวันที่เทพซือโหยวของพวกราได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง..”
  “แม้ว่าเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานมากแต่พวกเราชาวเผ่าเหมี่ยวเจียง ก็ยังยินดีและเต็มใจที่จะติดตามท่านหัวหน้าเผ่าซึ่งเป็นบรรพชนของพวกเรา รอคอยการฟื้นคืนชีพอีกครั้งของท่านหัวหน้าเผ่า เพื่อให้ท่านกลับมานำลูกหลานชาวเผ่าเราคืนสู่ความรุ่งโรจน์อีกครา..”
  หลิงหยุนได้แต่นั่งฟังนิ่งเงียบในฐานะที่นางเป็นธิดาเหมี่ยวเจียง ความคิดเช่นนี้ของนางหาใช่ความผิดอันใดไม่..
  “หมายความว่าอาวุโสรู้วิธีที่จะทำให้เทพซือโหยวกลับฟืนคืนชีพได้อีกครั้งแล้วงั้นรึ” หลังจากนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ในที่สุดหลิงหยุนก็เอ่ยถามคำถามสำคัญออกไป
  “ข้ายังมิรู้วิธีที่จะทำให้เทพซือโหยวคืนชีพได้..”
  เหมี่ยวเฟิงหวงเอ่ยตอบพร้อมกับส่ายหน้าไปมาก่อนจะเอ่ยบอกหลิงหยุนต่อ “แต่ในเมื่อท่านหัวหน้าเผ่าคือผู้ครอบครองกระบี่โลหิตเทวะ ข้าเชื่อว่าท่านย่อมต้องมีหนทาง..”
  หลิงหยุนเอ่ยถามต่อด้วยสีหน้าประหลาดใจ“มันเป็นเพียงแค่ตำนานปรัมปราเท่านั้น เหตุใดท่านจึงมั่นอกมั่นใจถึงเพียงนี้”
  แววตาของเหมี่ยวเฟิงหวงเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น“นั่นเพราะนับตั้งแต่ที่ท่านหัวหน้าเผ่าจากไป ก็มีสัญญาณหลายอย่างเกิดขึ้น ที่ทำให้ข้าเชื่อว่าตำนานปรัมปรานั้นคือความจริง..”
  “ดินแดนภายในหมู่บ้านและโดยรอบคล้ายถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศที่แปลกประหลาด แต่นั่นกลับทำให้ต้นหญ้า และพืชพรรณต่างๆเจริญเติบโตได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ สัตว์ป่าต่างๆที่อยู่ในบริเวณนี้ ก็เติบใหญ่อย่างน่าเหลือเชื่อ แม้แต่ชาวเหมี่ยวเจียวเอง ก็ดูฮึกเหิม เลือดในกายพุ่งพล่าน ทั้งหมดนี้.. ล้วนแล้วแต่เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า หัวหน้าเผ่าผู้ยิ่งใหญ่ของเรากำลังจะคืนชีพอีกครั้ง!”
  “…”หลิงหยุนได้ฟังแล้วก็แต่นิ่งอึ้ง
  แม้แต่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาที่นั่งอยู่ข้างๆยังถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ฟังคำพูดของเหมี่ยวเฟิงหวง นางคิดไม่ถึงว่า เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน ที่นางเฝ้าเป็นกังวลอยู่เงียบๆแต่เพียงผู้เดียวนั้น ท่านย่าของนางกลับสังเกตเห็นเช่นเดียวกัน และดูเหมือนจะสัมผัสได้ก่อนนางด้วยซ้ำไป
  “นี่มัน..มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นด้วยงั้นรึ!”
  แม้แต่เสี่ยวเจิ้งจี๋เองยังถึงกับดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ“มิน่าล่ะ! หลายวันนี้เจ้าจึงได้พาชาวบ้านไปที่อารามสักการะบูชารูปปั้นอยู่ทุกวัน!”
  แท้ที่จริงนางก็เฝ้ารอคอยการฟื้นคืนชีพของเทพเจ้าซือโหยวนี่เอง!   แต่เทพเจ้าในตำนานปรัมปราเช่นนี้จะสามารถฟื้นคืนชีพจริงๆได้อย่างไรกัน!
  หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมองไปรอบตัวแม้ในใจจะรู้ดีว่า สิ่งที่เหมี่ยวเฟิงหวงกล่าวมาทั้งหมดนั้นคือความจริง แต่ก็จำต้องตอบกลับไปว่า
  “แต่ข้าไม่รู้วิธีที่จะทำให้บรรพชนของพวกท่านฟื้นคืนชีพได้จริงๆ!”
  “ท่านหัวหน้าเผ่า..ยังมีอีกวิธีหนึ่ง!” เหมี่ยวเฟิงหวงกระซิบเสียงเบา แต่หนักแน่นยิ่งนัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร