Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1623

บทที่ 1623 มุ่งหน้าสู่เขาคุนหลุน
  หลิงหยุนและเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเหาะกลับไปที่หมู่บ้าน..
  ในเวลานั้นได้เข้าสู่ยามค่ำคืนแล้วทั้งเสี่ยวเจิ้งจี๋และเหมี่ยวเฟิงหวงต่างก็ยังไม่เข้าห้องพักผ่อน และกำลังเป็นห่วงหลานสาวที่กำลังเข้าสู่การรับทัณฑ์สวรรค์
  ในระหว่างที่ท่านหมอเสี่ยวกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะหินด้วยความเป็นห่วงนั้นจู่ๆ ทั้งหลิงหยุนและเหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็ปรากฏกายขึ้นตรงหน้า เขาถึงกับยิ้มออกมาด้วยความดีอกดีดใจ
  พรึบ!
  ทันทีที่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาร่อนลงมาบนพื้นท่านหมอเสี่ยวก็ถึงกับร้องตะโกนถามออกไปด้วยความตื่นเต้น
  “เป็นเช่นใดบ้างเสี่ยวเหมาเวลานี้เจ้าเข้าสู่ขั้นใดแล้ว?”
  แม้ว่าทั้งอาวุโสทั้งสองจะรู้ดีว่ามีหลิงหยุนคอยปกป้องคุ้มครองอยู่ แต่การที่หนุ่มสาวทั้งสองออกจากหมู่บ้านไปตั้งแต่บ่าย จนดึกดื่นป่านนี้ยังไม่กลับ มีหรือที่คนทั้งคู่จะไม่รู้สึกเป็นห่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหมี่ยวเฟิงหวง
  ทั้งเสี่ยวเจิ้งจี๋และเหมี่ยวเฟิงหวงนั้นต่างก็ไม่มีอารมณ์ที่จะมานั่งทานอาหารมื้อเย็น พวกเขาทั้งคู่ต่างก็พากันออกตามหาหลิงหหยุนกับเหมี่ยวเสี่ยวเหมา จนในที่สุดก็พบสถานที่ที่หญิงสาวรับทัณฑ์สวรรค์
  สำหรับเหมี่ยวเฟิงหวงแล้วเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเป็นหลานสาวที่นางรักใคร่ยิ่ง และเฝ้าทะนุถนอมเลี้ยงดูมานานหลายปี จึงไม่แปลกที่นางจะเป็นห่วงมากมายถึงเพียงนี้
  หลังจากที่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาสามารถทะลวงขั้นสำเร็จได้ไม่นานก่อนที่จะเกิดทัณฑ์อสุนีบาตขึ้น ก็ได้ปรากฏทัณฑ์เมฆาฟ้าคราม ที่ได้กลายเป็นต้นไม้ใหญ่ แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมไปทั่วทั้งขุนเขาในเวลาต่อมา
  ในขณะที่ชาวบ้านทั่วไปอาจเห็นเป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์บางอย่างแต่สำหรับเสี่ยวเจิ้งจี๋กับเหมี่ยวเฟิงหวงนั้น ย่อมรับรู้ได้ว่าสิ่งนี้เกี่ยวพันกับการรับทัณฑ์สวรรค์ของหลานสาวตน
  ทันทีที่จิตวิญญาณพืชพรรณปรากฏขึ้นเหมี่ยวเฟิงหวงถึงกับต้องเหาะหนีกลับมา อีกทั้งท่านหมอเสี่ยวก็เห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่พวกเขาทั้งคู่จะยังอยู่ที่นั่น ไม่เพียงไม่อาจช่วยเหมี่ยวเสี่ยวเหมาได้ แต่ตัวเหมี่ยวเฟิงหวง และตัวเขาเองอาจจะได้รับอันตรายไปด้วยก็ได้
  หลิงหยุนที่ได้เห็นสีหน้าร้อนอกร้อนใจของเหมี่ยวเฟิงหวงก็ได้แต่หัวเราะออกมา ในขณะที่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็ร้องบอกอาวุโสทั้งสองด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
  “ท่านปู่ท่านย่า.. เวลานี้ข้าเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) แล้ว!”
  “ห๊ะ!นี่เจ้า.. เจ้าสามารถทะลวงได้ถึงสามขั้นในคราเดียวเชียวรึ? นี่เจ้ามิได้ล้อข้าเล่นใช่หรือไม่เสี่ยวเหมา?!”
  ดวงตาคู่งามของเหมี่ยวเฟิงหวงเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงมือทั้งสองข้างกำแน่นอย่างลืมตัว และเวลานี้ นางเองก็ตื่นเต้นจนพูดจาแทบไม่เป็นคำ
  “เยี่ยม!เยี่ยมาก!”
  ท่านหมอเสี่ยวเองก็ไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้มากไปกว่านี้เช่นกันเขาหันไปยิ้มให้กับหลิงหยุนด้วยความตื่นเตื่น พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
  “หลิงหยุนเจ้า.. เจ้าคงเหน็ดเหนื่อยมากสินะ! นั่งก่อนเร็วเข้า นั่งลงก่อนแล้วค่อยสนทนากัน..”
  หลิงหยุนพยักหน้ายิ้มๆและรีบนั่งลงทันที ภารกิจในการคุ้มครองเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเข้ารับทัณฑ์สวรรค์ได้สิ้นสุดลงแล้ว ถึงเวลาที่เขาจะต้องจากไปแล้วเช่นกัน แต่ก่อนที่จะไปจากที่นี่ เขายังมีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องทำให้กระจ่างแจ้ง..
  “เสี่ยวเหมาเจ้าบอกย่าที.. เหตุใดจึงได้มีต้นไม้ยักษ์เกิดขึ้น แล้วเหตุใดจู่ๆจึงได้หายไปเช่นนั้น?”   เหมี่ยวเฟิงหวงไม่รอช้ารีบหันไปถามหลานสาว พร้อมกับจับไหล่ทั้งสองข้างของนางไว้แน่น
  “ท่านย่าได้ร้อนใจไปข้าจะค่อยๆเล่าให้ท่านฟัง..”
  “ท่านย่าเหมี่ยวได้โปรดนั่งลงก่อนเถิด..”หลิงหยุนหันไปบอกกับเหมี่ยวเฟิงหวง พร้อมกับพยักหน้าส่งสัญญาณให้นางนั่งลง
  ระหว่างทางที่เหาะกลับมาที่หมู่บ้านนั้นหลิงหยุนได้กำชับกับเหมี่ยวเสี่ยวเหมาผ่านทางกระแสจิตว่า นางสามารถเล่าเรื่องการรับทัณฑ์สวรรค์ให้เหมี่ยวเฟิงหวงฟังได้ทุกขั้นตอน เว้นเพียงแค่เรื่องของจิตวิญญาณพืชพรรณเท่านั้น
  “เอ่อ..ได้ๆ” เหมี่ยวเฟิงหวงหน้าแดงเล็กน้อย เมื่อถูกหลิงหยุนทักท้วงเช่นนั้น นางจึงรีบทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่ทันที
  ในขณะที่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็ทรุดกายลงนั่งเช่นกันและเริ่มเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้อาวุโสทั้งสองฟังทันที  “หลังจากที่ข้าออกจากเขตหมู่บ้านไปพวกเราทั้งคู่ก็ไปยังหุบเขาที่มีหญ้าสมุนไพรชีฉียู่ปกคลุม..”
  ส่วนหลิงหยุนนั้นก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากเล่าเหตุการณ์ระหว่างการรับทัณฑ์สวรรค์ให้กับเหมี่ยวเฟิงหวง และเสี่ยวเจิ้งจี๋ฟังอย่างช้าๆ แต่เมื่อเล่ามาถึงเรื่องของจิตวิญญาณพืชพรรณ หลิงหยุนก็ได้บอกกับทั้งคู่ว่า
  “สำหรับต้นไม้ใหญ่ที่อาวุโสทั้งสองเห็นว่าใหญ่โตเชื่อมต่อกับผืนนภานั้นเป็นเพียงทัณฑ์เมฆาชนิดหนึ่ง หลังจากที่เสี่ยวเหมารับทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ ก็ย่อมต้องอันตรธานหายไปเป็นธรรมดา..”
  “อ่อ..เป็นเช่นนั้นเองหรอกรึ!”
  เหมี่ยวเฟิงหวงพึมพำออกมาพร้อมกับพยักหน้าแต่ถึงกระนั้น นางก็ยังคงมีสีหน้าท่าทางลังเลสงสัย นางรู้สึกว่าคำบอกเล่าของหลิงหยุนนั้น ช่างดูธรรมดา และปกติจนเกินไป
  จู่ๆก็มีต้นไม้ยักษ์ที่สามารถแผ่กิ่งก้านสาขา จนครอบคลุมภูเขาทั้งลูกไว้ได้เช่นนั้น นับเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์อย่างมาก แต่หลิงหยุนกับเล่าราวกับว่า นี่เป็นเรื่องราวปกติทั่วไป..
  ในที่สุดเหมี่ยวเฟิงหวงก็ไม่สามารถอดรนทนต่อไปได้ นางเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “แต่ว่า.. ต้นไม้ยักษ์เชื่อมต่อกับผืนนภาเช่นนั้น ข้าเองก็ไม่เคยได้พบเห็น หรือได้ยินได้ฟังมาก่อนเลย..”
  “อาวุโส..คนเป็นพันคน ย่อมมีรูปแบบของทัณฑ์สวรรค์นับพันเช่นกัน..”
  หลิงหยุนเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มพร้อมกับอธิบายให้เหมี่ยวเฟิงหวงฟังเพิ่มเติม “อย่าลืมว่ากายของเสี่ยวเหมาคือธาตุไม้ อีกทั้งนางยังฝึกวิชาพฤกษาขจี การที่ทัณฑ์สวรรค์ของนางจะดูแปลกประหลาดเช่นนี้ จึงหาใช่เรื่องมหัศจรรย์อะไรไม่..”
  “และด้วยขั้นพลังบ่มเพาะของข้าเวลานี้ข้าคงจะสามารถอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้เพียงเท่านี้..”
  หลังจากอธิบายจบแล้วหลิงหยุนก็เหลือบมองเหมี่ยวเฟิงหวง พร้อมกับกล่าวตบท้ายเพียงแค่ว่า “ข้าบอกได้คำเดียวว่า ทัณฑ์สวรรค์ครานี้ จะเป็นประโยชน์ต่อเหมี่ยวเสี่ยวเหมาในการฝึกวรยุทธบ่มเพาะในวันหน้ายิ่งนัก..”
  นับเป็นการสรุปที่ดีไม่น้อยแม้หลิงหยุนจะปกปิดบางอย่าง แต่คำสรุปของเขาล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น!
  “เยี่ยม!เยี่ยมมาก!”
  จากที่นั่งฟังหลิงหยุนเล่ามานั้นเสี่ยวเจิ้งจี๋ค่อนข้างมั่นใจว่า หลิงหยุนจงใจปกปิดบางเรื่องไว้ แต่เขาไม่ต้องการที่จะจี้ถาม จึงได้แต่พยักหน้า และเอ่ยขัดขึ้นมาเพื่อมิให้เหมี่ยวเฟิงหวงต้องถามขึ้นมาอีกครั้ง
  “เอาล่ะในเมื่อเสี่ยวเหมาก็ปลอดภัยดีแล้ว อีกทั้งยังรับทัณฑ์สววรค์ได้สำเร็จเช่นนี้ นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีของครอบครัวเรา รายละเอียดบางอย่างอาจเป็นเรื่องที่ทำความเข้าใจได้ยาก เช่นนั้นก็หยุดถามอะไรมากไปกว่านี้จะดีกว่า..”   แน่นอนว่าคำพูดประโยคนี้ของท่านหมอเสี่ยว ตั้งใจที่จะบอกกับเหมี่ยวเฟิงหวงโดยตรง และต้องการเตือนนางว่า หากยังขืนถามไม่หยุดเช่นนี้ อาจจะสร้างความระคายเคืองใจให้กับหลิงหยุนก็เป็นได้
  เห็นได้ชัดว่าในเวลานี้นอกจากสามคนที่เหลือแล้ว เหมี่ยวเฟิงหวงดูร้อนอกร้อนใจ และอยากจะรู้รายละเอียดจนออกนอกหน้า
  “ช่างเถิด!ในเมื่อแม้แต่ท่านหัวหน้าเผ่ายังไม่สามารถอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ก็คงจะมิมีผู้ใดอธิบายได้อีกแล้ว..”
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมาได้แต่ต้องยอมรับอย่างไม่เต็มใจนักและสีหน้าของนางก็บ่งบอกชัดเจนว่ากำลังนึกเสียดายอย่างมาก
  “หลิงหยุนเสี่ยวเหมา.. พวกเจ้าสองคนออกไปกันตั้งแต่บ่าย กลับมาเอาป่านนี้ หิวกันบ้างหรือไม่ล่ะ” ท่านหมอเสี่ยวรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที
  หลิงหยุนหันไปยิ้มกว้างให้กับท่านหมอเสี่ยวพร้อมตอบกลับไปว่า “ข้าไม่หิว.. และที่ข้ามาพบอาวุโสทั้งสองในคืนนี้ นอกจากจะมาบอกเล่าเรื่องการรับทัณฑ์สวรรค์ของเสี่ยวเหมาให้พวกท่านทั้งสองฟังแล้ว..”
  หลิงหยุนหยุดนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมา “ข้ายังต้องการมาร่ำลาอาวุโสทั้งสองด้วย ข้าจำต้องออกเดินทางไปเขาคุนหลุนในคืนนี้แล้ว..”
  “เขาคุนหลุนงั้นรึ!”
  ทั้งสามคนถึงกับร้องอุทานออกมาพร้อมๆกันเพราะคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะมาร่ำลาอย่างกะทันหันเช่นนี้
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมาที่กำลังมีความสุขอย่างมากนั้นจู่ๆ ก็ราวกับถูกจับโยนลงไปในอ่างที่มีน้ำเย็นเฉียบ หลังจากหายตกตะลึง นางก็เปลี่ยนเป็นขุ่นเคืองใจขึ้นมาทันที และถึงกับสะบัดหน้าหนีจนผมยาวนั้นปลิวไสว
  หลิงหยุนรู้ดีว่าตนเองร่ำลาอย่างกะทันหันเช่นนี้ เป็นธรรมดาที่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาจะไม่พอใจ และท่านหมอเสี่ยวที่เห็นกิริยาของหลานสาว ก็ไม่อาจทนนิ่งเฉยอยู่ได้ จึงหันไปบอกกับหลิงหยุนว่า
  “เสี่ยวเหมาเพิ่งจะรับทัณฑ์สวรรค์เสร็จสิ้นขั้นพลังของนางยังไม่เสถียรดีด้วยซ้ำไป เจ้าอยู่ต่ออีกสักสองวันมิได้รึหลิงหยุน อย่างน้อยก็ให้เสี่ยวเหมามีสภาพจิตใจที่หนักแน่นกว่านี้ก่อนจะได้หรือไม่?”
  หลิงหยุนส่ายหน้าไปมาช้าๆพร้อมตอบกลับไปว่า “ขั้นพลังของเสี่ยวเหมาค่อนข้างเสถียรมั่นคงมากแล้ว ข้าได้อธิบายให้นางฟังหมดแล้วว่า หลังจากนี่จะต้องทำเช่นใด และได้กำชับให้นางมุ่งเน้นไปที่การฝึกวิชาพฤกษาขจีให้มาก..”
  หากเหมี่ยวเสี่ยวเหมาผ่านการรับทัณฑ์สวรรค์ดังเช่นคนอื่นทั่วไปหลิงหยุนคงจะต้องอยู่ใกล้ๆ และคอยแนะนำนางมากกว่านี้ แต่เวลานี้ มีจิตวิญญาณพืชพรรณอยู่กลางหว่างคิ้วของนางเช่นนี้ หลิงหยุนจึงไม่จำเป็นต้องกังวลใจแต่อย่างใด
  “ไปเขาคุนหลุน..มีเรื่องด่วนถึงเพียงนั้นเชียวรึ”   หลังจากเห็นสีหน้ามุ่งมั่นของหลิงหยุนเสี่ยวเจิ้งจี๋ก็อดที่จะเอ่ยถามออกไปไม่ได้
  “ด่วนมาก!”
  หลิงหยุนได้แต่พยักหน้าสำหรับเขาแล้ว เรื่องที่เกี่ยวพันกับหนิงหลิงยู่ ล้วนเป็นเรื่องเร่งด่วนทั้งสิ้น! อีกทั้งนี่เป็นเรื่องที่มีเพียงเขาผู้เดียวเท่านั้นที่จะสามารถแก้ไขได้จัดการได้ เขาจึงไม่ต้องการที่จะอธิบายอะไรมากมาย
  “แต่ว่า..ท่านหัวหน้าเผ่า หากท่านจากไปแล้ว ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านเหมี่ยวของเราเล่า”
  เหมี่ยวเฟิงหวงรีบเอ่ยถามขึ้นมาทันทีสายตาของนางเวลานี้ ทอดมองไปยังอารามซึ่งมีรูปปั้นของเทพเจ้าซือโหยวสถิตอยู่
  “ข้าได้คิดหาวิธีจัดการไว้แล้ว..”
  และนี่คือสิ่งที่หลิงหยุนรอคอยเขาลุกขึ้นยืนช้าๆ พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง..
  “นับจากนี้ไปเรื่องราวทั้งหมดภายในเผ่า ขอให้เป็นหน้าที่ของเสี่ยวเหมา อาวุโสได้โปรดมอบหมายภาระหน้าที่ทั้งหมดที่เคยทำให้กับเสี่ยวเหมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องการนำชาวบ้านขึ้นไปสักการะเทพเจ้าซือโหยว ข้อให้อยู่ในดุลย์พินิจของเสี่ยวเหมาทั้งหมด!”
  “ที่สำคัญ..ขอให้ยกเลิกพิธีกรรมต่างๆ ที่ชนเผ่าเหมี่ยวเคยทำมาทั้งหมดไว้ชั่วคราวก่อน จนกว่าข้าจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง”
  ระหว่างที่พูดนั้นดวงตาทั้งคู่ของหลิงหยุน ก็จับจ้องอยู่ที่ดวงตาของเหมี่ยวเฟิงหวง และน้ำเสียงของเขาที่ใช้พูดนั้น ก็บ่งบอกชัดเจนว่านี่คือการออกคำสั่ง หาใช่การขอความร่วมมือ..
  “ท่านหัวหน้าเผ่าแต่ว่า..”
  หลังจากที่ได้ยินคำสั่งของหลิงหยุนเหมี่ยวเฟิงหวงถึงกับตัวแข็งไปครู่หนึ่ง สีหน้าของนางเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวรุนแรง บ่งบอกว่านี่คือคำสั่งที่นางยากที่จะยอมรับได้
  “ข้ารู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ท่านย่าเหมี่ยวคงยากที่จะยอมรับได้ แต่ข้าได้ตัดสินใจแล้ว..”
  จากนั้นหลิงหยุนก็กล่าวต่อทันที โดยมิเปิดโอกาสให้เหมี่ยวเฟิงหวงได้โตแย้ง “หากท่านย่าเหมี่ยวเชื่อฟังคำสั่งของข้า ข้าก็จะยอมรับตำแหน่งหัวหน้าเผ่าเหมี่ยวต่อไป..”
  หลิงหยุนหยุดยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วจึงกล่าวต่อ “แต่หากอาวุโสไม่เชื่อฟังคำสั่งของข้า ข้าหลิงหยุน.. ก็จะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก!”
  “เอ่อ..”
  เหมี่ยวเฟิงหวงถึงกับนิ่งอึ้งไปใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ก่อนจะรีบระล่ำระลักตอบหลิงหยุนกลับไปทันที
  “ท่านหัวหน้าเผ่าข้า.. ข้ายินดีเชื่อฟังคำสั่งของท่าน! เพียงแต่..”
  หลังจากนิ่งไปเล็กน้อยในที่สุดเหมี่ยวเฟิงหวงก็ให้เหตุผลว่า “เสี่ยวเหมาเพิ่งจะอายุสิบเก้าปีเท่านั้นเอง อีกทั้งยังต้องมุ่งมั่นกับการฝึกบ่มเพาะพลัง หากปล่อยให้นางดูแลจัดการเรื่องภายในเผ่า ข้าเกรงว่า…”
  “ท่านย่า..ข้าเองก็เพิ่งจะอายุสิบแปดเท่านั้น!”
  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขัดขึ้นทันที เขายิ้มกว้างพร้อมกับหันไปทางเหมี่ยวเสี่ยวเหมาที่กำลังตกอกตกใจอยู่เช่นกัน จากนั้นจึงหันไปเอ่ยกับเสี่ยวเจิ้งจี๋ และเหมี่ยวเฟิงหวงด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
  “เอาล่ะ..ท่านปู่เสี่ยว ท่านย่าเหมี่ยว ข้าว่าคืนนี้พวกท่านทั้งสองน่าจะอยู่กันในห้องสองต่อสอง ช่วยกันฝึกฝนวิชาต่อเนื่องกันสักสองสามคืน..”
  “หลิงหยุน!นี่เจ้ากล่าวอันใดออกมา!” เหมี่ยวเสี่ยวเหมาถึงกับหน้าแดง และรีบหันหน้าหนีทันที
  ส่วนท่านหมอเสี่ยวก็ได้แต่กระแอมออกมาด้วยความเก้อเขินแต่ก็แอบมองหลิงหยุนด้วยแววตาซาบซึ้งใจ!
  สำหรับหลิงหยุนแล้วใครจะเป็นผู้ดูแลเผ่าเหมี่ยวนั้นไม่สำคัญ แต่หากยังปล่อยให้เหมี่ยวเฟิงหวงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องราวภายในเผ่าเช่นนี้ คงยากที่ท่านหมอเสี่ยวจะสามารถใช้เวลาอยู่กับนางสองต่อสองได้อีก..
  “ข้าลาก่อน..”
  ก่อนที่ทั้งสามคนจะทันได้รู้ตัวร่างของหลิงหยุนก็ได้หายวับไปแล้ว เขาใช้ก้าววิเศษเทียนจู๋ทงก้าวเดินออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ปากก็ร้องตะโกนกลับมาว่า
  “เสี่ยวเหมาสิ่งที่ข้าติดค้างเจ้าในครั้งนี้ กลับมาครั้งหน้า ข้าย่อมต้องตอบแทนเจ้ากลับคืนแน่!”
  ��

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร