Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1620

บทที่ 1620 เทพแห่งธาตุไม้
  “ที่แท้ก็เป็นทัณฑ์เมฆาฟ้าครามหรอกรึ”
  หลิงหยุนพึมพำพร้อมกับยิ้มออกมา“เสี่ยวเหมา ดูท่าสวรรค์คงจะเมตตาเจ้าไม่น้อยทีเดียว !”
  ทัณฑ์เมฆาได้เริ่มปรากฏขึ้นบางๆเหนือศรีษะของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่นางเริ่มรวบรวมพลังปราณเพื่อทะลวงเข้าสู่ขั้นซื่อเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-4) และหลังจากที่ทะลวงขั้นได้สำเร็จ ทัณฑ์เมฆาก็ค่อยๆก่อตัวหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
  เวลานี้หลิงหยุนเข้าสู่ขั้นจิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-9) แล้ว และเขาก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวต่อทัณฑ์สวรรค์ซื่อจิ่วเลยแม้แต่น้อย เวลานี้ เขากำลังยืนเงยหน้าจ้องมองการเปลี่ยนแปลงของทัณฑ์เมฆาอยู่เงียบๆ
  เวลานี้ทัณฑ์เมฆาฟ้าครามค่อยๆก่อตัวหนาแน่นขึ้นมาก และขยายเป็นวงกว้างจนครอบคลุมไปทั่วทั้งขุนเขา แต่กลับไม่ปรากฏทัณฑ์เมฆาสีดำให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
  การที่ทัณฑ์เมฆาครามฟ้าปรากฏขึ้นนั้นหมายความเช่นใดย่อมมิมีผู้ใดรู้ดีไปกว่าหลิงหยุน นี่คือทัณฑ์เมฆาธาตุไม้ ที่มีอสุนีบาตธาตุไม้อัดแน่นอยู่ภายใน แต่หากเปรียบเทียบกับทัณฑ์อสุนีบาตห้าธาตุที่หลิงหยุนประสบมาก่อน พลังชีวิตธาตุไม้ภายในอสุนีบาตธาตุไม้นี้ ยังนับว่ามีน้อยกว่าในทัณฑ์อสุนีบาติที่หลิงหยุนได้รับ
  “น่าแปลก!”
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมารำพึงรำพันออกมาในระหว่างที่จ้องมองหมู่มวลเมฆาสีฟ้าครามเบื้องบน พร้อมกับเม้มริมฝีปาก และขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น
  “มีอะไรงั้นรึ”หลิงหยุนรีบเอ่ยถามขึ้นทันที
  “หลิงหยุนเจ้าเคยบอกกับข้าว่า ในการรับทัณฑ์สวรรค์นั้น จะเกิดปรากฏการณ์ที่ทำให้ผู้เข้ารับทัณฑ์สวรรค์รับรู้ได้ถึงแรงกดดันรุนแรงจนน่าขนลุกมิใช่รึ แต่เหตุใดข้าจึงมิได้รู้สึกเช่นนั้นเลยเล่า?”
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเอ่ยบอกหลิงหยุนด้วยสีหน้าท่าทางที่บ่งบอกถึงความประหลาดใจยิ่ง
  “…”
  หลิงหยุนได้แต่นิ่งอึ้งไปและได้แต่คิดในใจว่า ‘เหตุใดเจ้าจึงได้กล่าวเย้ยหยันข้าเช่นนี้ รู้หรือไม่ว่าหลายคนต้องเสียชีวิตในขณะรับทัณฑ์สวรรค์..’
  หลิงหยุนอดที่จะครุ่นคิดถึงทัณฑ์สวรรค์ที่ตนเองเคยได้รับมาแต่ละครั้งไม่ได้และเมื่อเปรียบเทียบกับทัณฑ์สวรรค์ของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเวลานี้ หลงหยุนได้แต่นึกอิจฉาอยู่ในใจ จนไม่อาจเอ่ยอะไรออกมาได้อีก
  แต่ในเมื่อเหมี่ยวเสี่ยวเหมาสงสัยเขาในฐานะปรมาจารย์ผู้ผ่านการรับทัณฑ์สวรรค์มานับครั้งไม่ถ้วน ก็จำต้องอธิบายให้นางฟัง
  “เสี่ยวเหมาเจ้าไม่จำเป็นต้องประหลาดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าการรับทัณฑ์สวรรค์ซื่อจิ่วจะเป็นเสมือนบททดสอบของผู้บ่มเพาะพลัง ที่ผ่านเข้าด่านกลางขั้นพลังชี่จะต้องพบประสบ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะต้องพบเจอบททดสอบชนิดเดียวกัน..”
  “ผู้คนนับพันต่างพบพานความทุกข์ยากแตกต่างกันไป เส้นทางการบ่มเพาะก็เสมือนเส้นทางแห่งชีวิต ที่แต่ละคนต่างก็ต้องเดินไปตามเส้นทางของตนเองที่แตกต่างกันไป นี่ต่างหากคือความหมายของมัน..”
  “อืมม..”
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมาได้แต่พยักหน้าหงึกๆในขณะเดียวกันก็เงยหน้าขึ้นมองท้องนภาเบื้องบน พร้อมกับโคจรพลังปราณไปทั่วร่าง เพื่อกระตุ้นและพยายามให้ตนเองได้รับรู้ถึงแรงกดดันที่ควรจะมี
  และการทำเช่นนั้นก็ยิ่งทำให้จุดซือไห่กลางหว่างคิ้วของหญิงสาว กลั่นหยดเสินหยวนได้รวดเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับไม่สามารถสัมผัสแรงกดดันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
  “ที่เป็นเช่นนี้น่าจะต้องเกี่ยวข้องกับกายาที่มีธาตุไม้บริสุทธิ์ของเจ้า ประกอบกับการฝึกวิชาพฤกษาขจีควบคู่ไปด้วย จึงส่งผลให้เกิดทัณฑ์เมฆาฟ้าคราม..”
  ในระหว่างที่หลิงหยุนอธิบายนั้นทัณฑ์เมฆาก็ค่อยๆ เคลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆ
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมาจ้องมองทัณฑ์เมฆาฟ้าครามเหนือศรีษะที่กำลังกระเพื่อมขึ้นลงประหนึ่งคลื่นในท้องทะเล ไม่นานนัก กลุ่มเมฆาเหล่านั้นก็ได้รวมตัวกัน กลายเป็นต้นไม้ยักษ์สีฟ้าครามปกคลุมทั่วท้องนภาเบื้องบน!
  หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจดูและพบเห็นความผิดปกติบางอย่างขึ้นในทันที เขาเงยหน้าจ้องมองทัณฑ์เมฆารูปต้นไม้ใหญ่แน่นิ่ง ลำต้นขนาดใหญ่ของมันมีเส้นผ่าศูนย์กลางนับสิบเมตร และมีความสูงถึงหนึ่งกิโลเมตรเป็นอย่างน้อย ส่วนกิ่งก้านสาขาที่ขยายออกไปนั้น ก็กว้างใหญ่จนสามารถปกคลุมภูเขาทั้งลูกไว้ได้อย่างมิดชิด!
  กิ่งก้านสาขาที่ขยายออกจากลำต้นขนาดใหญ่นั้นก็คืออสุนีบาตสีฟ้าครามเส้นใหญ่ และเล็กประกอบกันอยู่มากมาย ในขณะที่ใบดกหนานั้นเกิดจากทัณฑ์เมฆาหลายลูกที่กระจัดกระจายกันอยู่
  เวลานี้หลิงหยุนเหาะขึ้นไปยืนอยู่บนยอดเขา และใช้จิตหยั่งรู้ของตนสำรวจลงมาจากที่สูง แต่นั่นกลับยิ่งทำให้เขาตกอกตกใจยิ่งกว่าเดิม
  นั่นเพราะการขึ้นไปอยู่บนที่สูงเช่นนั้น และมองออกมาจากที่ไกลๆ กลับทำให้หลิงหยุนสามารถเห็นต้นไม้ยักษ์นี้กำลังเจริญเติบโต และขยายกิ่งก้านสาขาปกคลุมภูเขาลูกใหญ่นี้ทั้งลูกไว้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว
  แต่แล้วจู่ๆร่างของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็ลอยขึ้นจากผืนดิน เสื้อผ้าของนางโบกสะบัดไปมา ในระหว่างที่ลอยขึ้นไปกลางอากาศ
  หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบใช้เท้าวิเศษเทียนจู๋ทง ก้าวออกจากรัศมีปกคลุมของต้นไม้ยักษ์ในทันที ในขณะที่ปากก็ร้องตะโกนบอกหญิงสาว
  “เสี่ยวเหมาอย่าได้ตกอกตกใจหรือเป็นกังวล! เจ้ารีบใช้วิชาพฤกษาขจีเร็วเข้า”
  ในระหว่างที่ทัณฑ์เมฆายังมิได้ทำงานหลิงหยุนจึงได้รีบบอกเล่าประสบการณ์การรับทัณฑ์สวรรค์ของตนเองให้กับเหมี่ยวเสี่ยวเหมาฟัง เพื่อให้นางได้ใช้เป็นแนวทาง และนำไปประยุกต์ใช้ในการรับทัณฑ์สวรรค์ธาตุไม้ของตนเอง และเพื่อมิให้นางต้องตื่นตระหนกตกใจอีกด้วย
  “ข้าเข้าใจแล้วหลิงหยุน!เวลานี้ข้าสบายดี และสัมผัสได้ว่าภายใต้ต้นไม้ยักษ์นี้ มีพลังธาตุไม้บริสุทธิ์อัดแน่นอยู่เต็มไปหมด..”
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมาสัมผัสได้ถึงความห่วงใยของหลิงหยุนนางจึงได้รีบตอบกลับไปในทันที และเวลานี้ร่างของหญิงสาวก็ค่อยๆลอยสูงขึ้นไปเรื่อยๆ และในที่สุดก็พุ่งผ่านส่วนที่เป็นราก ขึ้นไปจนถึงยอดไม้ด้านบน!
  เปรี้ยง!
  จากนั้นอสุนีบาตสีฟ้าครามก็ได้พุ่งลงมา และฟาดเข้าใส่ร่างของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาอย่างรวดเร็วและรุนแรง จนร่างของนางถึงกับแกว่งไปมาอยู่กลางอากาศ ก่อนจะร่วงตกลงไปอยู่กลางลำต้นของทัณฑ์เมฆาไม้ยักษ์นี้!
  ดวงตาของหลิงหยุนจับจ้องอยู่ที่ร่างของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาอย่างไม่ให้คลาดสายตาและในวินาทีที่อสุนีบาตฟาดใส่ร่างของหญิงสาวนั้น เขาก็เห็นว่าร่างของนางได้ร่วงหล่นลงมาอยู่กลางลำต้นเสียแล้ว
  แต่หลังจากที่ร่างของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาตกเข้าไปอยู่ในลำต้นหลิงหยุนก็ไม่สามารถมองเห็นอะไรอีกเลย แม้ว่าจะพยายามใช้ทั้งเนตรหยิน–หยางควบคู่กับตาทิพย์เทียนเอี๋ยนทงแล้วก็ตาม..
  ครืน..ครืน..
  จากนั้นเสียงฟ้าร้องคำรามก็ดังขึ้น..
  “กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วสินะ..”
  เวลานี้หลิงหยุนกำลังยืนอยู่บนยอดเขาอีกลูก และกำลังจ้องมองทัณฑ์เมฆาไม้ยักษ์อย่างใจจดใจจ่อ ฝ่ามือทั้งสองข้างกำแน่น ดวงตาทั้งสองข้างหรี่ลงด้วยความสงสัย และประหลาดใจ
  แม้แต่ปรมาจารย์ผู้ผ่านการรับทัณฑ์สวรรค์มานับครั้งไม่ถ้วนอย่างเขายังไม่เคยพบเห็นทัณฑ์สวรรค์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อนเลย
  “นี่พ่อหนุ่ม!เจ้าอย่าได้กังวลใจ หรือเป็นห่วงแม่สาวน้อยนั่นมากไปนักเลย ครั้งนี้นับเป็นโอกาสอันดีของนาง และนางจะได้รับประโยชน์จากการรับทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้อย่างมากมายทีเดียว!”
  จู่ๆทั้งพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ และสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพ ต่างก็พากันพุ่งออกมาจากร่างของหลิงหยุนพร้อมกัน และได้กลายร่างเป็นชายชราอยู่ตรงหน้าเขา
  “ไม่เลวทีเดียว!”
  โฉวเปิ่นสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพถึงกับเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“แม้แต่ข้าเองยังคิดไม่ถึงว่า แม่สาวน้อยผู้นั้นจะได้รับโอกาสที่ดีถึงเพียงนี้ ตราบใดที่นางสามารถผ่านการรับทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ไปได้ นางจะเป็นประหนึ่งทายาทของเทพแห่งธาตุไม้เลยทีเดียว!”
  ‘ทายาทของเทพแห่งธาตุไม้งั้นรึ!’
  “…”
  หลิงหยุนได้แต่นิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึง..
  “อาวุโสทั้งสองเสี่ยวเหมาจะได้รับอันตรายหรือไม่”
  สิ่งที่หลิงหยุนกังวลใจมากที่สุดก็คือความปลอดภัยของเหมี่ยวเสี่ยวเหมา
  โฉวเปิ่นสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพทำท่าทางครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าไปมาพร้อมตอบกลับไปว่า
  “ไม่หรอก!หาไม่แล้วนางคงไม่ถูกส่งเข้าไปอยู่ภายในลำต้นเช่นนั้นแน่!”
  “แม่นางผู้นี้มีกายาเป็นธาตุไม้บริสุทธิ์ก็จริงแต่ก็หาได้แข็งแกร่งเท่าใดนัก เป็นเพราะโชคชะตานำพานางให้มาพบกับเจ้า และเจ้าก็ได้ถ่ายทอดวิชาพฤกษาขจีให้กับนาง มิหนำซ้ำยังได้พลังชีวิตจากหลิวเทวะวิญญาณช่วยในการพัฒนาขั้นเช่นนี้..”
  “อีกทั้งก่อนหน้านี้ตัวนางเองก็ได้รับรัศมีพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากรูปปั้นเทพซือโหยว ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในอารามของหมู่บ้าน รัศมีพลังเหล่านั้นได้ปลุกเร้าสายเลือดเผ่าจิ่วหลีโบราณในกายของนางให้ตื่นขึ้น และนี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้นางได้รับความเอ็นดูจากเทพแห่งธาตุไม้..
  หลังจากโฉวเปิ่นกล่าวจบฉางเฟิงพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ก็ได้กล่าวเสริมขึ้น ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มทันที
  “ตราบใดที่แม่นางผู้นี้รับทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงขุนเขาแถบนี้อีกแล้ว พวกเราสองคนจะได้วางใจ และคลายความกังวลใจลงได้บ้าง..”
  หลังจากได้ฟังคำกล่าวของอาวุโสทั้งสองหลิงหยุนก็ได้แต่เฝ้าภาวนาอยู่ในใจว่า ‘เสี่ยวเหมา เจ้าต้องอดทนข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ให้ได้นะ!’

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร