Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1618

บทที่ 1618 ทุ่งสมุนไพรชีฉียู่
  “เสี่ยวเหมาดูเหมือนวันๆ เจ้าคงจะเอาแต่ฝึกควบคุมกระบี่เหินจนไม่สนใจสิ่งอื่นเลยสินะ เจ้าสามารถควบคุมกระบี่เหินได้คล่องแคล่วกว่าที่ข้าคิดไว้มาก!”
  ระหว่างที่หลิงหยุนเหาะไปนั้นเหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็ได้ใช้กระบี่เหินเหาะตามเขาไปติดๆ นางสามารถบังคับควบคุมกระบี่เหินได้อย่างคล่องแคล่วและมั่นคง ทำให้หลิงหยุนอดที่จะเอ่ยชื่นชมไม่ได้
  “ที่ข้าต้องฝึกให้หนักก็เพราะไม่ต้องการให้คนนิสัยไม่ดีบางคนจับข้าโยนลงไปเหมือนเมื่อครั้งก่อนอีกแล้วน่ะสิ!”
  สายตาของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาจ้องมองไปข้างหน้าแต่ปากก็ร้องตะโกนตอบหลิงหยุน เห็นได้ชัดว่านางกำลังกัดฟันกรอดด้วยความขุ่นเคืองใจ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น
  “ฮ่าๆๆๆ”   หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่หัวเราะร่วนอย่างมีความสุขเขายักไหล่เล็กน้อยพร้อมตอบกลับไปว่า “ที่ข้าทำต้องเช่นนั้นก็เพราะหวังดีกับเจ้าต่างหากเล่า หากข้าไม่ผลักเจ้าลงมาเช่นนั้น เจ้าคงจะรอจนกว่าจะเข้าสู่ด่านกลางขั้นพลังชี่ แล้วจึงค่อยคิดที่จะมาฝึกควบคุมกระบี่เหินเป็นแน่..”
  “เฮ้อ..แต่ต่อให้ข้าอธิบายไปเช่นใด ก็คงจะไร้ประโยชน์อยู่ดี!” หลิงหยุนแสร้งทำเป็นรำพึงรำพันออกมาด้วยความน้อยอกน้อยใจ
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมาได้แต่แสยะยิ้มก่อนจะตอบกลับไปว่า “หึ! หลิงหยุนเจ้าจำไว้ให้ดี เรื่องนี้เป็นความแค้นส่วนตัวระหว่างเจ้ากับข้า ไว้สักวัน.. สักวันข้าจะต้องหาวิธีเอาคืนคนร้ายกาจเช่นเจ้าให้ได้!”
  หลิงหยุนหลิงหยุนได้ฟังคำพูดจริงจังของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็อดที่จะคิดไม่ได้ว่า หญิงสาวผู้นี้ช่างแตกต่างจากเกาเฉินเฉิน และเฉิงเม่ยเฟิงมากจริงๆ ดูเหมือนนางจะไม่ได้ว่านอนสอนง่าย และจงรักภักดีกับเขาดังเช่นหญิงสาวทั้งสอง เขาจึงได้แต่เอ่ยเตือนออกไปว่า
  “เสี่ยวเหมาเจ้าต้องทำความเข้าใจก่อนว่า พวกเราสองคนต่างก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน อีกทั้งไม่ช้าก็เร็ว..”
  หลิงหยุนแสร้งทำเป็นเอ่ยทำเสียงเศร้าและแสดงความอ่อนแอออกมา เพื่อหวังที่จะเล่นละครหลอกเหมี่ยวเสี่ยวเหมา
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเองก็ได้แต่แอบยิ้มอย่างรู้ทันนางยิ้มมุมปากเล็กน้อย และรีบเอ่ยขัดขึ้น เพราะคร้านที่จะทะเลาะกับหลิงหยุน
  “หลิงหยุนเจ้าดูนั่นสิ!หุบเข้าข้างหน้านั่นคือทุ่งหญ้าสมุนไพรชีฉียู่ที่เจ้าต้องการอย่างไรเล่า!”
  ทั้งคู่ยังคงเหาะมุ่งหน้าไปยังป่าทึบแห่งหนึ่งจนกระทั่งผ่านไปราวสิบนาที ก็พบเห็นแม่น้ำสายหนึ่งทอดจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก ที่ปลายทั้งสองของแม่น้ำสายนั้น มียอดเขาสูงที่ค่อนข้างอันตรายตั้งตระหง่านอยู่และตรงกลางระหว่างเขาทั้งสองลูกนั้น ก็คือหุบเขาซึ่งเป็นดินแดนสามเหลี่ยมตั้งอยู่
  แต่สิ่งที่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาร้องตะโกนบอกนั้นหลิงหยุนได้พบเห็นด้วยจิตหยั่งรู้ก่อนหน้าแล้ว ภายในหุบเขาดังกล่าวมีทุ่งหญ้าสมุนไพรชีฉียู่ขนาดใหญ่อยู่ ซึ่งทุ่งหญ้านี้ได้ทอดยาวไปตามริมฝั่งแม่น้ำสายนั้น
  ท่ามกลางดินแดงที่ทางใต้เป็นธารน้ำทางเหนือเป็นขุนเขา และมีแสงอาทิตย์สาดส่องมาเป็นเวลาเนิ่นนานเช่นนี้ อีกทั้งอยู่ห่างไกลผู้คน จึงทำให้สมุนไพรชีฉียู่เติบโตได้อย่างสมบูรณ์
  หลิงหยุนไม่นึกไม่ฝันว่าจะพบเจอทุ่งหญ้าสมุนไพรชีฉียู่ที่มีจำนวนมากมายถึงเพียงนี้ เรียกได้ว่าปกคลุมเกือบทั่วทั้งหุบเขาเลยทีเดียว และกระจายอยู่แทบทุกหนทุกแห่ง!
  “เสี่ยวเหมาครั้งนี้เจ้ามีความดีความชอบยิ่งนัก!”
  หลิงหยุนร้องตะโกนออกมาอย่างมีความสุขพร้อมกับยื่นมือออกไปตบบ่าเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเบาๆ จากนั้น หลิงหยุนจึงได้เหาะลงไปด้านล่างทันที เมื่อเหาะลงไปถึงพื้น เขาก็ได้ก้าวเท้าข้ามแม่น้ำที่ขวางกั้นไปยังอีกฝั่งอย่างรวดเร็ว
  ทันทีที่ข้ามไปยังหุบเขาที่อยู่อีกฟากฝั่งแม่น้ำได้แล้วหลิงหยุนก็รีบเหยียดกายตรงยกมือทั้งสองข้างขึ้น พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าไปลึก นั่นเพราะพลังชีวิตจากทุ่งสมุนไพรชีฉียู่นั้น ได้ปกคลุมหนาแน่นไปทั่วทั้งบริเวณ
  ฟิ้ว..ฟิ้ว.. ฟิ้ว..
  หลิงหยุนไม่รอช้าเขาเรียกหินพลังชีวิตนับร้อยๆก้อนออกมาจากแหวนจักรวาล พร้อมกับสร้างเป็นค่ายกลหลุมพลังขึ้นล้อมรอบหุบเขาแห่งนี้ไว้ เพื่อป้องกันมิให้พลังชีวิตแพร่กระจายออกไปอย่างสูญเปล่า
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเหาะตามหลิงหยุนลงมาและทันทีที่ร่อนลงถึงพื้นดิน หญิงสาวก็ได้เอ่ยถามหลิงหยุนขึ้นทันที
  “หลิงหยุนเหตุใดเจ้าจึงเหาะได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ แล้วเมื่อครู่ ดูเหมือนเจ้าจะเพียงแค่ก้าวเท้าข้ามแม่น้ำสายนี้.. นี่มันคือความเร็วของพลังบ่มเพาะในขั้นจิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-9) งั้นรึ?”
  “นั่นเรียกว่าก้าวเทวะเทียนจู๋ทงข้าได้ความสามารถเหนือธรรมชาตินี้เมื่อครั้งที่เข้าสู่ด่านสุดท้ายขั้นพลังชี่ ซึ่งเป็นผลจากดินแดนในสมองของข้าที่ได้รับพัฒนา..”
  เวลานี้หลิงหยุนกำลังอารมณ์ดีแล้วก็มีความสุขอย่างยิ่ง เขาจึงได้แต่หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข และพร้อมที่จะอธิบายให้เหมี่ยวเสี่ยวเหมาฟังด้วยความยินดี
  ด้วยพรสวรรค์ทางธรรมชาติของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาคืนนี้นางจะต้องเข้าสู่ขั้นอู่เฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-5) ได้อย่างไม่ต้องสงสัย ฉะนั้น เขาจึงไม่จำเป็นจะต้องปิดบังเรื่องราวเกี่ยวกับการฝึกวรยุทธบ่มเพาะกับนาง เพราะช้าเร็วเขาก็ต้องบอกเล่าให้นางได้รับรู้อยู่ดี
  “ก้าววิเศษเทียนจู๋ทง..การพัฒนาดินแดนในสมอง.. ทั้งหมดนี่ล้วนเกี่ยวข้องกับการที่เจ้าใช้ผ้าแพรไหมดำฝึกร่ายรำหรือไม่ หากข้าเข้าสู่ด่านกลางขั้นพลังชี่แล้ว ข้าสามารถฝึกฝนเช่นเดียวกับเจ้าได้หรือไม่?”
  หากเปรียบเทียบกับความสามารถที่น่าอัศจรรย์ของหลิงหยุนที่เพิ่งจะแสดงให้หญิงสาวดูนั้น เหมี่ยวเสี่ยวเหมาแทบจะไม่สนใจทุ่งหญ้าสมุนไพรชีฉียู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
  “ความจริงแล้วการฝึกมุทราหาใช่เพียงแค่พัฒนาดินแดนในสมองแต่ยังเกี่ยวข้องไปถึงการฝึกจิตวิญญาณ และมุทราแต่ละท่าก็จะหมายถึงจิตวิญญาณที่แตกต่างกันไป เมื่อเข้าสู่ด่านสุดท้ายขั้นพลังชี่ ดินแดนในสมองของคนผู้นั้นก็จะถูกพัฒนา และนำมาซึ่งความสามารถเหนือธรรมชาติอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือมากกว่านั้น..”
  “สำหรับผู้ฝึกฝนบ่มเพาะพลังทั่วไปนั้นแม้พวกเขาจะเข้าสู่ด่านสุดท้ายขั้นพลังชี่ได้ ดินแดนส่วนสมองก็จะได้รับการพัฒนาเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลโดยตรงประสาทสัมผัสทั้งห้า รวมทั้งความจำ และประมวลผลของสมอง..”
  หลิงหยุนเวลานี้แตกต่างจากเหมี่ยวเสี่ยวเหมาโดยสิ้นเชิงเพราะในสมองของเขากำลังเฝ้าครุ่นคิดถึงแต่เรื่องจะทำจัดการกับสมุนไพรชีฉียู่นี้อย่างไร หลังจากอธิบายออกไปแล้ว เขาจึงรีบโบกมือให้เหมี่ยวเสี่ยวเหมาหยุดตั้งคำถาม จากนั้นจึงได้เอื้อมมือไปคว้าข้อมือของนาง และพาเดินไปทางด้านซ้ายของหุบเขาทันที
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมาได้แต่ร้องตะโกนถามออกมาด้วยความตกใจ“นี่เจ้าพาข้ามาที่นี่ทำไมกัน!”
  “เฮ้อ..เจ้ายังต้องให้ข้าบอกอีกรึ”
  หลิงหยุนเอ่ยตอบด้วยคำพูดกำกวมในขณะเดียวกันก็เรียกไม้มังกรสิบกว่าแผ่นออกมาจากแหวนจักรวาล พร้อมทั้งจัดการสร้างค่ายกลหลุมพลังล้อมรอบไว้ จากนั้นจึงได้เรียกศิลากลั่นวิญญาณก้อนใหญ่ออกมาวางไว้ข้างกายหญิงสาว
  “นับจากนี้ไปเจ้าต้องนั่งฝึกวิชาอยู่บนไม้กระดานนี่ เพื่อเตรียมตัวสำหรับเข้ารับทัณฑ์สวรรค์ในคืนนี้ นี่คือไม้มังกรที่มีพลังชีวิตธาตุไม้ เหมาะกับธาตุในกายใจเจ้า..”   เหมี่ยวเสี่ยวเหมาถึงกับเม้มริมฝีปากแน่นพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย นางคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะพานางมาที่นี่เพื่อฝึกวิชา และนางก็คิดเป็นอย่างอื่นไปก่อนแล้ว
  “เสี่ยวเหมาหากเจ้าไม่สามารถยับยั้งขั้นพลังไว้ได้ และเผลอทะลวงเข้าสู่ด่านต่อไปแล้ว ก็อย่าได้กังวลใจไป แล้วข้าจะปกป้องเจ้าในยามที่ต้องรับทัณฑ์สวรรค์เอง!”
  “คราวนี้เห็นหรือยังว่าข้ามิได้คิดร้ายต่อเจ้าเลยแม้แต่น้อย!”
  หลังจากแสร้งทำเป็นต่อว่าด้วยน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจไปแล้วหลิงหยุนก็ได้ปลดปล่อยเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยาง ออกมาห่อหุ้มร่างกายของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาไว้
  “เจ้าฝึกวิชาไปส่วนข้าจะไปจัดการกับสมุนไพรชีฉียู่ก่อน!”
  หลังจากที่ร้องบอกเหมี่ยวเสี่ยวเหมาแล้วหลิงหยุนก็ได้พุ่งไปยังทุ่งหญ้าสมุนไพรชีฉียู่กลางหุบเขาทันที!   “ไม้มังกรค่ายกลหลุมพลัง ศิลากลั่นวิญญาณ แล้วยังเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางอีกงั้นรึ! โอ้โห! แทบไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ!”
  หลังจากที่หลิงหยุนจากไปแล้วเหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็หันมองไปรอบกาย พร้อมกับกรีดร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ หญิงสาวรีบเรียกดักแด้ทองคำออกมาทันที และให้เจ้าทองอ้วนได้อาบเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางไปพร้อมกับนางด้วย ในระหว่างที่นางต้องเตรียมตัวเพื่อรับทัณฑ์สวรรค์คืนนี้
  ……
  “ช่างเป็นทุ่งหญ้าที่เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตจริงๆ!”
  หลิงหยุนถึงกับต้องอุทานออกมาหลังจากที่กลับเข้าไปในกลางหุบเขาอีกครั้ง ครานี้เขามีเวลาที่จะเดินสำรวจทุ่งสมุนไพรชีฉียู่อย่างละเอียด จึงได้พบว่าสมุนไพรชีฉียู่ทุกต้นภายในหุบเขาแห่งนี้ ล้วนมีพลังชีวิตที่เข้มข้นมากกว่าสมุนไพรชีฉียู่ที่อยู่ในเมืองจิงฉู..
  แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของสถานที่แต่หลิงหยุนกลับพบว่า นั่นหาใช่เหตุผลหลักไม่ แต่เป็นเพราะพืชพรรณอื่นๆที่ขึ้นล้อมรอบต่างหากเล่า อีกทั้งบริเวณทุ่งหญ้าสมุนไพรชีฉียู่นี้ ก็อยู่ห่างจากอารามซือโหยวไปไม่ไกลนัก
  “จะอย่างไรก็ช่างเถิด..ข้าคงต้องรีบเก็บเกี่ยวสมุนไพรชีฉียู่เต็มวัยเหล่านี้กลับไป เพื่อจะได้นำไปหลอมกลั่นเป็นโอสถชีฉียู่ต่อไป..”
  หลิงหยุนจัดการใช้พลังเหนือธรรมชาติของตนถอนต้นสมุนไพรชีฉียู่ที่โตเต็มวัย เข้าไปเก็บไว้ในแหวนของตนอย่างรวดเร็ว
  หลังจากเก็บเกี่ยวต้นที่โตเต็มวัยไปแล้วหลิงหยุนก็ได้ใช้วิชาพฤกษาขจีเร่งการเจริญเติบโตของต้นที่เหลืออยู่ เมื่อโตเต็มวัยแล้ว เขาก็ได้จัดการถอนออกมา และนำเข้าไปเก็บไว้ในแหวนอีกเช่นกัน
  หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ได้ทำการดูดซับเอาพลังชีวิตที่ยังเหลืออยู่ในค่ายกลหลุมพลังเข้าไปในร่างจนหมด จากนั้น จึงได้ทำการถอนค่ายกล และนำหินพลังชีวิตเข้าไปเก็บในแหวนดังเดิม  “เรียบร้อย!”
  หลิงหยุนเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร