Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1635

บทที่ 1635 ฉินจิวยื่อโกรธเกรี้ยวอย่างมาก
  หากจำเป็นเจ้าสามารถลงมือสังหารนางได้เลย..
  ความจริงแล้วฉินจิวยื่อต้องการบอกหลิงหยุนเช่นนี้ แต่เพราะหนิงหลิงยู่เป็นลูกในไส้ของนาง และในเวลาที่จิตใจเจ็บปวดเช่นนี้ จึงยากที่นางจะเอ่ยประโยคเหล่านี้ออกจากปากได้
  หลิงหยุนเองก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจในสิ่งที่นางฉินจิวยื่อต้องการสื่อนางมอบอำนาจในการกำหนดชะตากรรมของหนิงหลิงยู่ไว้ในมือของเขา เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องรู้สึกกังวลใจ
  ด้วยเหตุนี้หลิงหยุนจึงได้ลุกขึ้นยืน และหันหน้าไปทางฉินจิวยื่อผู้เป็นมารดา ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของนางแน่นิ่ง จากนั้น ทั้งคู่ต่างก็ยิ้มให้กันอย่างมั่นอกมั่นใจ
  “ท่านแม่กล่าวหนักเกินไปได้โปรดวางใจ ข้าจะมิทำให้เรื่องราวต้องไปถึงจุดนั้นเป็นแน่!”   “แต่ก่อนที่ข้าจะออกเดินทางข้ามีคำขอเล็กน้อย ท่านแม่ได้โปรดอนุญาตให้ข้าเป็นกรณีพิเศษด้วยเถิด!”
  เวลานี้ฉินจิวยื่อที่เฝ้าเป็นกังวลมานานหลายวัน หลังจากที่ได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับหายนะที่เกิดขึ้นกับสำนักต่างๆ บนเทือกเขาคุนหลุน ท้ายที่สุด ต้องตัดสินใจมอบชะตากรรมของหนิงหลิงยู่ผู้เป็นบุตรสาว ให้อยู่ในเงื้อมือของหลิงหยุน หลังจากเอ่ยออกไปแล้ว น้ำตาของนางก็ได้ร่วงริน หยดลงพื้นประหนึ่งไข่มุกที่แตกสลาย
  แต่เมื่อได้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจและได้ยินคำพูดปลอบประโลมจากหลิงหยุนผู้เป็นบุตรชาย ฉินจิวยื่อจึงได้รู้สึกโล่งอกขึ้นบ้าง
  หาใช่เพราะฉินจิวยื่อมีจิตใจที่แข็งแกร่งหรือหนักแน่นแต่อย่างใดไม่ แต่เป็นเพราะนางได้เห็นความแข็งแกร่ง และความสามารถในการต่อสู้ของหลิงหยุนกับตาตัวเอง เมื่อครั้งที่หลิงหยุนบุกเข้าไปช่วยนางที่สำนักกระบี่เทียนซาน ในเมื่อหลิงหยุนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ นางจะไม่เชื่อคำพูดของเขาได้อย่างไรกันเล่า
  ดังนั้นเมื่อนางได้ยินว่าหลิงหยุนมีคำขอเล็กน้อย นางจึงอดที่ยิ้มออกมาไม่ได้ และตอบหลิงหยุนกลับไปว่า
  “เด็กโง่!แม้แต่ชีวิตของหลิงยู่ข้าก็มอบให้เจ้าไปแล้ว ยังจะมีคำขอใดที่หนักหนากว่านี้อีกเล่า เอาล่ะ เจ้ามีคำขอใดก็ว่ามาเถิด..”
  หลิงหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่จากนั้นจึงยกมือขึ้นเกาศรีษะ พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน
  “ท่านแม่..หากคืนนี้ข้ากับหลิงยู่เผชิญหน้ากัน แน่นอนว่าต้องเป็นการต่อสู้ปะทะกันอย่างรุนแรง ในเวลานี้ จิตวิญญาณในร่างก็เป็นจิตวิญญาณของเทพธิดาองค์นั้น แน่นอนว่าคงแทบหาข้อบกพร่องของนางไม่ได้..”
  ฉินจิวยื่อได้แต่พยักหน้าพร้อมตอบกลับไปว่า “ย่อมต้องเป็นเช่นนั้นอยู่ แล้วอย่างไรต่องั้นรึ”   “อารมณ์ความรู้สึกและความโกรธเกรี้ยว..”
  “เป็นเพราะนางจะเป็นเทพธิดาเป็นเพราะนางไม่แยแสต่อโลก ข้าจึงจำเป็นต้องหาหนทางปลุกความโกรธในใจของนาง และจะยิ่งดีที่สุด หากสามารถทำให้นางสูญเสียการควบคุมทางอารมณ์ได้ ถึงเวลานั้น ข้าอาจมีโอกาสได้ผู้ช่วยเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนในทันที..”
  “ช่างเป็นวิธีที่ดีเยี่ยม!หยุนเอ๋อ เจ้าช่างเฉลียวฉลาดนัก!”
  หลังจากได้ฟังแผนการของหลิงหยุนฉินจิวยื่อถึงกับเอ่ยชมออกมา พร้อมกับจ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาชื่นชม แต่แล้วนางก็อดที่จะเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัยไม่ได้
  “หยุนเอ๋อเมื่อครู่เจ้าบอกว่า อาจได้ผู้ช่วยเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน มันหมายความเช่นใดกัน”
  “ข้าหมายถึงหลิงยู่อย่างไรเล่าท่านแม่!”
  หลิงหยุนอธิบายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“ท่านแม่อย่าลืมว่า ภายในร่างนั้นมีจิตวิญญาณอยู่สองดวง ไม่ว่าจิตวิญญาณของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะแข็งแกร่งเพียงใด จิตวิญญาณของอีกฝ่ายก็จะอยู่ในระดับเดียวกัน ตราบใดที่จิตวิญญาณของเทพธิดาองค์นั้นสูญเสียการควบคุม หลิงยู่ย่อมมีโอกาสที่จะสะกัดกั้นจิตวิญญาณของนางไว้ได้เช่นกัน..”
  ฉินจิวยื่อถึงกับนิ่งไปด้วยความตกตะลึงและต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าที่นางจะรวบรวมสติได้ นางถึงกับยิ้มออกมาพร้อมกับปรบมือ และร้องอุทานเสียงดัง
  “ข้าเข้าใจแล้ว!”
  “หยุนเอ๋อรีบบอกข้ามาเร็วเข้า เจ้าจะใช้วิธีใดยั่วยุอารมณ์ของนาง”
  “เอ่อ..”
  หลิงหยุนถึงกับอ้ำอึ้งมิกล้าเอ่ยตอบ..
  “พูด!”ดวงตาคู่งามของฉินจิวยื่อจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของหลิงยุน พร้อมกับร้องตะโกนสั่งเสียงห้วน  “นางเป็นถึงเทพธิดาสิ่งที่จะทำให้นางขุ่นเคืองใจได้มากที่สุด คงจะไม่พ้นการถูกลวนลามทำให้ได้รับความอับอาย ข้ามั่นใจว่าวิธีนี้ต้องได้ผลอย่างแน่นอน..”
  ในที่สุดหลิงหยุนจำต้องเอ่ยบอกแผนการภายในใจออกไปให้ฉินจิวยื่อล่วงรู้
  “เรื่องเล็กน้อยเพียงแค่นี้เองหรอกรึ”
  หลังจากรอฟังว่าจะมีแผนใดต่อหรือไม่แต่หลิงหยุนกลับยังคงนิ่งเงียบ ฉินจิวยื่อจึงได้แต่เอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงง
  “หยุนเอ๋อ..นี่เป็นการการต่อสู้ด้วยจิตวิทยา ข้าเองเข้าใจดี เพียงแต่.. หลังจากเจ้าทำให้นางได้รับความอับอายแล้ว จากนั้นเล่า เจ้าคิดจะทำเช่นใดหลังเหตุการณ์ทั้งหมดสิ้นสุดลง”
  หลิงหยุนได้แต่ยิ้มกระอักกระอ่วนก่อนจะตอบกลับไปว่า “จะให้ข้าทำเช่นใดได้ท่านแม่ นางเป็นน้องสาวของข้า..”
  “ท่านแม่ท่านตอบข้ามาก่อนว่า ท่านเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยกับวิธีของข้า”
  ฉินจิวยื่อยกมือขึ้นตบบ่าหลิงหยุนอย่างแรงพร้อมกับเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงดุดัน “เจ้าเด็กแสบ ขืนเจ้ายังแสร้งทำเป็นตีหน้าซื่อต่อไป ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งเดี๋ยวนี้ล่ะ!”
  “….”
  หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่าแม่ทำร้ายลูกเช่นนี้ ข้ายังจะทำอะไรได้อีกเล่า
  แต่หากนางลงมือทำร้ายเขาจริงๆเขาเกรงว่านางจะเจ็บมือเสียเปล่าๆ และเวลานี้ ฉินจิวยื่อก็กำลังกระหน่ำฟาดฝ่ามือลงไปบนร่างของหลิงหยุน หลายต่อหลายครั้งจนกระทั่งเหนื่อยหอบ แล้วจึงเอ่ยถามออกไปว่า
  “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงทุบตีเจ้า”
  “หากท่านแม่อยากจะทุบตีข้าเหตุใดข้ายังต้องถามหาเหตุผลอีกเล่า” หลิงหยุนเอ่ยตอบไปตามความจริง
  “นี่เจ้าจะยั่วโมโหข้าพอหรือยังหยุนเอ๋อ”
  ฉินจิวยื่อร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวพร้อมกับเอ่ยถามออกไปตามตรง “หยุนเอ๋อ.. เจ้าตอบข้ามา! หลังจากช่วยหลิงยู่ได้แล้ว เจ้าคิดหรือไม่ว่า นางยังจะแต่งงานกับชายใดได้อีก”
  ฉินจิวยื่อใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากของหลิงหยุนจนหน้าหงายก่อนจะเอ่ยต่อว่า “หยุนเอ๋อ ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน! หากเจ้าไม่แต่งงานกับนาง ข้าจะยกนางให้กับชายที่คิดว่าเหมาะสม ถึงเวลานั้น เจ้าก็อย่ามานั่งเสียอกเสียใจก็แล้วกัน!”
  “หากวันหน้าข้าได้พบกับแม่แท้ๆของเจ้าข้าจะเล่าเรื่องนี้ให้นางฟัง ถึงตอนนั้น ข้าอยากจะรู้นักว่า นางจะจัดการกับลูกชายตัวแสบอย่างเจ้าเช่นใด”
  “คราวนี้ตอบข้ามาได้แล้วอย่าได้แกล้งทำเป็นตีหน้าซื่ออีก..”
  ดูเหมือนครั้งนี้ฉินจิวยื่อจะโกรธหลิงหยุนมากจริงๆเพราะนับแต่เล็กจนโตมา นี่เป็นครั้งแรกที่นางดุหลิงหยุนรุนแรงถึงเพียงนี้!
  เวลานี้หลิงหยุนได้แต่นั่งหน้าซีดขาว และตกใจกลัวจนแทบไม่กล้าหายใจ แต่นั่นกลับทำให้เขายิ่งมั่นใจต่อแผนการในคืนนี้อย่างมาก
  และดูเหมือนการยั่วให้ผู้หญิงโกรธจนควบคุมอารมณ์ไม่ได้จะเป็นเรื่องที่สนุกไม่น้อยทีเดียว
  ฉินจิวยื่อตวาดหลิงหยุนต่อทันที“เพราะเหตุใด หรือบุตรสาวของข้าไม่งดงามพองั้นรึ? หรือเพราะหลิงยู่ไม่ดีต่อเจ้า?”
  “หึ!อย่าหาว่าข้าโอ้อวดเลยนะ หญิงสาวที่เจ้าควงอยู่มากมายเวลานี้ มีผู้ใดเทียบกับหลิงยู่ของข้าได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หรือว่าหน้าตา อ่อ.. เห็นจะมีแม่นางซิงเฉินผู้เดียวเท่านั้น ที่พอจะเทียบกับหลิงยู่ของข้าได้..”
  หลังจากนิ่งฟังคำพูดของฉินจิวยื่อมาครู่ใหญ่หลิงหยุนก็อดที่จะโต้เถียงกลับไปไม่ได้ “แต่ท่านแม่.. หลิงยู่เป็นน้องสาวของข้านะ!”
  คำพูดประโยคนี้ของหลิงหยุนยิ่งทำให้นางฉินจิวยื่อเดือดดาลมากยิ่งขึ้น นางตวาดหลิงหยุนกลับไปเสียงดัง  “น้องสาวอะไรกันหยุนเอ๋อ เจ้าอย่าได้พูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระเช่นนี้อีก!”
  “นางกับเจ้ามีสายเลือดเดียวกันเมื่อใดพวกเจ้าสองคนล้วนต่างสายเลือดกัน เพียงแค่เติบโตขึ้นมาด้วยกันเท่านั้น! ข้ายอมรับว่าเป็นเรื่องดี ที่พวกเจ้าสองคนรักกันดั่งพี่น้อง แต่อย่าได้นำเรื่องนี้มาปะปนกับเรื่องของหัวใจ อย่านำเหตุผลข้อนี้มาหลอกตัวเอง..”
  “หยุนเอ๋อข้าจะบอกกับเจ้าให้รู้ไว้! หลิงยู่ไม่เคยเห็นเจ้าเป็นเพียงแค่พี่ชายมานานมากแล้ว เจ้าเคยรู้บ้างหรือไม่ว่า ในหัวใจของเด็กสาวผู้นี้ มีแต่เจ้าเพียงผู้เดียวมาโดยตลอด”
  “หึ!เจ้าเฝ้าหมั่นเพียรฝึกฝนบ่มเพาะพลังจนแข็งแกร่งกว่าผู้ใด เวลานี้สามารถเข้าสู่ขั้นจิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-9) อุตส่าห์ได้ดวงตาเทวะเทียนเอี๋ยนทงมา แต่กลับเปล่าประโยชน์ เรื่องเพียงแค่นี้เจ้ากลับมองไม่ทะลุ..”
  ในเมื่อเริ่มแล้วดูเหมือนฉินจิวยื่อจะไม่สามารถหยุดได้ คำพูดมากมายพรั่งพรูออกมาใส่หน้าหลิงหยุนไม่หยุด  หลิงหยุนถึงกับเหงื่อเปียกโชกไปทั่วทั้งหน้าผากและลำตัวและได้แต่แอบคิดในใจว่า ‘ท่านแม่ นี่พวกเรากำลังปรึกษาเรื่องจะปราบจิตวิญญาณเทพธิดาอยู่มิใช่รึ เหตุใดเป้าโจมตีกลับเปลี่ยนมาเป็นข้าแทนได้เล่า?’
  ดูเหมือนฉินจิวยื่อจะมิสามารถหยุดได้จริงๆนางยื่นคำขาดกับหลิงหยุนว่า..
  “หยุนเอ๋อ!เจ้าฟังคำพูดของข้าไว้ให้ดี หากมิสามารถช่วยหลิงยู่ได้ ข้าจะถือซะว่าเป็นชะตากรรมของนาง! แต่หากเจ้าช่วยนางได้ เจ้าจะต้องแต่งงานกับนาง หาไม่แล้ว ด้วยวิธีของเจ้า ยังจะมีชายใดต้องการแต่งนางเป็นภรรยาอีกเล่า!”
  “แต่หากเจ้ายังตัดความรู้สึกเป็นพี่เป็นน้องกับนางไม่ได้ข้าก็จะตัดความสัมพันธ์แม่ลูกกับเจ้าตั้งแต่วันนี้ และจะจัดการย้ายชื่อของเจ้าในทะเบียนบ้านกลับไปตระกูลหลิงโดยเร็ว เช่นนี้ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องระหว่างเจ้ากับหลิงยู่ ถือว่าเป็นอันสิ้นสุด..”
  “จากนั้นข้าจะไปตระกูลหลิงเจรจากับพ่อของเจ้าเรื่องการแต่งงาน ข้าอยากจะรู้เช่นกันว่า มีผู้ใดบ้างที่กล้าจะซุบซิบนินทาเรื่องนี้”
  เวลานี้ฉินจิวยื่อดูเหมือนจะกำลังโกรธอย่างมาก นางถึงกับยกมือขึ้นเท้าสะเอว พร้อมกับจ้องหน้าหลิงหยุนด้วยสีหน้าดุดัน
  “ท่านแม่อย่าได้โมโหมากมายเช่นนี้ไปเลย สุขภาพของท่านแม่ยังไม่สู้ดีนักมิใช่รึ”
  หลิงหยุนรีบเดินเข้าไปประคองฉินจิวยื่อกลับไปนั่งสงบสติอารมณ์ทันที และเมื่อได้ยินคำพูดแสดงความเป็นห่วงเป็นใย และน้ำเสียงปลอบประโลมที่อ่อนโยนของหลิงหยุน นางก็ถึงกับหายขุ่นเคืองใจไปได้มากกว่าครึ่ง
  “คำพูดของข้าทั้งหมดเจ้าเข้าใจชัดเจนดีแล้วใช่หรือไม่” ฉินจิวยื่อจ้องมองหลิงหยุนแน่นิ่ง พร้อมกับเอ่ยถามเสียงเบา
  หลิงหยุนได้แต่หัวเราะและตอบกลับไปว่า “ข้าเข้าใจกระจ่างแจ้งดีแล้วท่านแม่!”
  “ในเมื่อเข้าใจเจ้าจะยินดีทำตามหรือไม่”
  “เรื่องนี้แล้วแต่ท่านแม่จะเห็นสมควร..”   “ต้องอย่างนี้สิ!”
  ฉินจิวยื่อยกมือขึ้นตบบ่าหลิงหยุนพร้อมกับยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ พร้อมกับกำชับว่า “เด็กโง่! เจ้าจงจำไว้ให้ดี ภารกิจในครั้งนี้ หาใช่การไปช่วยน้องสาวของเจ้า แต่เป็นการไปช่วยภรรยาของเจ้าต่างหาก!”
  “ในเมื่อนางเป็นภรรยาของเจ้าเจ้าจะลวนลามนางเช่นใดก็ย่อมไม่มีความผิด เจ้าจะทำเช่นใดก็ย่อมได้ ขอเพียงให้จิตวิญญาณเทพธิดาองค์นั้นทนไม่ได้ หนีออกจากร่างของลูกสาวข้าเป็นพอ..”
  “เรื่องราวต่างๆที่จะเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลใจไป ข้าจะเป็นผู้ตัดสินใจแทนเจ้าเอง!”
  ในที่สุดฉินจิวยื่อก็ยิ้มออกมา และหลิงหยุนก็ได้เอ่ยตอบไปว่า
  “ลูกน้อมรับคำสั่งท่านแม่!”
  “ท่านแม่..ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง!”
  “เจ้าว่ามาได้เลย!”   หลิงหยุนลังเลเล็กน้อยแต่แล้วจึงตัดสินใจเอ่ยออกไป..
  “ข้าต้องการเข้าไปฝึกบ่มเพาะพลังภายในสุสานจักรพรรดิฉินซีหวงที่นั่นจะช่วยให้ข้าสามารถพัฒนาขั้นพลังบ่มเพาะได้ในเวลาอันรวดเร็ว ข้ามีเวลาไม่มากนัก..”
  เวลานี้หลิงหยุนเข้าสู่ขั้นจิ่วเฉิงชี่แล้ว เมื่อครู่ที่ผ่านสุสานมา เขาได้ทดลองเปิดจิตหยั่งรู้ของตนเองออกสำรวจ และพบว่าค่ายกลที่จำกัดจิตหยั่งรู้ได้อ่อนกำลังลงไปมาก ความคิดนี้จึงได้ผุดขึ้นมาในหัวของเขา..
  ฉินจิวยื่อยิ้มกว้างพร้อมตอบกลับไปว่า“ก่อนหน้านี้ ท่านตาของเจ้าได้ประกาศแล้วว่า นับจากนี้ไป เจ้าสามารถเข้าออกสุสานจักรพรรดิฉินซีหวงได้ตามสบาย เจ้าอย่าได้กังวลใจไปเลย จะมิมีผู้ใดขัดขวางเจ้าอีก..”
  “เช่นนั้นลูกขออำลาท่านแม่..”
  “เจ้าไปเถิดหยุนเอ๋อ!ข้าจะรอเจ้ากับหลิงยู่อยู่ที่นี่!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร