Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1617

บทที่ 1617 ต้องขายเท่านั้น
  เหมี่ยวเฟิงหวงเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“ท่านหัวหน้าเผ่า ท่านมีกระบี่โลหิตเทวะของบรรพชนผู้บุกเบิก ขอเพียงแค่ท่านหาเสื้อเกราะเทวะพบ แล้วนำสองสิ่งนี้มารวมเข้าด้วยกัน ข้าเชื่อว่าบรรพชนจะสามารถฟื้นคืนชีพกลับมาในโลกนี้ได้อีกครั้ง!”
  ‘กระบี่โลหิตเทวะกับเสื้อเกราะเทวะ..แล้วเทพเจ้าซือโหยวจะสามารถฟื้นคืนชีพได้อีกครั้งงั้นรึ’
  ระหว่างที่หลิงหยุนกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในใจนั้นเสียงร้องตะโกนถามของท่านหมอเสี่ยวก็ดังแทรกเข้ามาในหู
  “หลิงหยุนตั้งแต่เมื่อครั้งที่เจ้านำกระบี่โลหิตเทวะออกมาให้เฟิงหวงดูนั้น นางก็เปลี่ยนไปมากทีเดียว วันๆก็เอาแต่ไปที่อารามเพื่อสักการะรูปปั้นเทพเจ้าซือโหยว เจ้าอย่าไปฟังคำพูดของนางดีกว่า..”
  “ท่านปู่เสี่ยวอย่าได้กังวลใจในเรื่องนี้ไปเลยข้าเชื่อว่าจะไม่มีอะไรเป็นปัญหาใหญ่โต!”
  หลิงหยุนเอ่ยตอบพร้อมกับลุกขึ้นยืนเขาแสร้งทำเป็นเหมือนว่าไม่มีอะไร ก่อนจะรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที
  “ท่านปู่เสี่ยวท่านย่าเหมี่ยว ข้าจากที่นี่ไปมากกว่าสิบวันแล้ว อยากจะไปดูทุ่งชาพลังชีวิตเสียหน่อย พวกเราไปดูพร้อมกันเลยดีหรือไม่”
  “ตามข้ามาข้าจะพาเจ้าไปเอง!”
  ท่านหมอเสี่ยวที่รู้สึกร้อนรนราวกับกำลังนั่งอยู่บนปลายเข็มนั้นทันทีที่ได้ยินคำพูดของหลิงหยุน ก็รีบลุกขึ้นยืน และลากแขนของเขาออกไปทันที
  “ท่านหัวหน้าเผ่า..”
  เหมี่ยวเฟิงหวงยังต้องการที่จะพูดเรื่องเทพซือโหยวต่อแต่เมื่อเห็นหลิงหยุนถูกลากออกไปเช่นนั้น นางจึงรีบวิ่งตามไปพร้อมกับร้องตะโกนเรียก
  “ท่านย่า..”   เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเห็นเช่นนั้นจึงรีบดึงแขนเสื้อของนางไว้ พร้อมกระซิบเสียงเบาว่า “หลิงหยุนเพิ่งจะมาถึง จู่ๆท่านย่าไปบอกเรื่องที่ฟังดูเหลือเชื่อเช่นนี้ คงยากที่หลิงหยุนจะรับได้ ท่านย่าปล่อยให้เขาได้มีเวลาค่อยๆทำความเข้าไปก่อนจะดีกว่า..”
  “อืมม..ตกลง!”
  เหมี่ยวเฟิงหวงได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเอ่ยต่อทันที “เฮ้อ.. ดูเหมือนข้าคงจะรีบร้อนไปสินะ เพียงแต่..”
  เพียงแต่เวลามิเคยหยุดนิ่งรอคอยผู้ใด..
  “ไม่มีคำว่าแต่แล้วท่านย่า!ท่านอย่าลืมว่าสิ่งที่ท่านบอกกับหลิงหยุนนั้น ล้วนเป็นตำนานปรัมปราที่เล่าขานกันมาหลายพันปี แม้ว่าบรรพชนรุ่นผ่านๆมาต่างก็ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถทำสำเร็จภายในสองหรือสามวันมิใช่รึ”
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเห็นเหมี่ยวเฟิงหวงเริ่มมีท่าทีสงบลงบ้างแล้วจึงได้แต่แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก พร้อมกับอธิบายเพิ่มเติม  “ต่อให้ท่านย่าจะพูดอีกกี่ครั้งหรือร้อนใจไปมากเพียงใด แต่กระบี่โลหิตเทวะก็เป็นของหลิงหยุน หากเขาไม่ยินดีทำตามที่ท่านย่าต้องการ ท่านร้อนใจไปจะเกิดประโยชน์อันใด เพราะไม่เคยมีผู้ใดบังคับหลิงหยุนให้ทำในสิ่งที่เขาไม่ต้องการทำได้!”
  “…”
  หลังจากนิ่งฟังและตรึกตรองอยู่นานในที่สุดเหมี่ยวเฟิงหวงก็ได้แต่พยักหน้ายอมรับ เพราะหลิงหยุนเองก็ยืนยันชัดเจนแล้วว่า จะไม่มีการนำกระบี่โลหิตเทวะออกมาอีกแล้ว ต่อให้นางจะอ้อนวอนขอร้องอีกเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง ก็คงไร้ประโยชน์อยู่ดี
  หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ได้ไปชมทุ่งพลังชีวิตที่ตนเองสร้างไว้ก่อนที่จะจากไป โดยมีท่านหมอเสี่ยวกับเหมี่ยวเสี่ยวคอยบอกเล่ารายละเอียดต่างๆให้เขาฟัง ส่วนเหมี่ยวเฟิงหวงเพียงแค่เดินตามเงียบๆ
  ระหว่างทางที่เดินไปยังทุ่งพลังชีวิตอยู่นั้นชาวบ้านต่างก็พากันเดินเข้าเดินออก และเอ่ยทักทายเหมี่ยวเสี่ยวเหมาไปตลอดทาง และนี่ก็คือการที่ผู้นำของชนเผ่าลงไปพบปะลูกบ้านอย่างหนึ่ง
  แม้ดูภายนอกจะคล้ายเป็นการพบปะชาวบ้านตามปกติแต่ความจริงแล้ว หลิงหยุนได้แอบใช้จิตหยั่งรู้ของตนเองสำรวจดูชาวบ้านว่า พลังงานประหลาดที่ปกคลุมอยู่นั้น ได้ไปกระตุ้นเลือดในกายของลูกหลานเผ่าเหมี่ยวเจียงได้อย่างไร
  และในที่สุดทั้งสามคนก็เดินมาถึงบริเวณที่ปลูกชาพลังชีวิต..
  “หลิงหยุนชาพลังชีวิตชุดใหม่น่าจะเก็บเกี่ยวได้ภายในวันนี้แล้ว ทั้งหมดกว่าเก้าสิบส่วนล้วนเป็นฝีมือของเสี่ยวเหมาทั้งสิ้น เจ้าจะนำกลับไปทั้งหมดเลยก็ได้”
  ท่านหมอเสี่ยวเอ่ยบอกหลิงหยุนต่อด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข“เสี่ยวเหมาใช้เวลาเพียงแค่สิบวันฝึกวิชาพฤกษาขจีตลอดทั้งวันทั้งคืนก่อนหน้า หลังจากที่ชาพลังชุดแรกถูกส่งออกไป..”   “ถูกส่งออกไปงั้นรึ!”
  หลิงหยุนร้องอุทานออกมาเสียงดังในขณะเดียวกันก็เฝ้าครุ่นคิดถึงงานเลี้ยงวันเกิดของหลิงเสี่ยว ครั้งนั้นเขายังอดสงสัยไม่ได้ว่า เหตุใดภายในงานจึงได้มีชาพลังชีวิตมากมายจนแทบเสริฟไม่หมด
  คิดแล้วหลิงหยุนก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดายก่อนจะเอ่ยบอกท่านหมอเสี่ยวไปว่า
  “โรงประมูลตระกูลหลิงกำลังใกล้จะเปิดแล้วนับแต่นี้ไป ห้ามนำชาพลังชีวิตแจกให้ผู้ใดอีก ต้องเก็บไว้ขายเพียงเท่านั้น!”
  หลิงหยุนร้องบอกด้วยความรู้สึกปวดใจ“นับจากนี้ไปต้องนำไปขายเอาเงินเข้าบ้าง!”
  หลังจากที่เดินชมทุ่งชาพลังชีวิตอยู่ครู่หนึ่งท่านหมอเสี่ยวก็ได้มอบชาพลังชีวิตให้หลิงหยุนอีกราวสองสามกิโลกรัม หลิงหยุนจึงได้เก็บเข้าไปไว้ในแหวนจักรวาลของตน ในขณะเดียวกันก็บอกกับท่านหมอเสี่ยวว่า  “ท่านปู่เสี่ยวเมื่อครั้งก่อนที่ข้ากลับไปตระกูลหลิงนั้น ได้นำชาที่ท่านมอบให้ ไปให้กับท่านลุงสองดื่ม เขาเป็นผู้ที่ชื่นชอบ และหลงไหลการดื่มชายิ่งนัก หลังจากที่ได้ดื่มชาพลังชีวิตของที่นี่ ท่านลุงถึงกับเอ่ยปากชมไม่หยุดทีเดียว”
  ทั้งหมดเดินชมทุ่งชาพลังชีวิตจนทั่วแล้วและในขณะที่กลับออกมานั้น หลิงหยุนก็ได้บอกกับทั้งสามคนว่า
  “ข้าได้บอกเล่าเรื่องการสร้างทุ่งพลังชีวิตนี้ให้กับลุงสองฟังเช่นกันท่านลุงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ถึงกับบอกว่าจะลงมาดูแลเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพียงแต่ช่วงนี้ตระกูลหลิงมีภารกิจค่อนข้างยุ่งวุ่นวาย จึงยังไม่สามารถทิ้งมาได้ แต่ตราบใดที่โรงประมูลหลิงเปิดทำการ ท่านลุงสองจะมาพบท่านปู่เสี่ยวที่นี่ เพื่อปรึกษาหารือเรื่องธุรกิจด้วยตนเอง..”
  “เยี่ยม!เยี่ยมมากทีเดียว!”
  ท่านหมอเสี่ยวได้แต่พยักหน้าอย่างมีความสุขพร้อมกับเอ่ยบอกหลิงหยุนว่า “เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าคงจะมีภารกิจรัดตัว จนไม่มีเวลาได้สนใจเรื่องเล็กๆน้อยนี้ไปแล้วเสียอีก..”
  “ข้าจะลืมเรื่องสำคัญเช่นนี้ไปได้อย่างไรกันเล่าท่านปู่”
  หลิงหยุนเอ่ยตอบเสี่ยวเจิ้งจี๋“อย่าได้ดูถูกทุ่งพลังชีวิตหลายสิบไร่นี้! ข้าเชื่อว่าในโลกใบนี้ ไม่มีทางที่จะหาที่ใดเหมือนทุ่งพลังชีวิตของเราได้ แม้แต่ในถ้ำสุขาวดีเอง ยังมีดินแดนเพียงแค่สองสามแห่งที่เทียบกับทุ่งพลังชีวิตนี้ได้!”
  “ที่สำคัญ..นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเราเท่านั้น ทุ่งพลังชีวิตนับสิบไร่นี้เป็นเพียงพื้นที่ทดลองเริ่มต้น อีกอย่าง โรงประมูลตระกูลหลิงของข้า ก็ต้องอาศัยพืชผักพลังชีวิตเหล่านี้ดึงดูดความสนใจของชาวยุทธให้เข้ามา ทุ่งพลังชีวิตที่สร้างประโยชน์อย่างมากมายเช่นนี้ ข้าจะไม่ให้ความสำคัญได้อย่างไรกันเล่าท่านปู่”
  “เรื่องนั้นข้ารู้ดี!ข้าเพียงแต่หยอกเย้าเจ้าเล่นเท่านั้น หาไม่แล้วข้าคงไม่พาเจ้าเดินดูจนรอบเช่นนี้แน่!” ท่านหมอเสี่ยวเอ่ยตอบ พร้อมกับพยักหน้าให้หลิงหยุนอย่างมีความสุข
  หลิงหยุนได้แต่พยักหน้าพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ“เรื่องทุ่งพลังชีวิตนี้ หากไม่ได้ท่านปู่เสี่ยวกับท่านย่าเหมี่ยว ก็คงจะไม่ประสบความสำเร็จเช่นนี้ ข้าต้องขอขอบคุณพวกท่านทั้งสองยิ่งนัก!”
  “เพียงแต่ว่าพวกท่านทั้งสองอย่าได้ทุ่มเทความสนใจให้กับเรื่องทุ่งพลังชีวิตจนมากเกินไป..”
  ในระหว่างที่พูดประโยคสุดท้ายออกมานั้นหลิงหยุนก็ได้เหลือบมองไปทางเหมี่ยวเฟิงหวง และสายตาของเขานั้นก็แฝงไว้ด้วยความหมายลึกซึ้งอย่างชัดเจน..
  แต่หลิงหยุนก็ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้นก่อนจะเปลี่ยนไปบอกอาวุโสทั้งสองว่า “เอาล่ะ! ข้าคงจะต้องไปเตรียมตัวก่อนที่จะพาเสี่ยวเหมาไปรับทัณฑ์สวรรค์ เที่ยงนี้คงจะไม่สามารถไปร่วมทานอาหารกับพวกท่านได้ ข้าขอตัวก่อน..”   หลังจากเอ่ยจบหลิงหยุนก็ได้พาเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเหาะจากไปในทันที..
  “หลิงหยุนเจ้าอย่าได้ตำหนิท่านย่าเลยนะ! นางดำรงฐานะเป็นธิดาเหมี่ยวเจียงมานานหลายสิบปี ย่อมต้องมีความผู้พันกับเผ่าจิ่วหลีเป็นธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปปั้นของท่านเทพซือโหยว!”
  ทันทีที่ร่อนลงสู่พื้นดินเหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็รีบร้องบอกหลิงหยุนทันที
  หลิงหยุนได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มให้หญิงสาวก่อนจะตอบกลับไปว่า “ข้ามิเคยคิดตำหนิท่านย่าเหมี่ยวเลยแม้แต่น้อย! และที่สำคัญ คำพูดของท่านย่าเหมี่ยวล้วนแล้วแต่เป็นความจริง ข้าจะตำหนินางได้อย่างไรกัน”
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมาถึงกับใจสั่นนางนิ่งชะงักไปเล็กน้อย แล้วจึงเอ่ยถามหลิงหยุนว่า “แล้วเจ้าคิดจะทำเช่นใดกับท่านย่าต่อไป”
  “เจ้าถามเหมือนกับที่ท่านปู่เสี่ยวแอบถามข้า..”   หลิงหยุนได้แต่ยิ้มขื่นก่อนจะตอบกลับไปว่า “ท่านย่าเหมี่ยวฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ข้า ซึ่งข้าเองก็ยังมืดแปดด้าน ไม่รู้ว่าจะต้องทำเช่นใด และไม่รู้ว่าจะอธิบายให้นางเข้าใจได้อย่างไรเช่นกัน”
  “ไว้ข้าคิดได้เมื่อไหร่จะบอกให้เจ้าได้รู้ก็แล้วกัน..”
  “อืมม..แล้วนี่เจ้าพาข้ามาที่นี่ทำไมกัน”
  “นี่เจ้ายังไม่รู้อีกรึ!ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพราะเรื่องของความรักอย่างไรกันเล่า!”
  “หลิงหยุน!นี่เจ้าหยุดพูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระได้แล้ว!”
  “ฮ่าๆๆข้าอยากให้เจ้าพาข้าสำรวจหาสมุนไพรบางชนิดต่างหากเล่า!”
  “สมุนไพรอะไรงั้นรึ”เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงง
  “เจ้าเคยบอกกับข้าว่าที่นี่มีสมุนไพรชีฉียู่อยู่มากมาย แต่ข้าไปมาแล้วหลายแห่ง เหตุใดจึงมิเคยพบเห็นสมุนไพรชนิดนี้อยู่เลย”   เหมี่ยวเสี่ยวเหมาถึงกับยิ้มกว้างก่อนจะตอบกลับไปว่า “เช่นนั้นเจ้าก็ตามข้ามา ข้าจะพาเจ้าไปเอง!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร