บทที่ 1638 ค่ายกลปกป้องถูกทำลาย
นับตั้งแต่เมื่อครั้งงานชุมนุมชาวยุทธที่จัดขึ้นในหุบเขาเฟิงเหลยบนเขาหลงหู่เป็นต้นมา หลี่เจี้ยนกังเจ้าสำนักกระบี่คุนหลุน ก็ได้แต่เจ็บปวดรวดร้าวใจมาโดยตลอด..
นั่นเพราะในค่ำคืนนั้นสิ่งที่หลิงหยุนทำลงไป เปรียบประหนึ่งสายฟ้าที่ฟาดลงกลางศรีษะของเขา และทำให้เขารู้สึกราวกับฝันร้ายนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
ในครั้งนั้นหลิงหยุนฝึกฝนบ่มเพาะพลังถึงขั้นพลังชี่ในระดับใดนั้น หลี่เจี้ยนกังเองก็มิอาจรู้ได้ แต่ที่เขารู้มาก็คือ หลิงหยุนยังไม่ผ่านการรับทัณฑ์สวรรค์ซื่อจิ่ว นั่นหมายความว่า หลิงหยุนน่าจะต้องอยู่เพียงแค่ด่านแรกของขั้นพลังชี่ ซึ่งอาจจะเป็นระดับสูงสุดขั้นซานเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-3) ก็เป็นได้
แต่เรื่องนั้นหาได้สำคัญอะไรไม่..
สิ่งที่สร้างความสะพรึงกลัวให้กับเหล่าชาวยุทธในครั้งนั้นก็คือไพ่ในมือของหลิงหยุนที่สามารถหยิบมาใช้ได้อย่างไม่จบไม่สิ้น ทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรกับเขาได้เลยแม้แต่คนเดียว
แม้หลี่เจี้ยนกังจะไม่รู้ว่าสี่ปรมาจารย์ของสำนักเขาหลงหู่นั้นแข็งแกร่งเพียงใดแต่เขาย่อมรู้ถึงความแข็งแกร่งของจางคุนหลุน และหลี่คุนหลุนซึ่งเป็นยอดฝีมือของคุนหลุนได้ดี
ทั้งสองท่านล้วนแล้วแต่เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นจิ่วเฉิงชี่แล้ว!
แต่หลิงหยุนกลับสามารถทำให้ยอดฝีมือจากคุนหลุนทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงกับต้องรีบหนีเอาชีวิตรอดไปเช่นนั้นได้!
ขั้นพลังบ่มเพาะที่แตกต่างกันถึงหกขั้นใหญ่แต่หลิงหยุนกลับสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ผู้ใดยังจะหัวเราะได้อีกเล่า..
ต่อหน้าหลิงหยุนไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใคร มีฐานะสูงส่งเช่นใด ก็ล้วนแล้วแต่ไม่มีความหมายทั้งสิ้น เพราะในค่ำคืนนั้น หากผู้ใดกล้าเอ่ยอะไรออกมา ก็ต้องถูกหลิงหยุนสังหารตายในทันที และพวกเขาจะต้องตายอย่างไร้การจดจำ เพราะไม่มีผู้ใดที่จะกล้าสะสางความแค้นคืนให้
ครั้งนั้นทั้งแต้มของหน่วยนภาหลายสิบล้านแต้ม กระบี่เหิน รวมทั้งสมบัติล้ำค่าอีกหลายอย่างของหลี่เจี้ยนกังเอง รวมถึงของศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนอีกสิบกว่าคน ก็ล้วนถูกหลิงหยุนยึดไปจนหมดเช่นกัน
แต่ถึงแม้จะเจ็บปวดใจเพียงใดหลี่เจี้ยนกังก็ทำได้เพียงแค่อดทนอดกลั้น!
แต่ถึงกระนั้นเมื่อกลับมาถึงสำนักกระบี่คุนหลุนแล้ว ทางคุนหลุนเองกลับมิเคยตำหนิติเตียนเขาในเรื่องนี้ และทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้หลี่เจี้ยนกังรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาได้บ้าง..
หากคุนหลุนต้องการแก้แค้นหลิงหยุนแต่ไม่ยอมส่งยอดฝีมือของคุนหลุนไปจัดการเอง กลับสั่งให้เขาไปลงมือแทนนั้น หลี่เจี้ยนกังก็จะยอมปลิดชีพตัวเองแทน..
นั่นเพราะคนอย่างหลิงหยุนไม่ควรที่จะไปมีเรื่องด้วยอีก!
แต่แล้ว..ราวเจ็ดวันหลังจากนั้น หลิงหยุนก็ได้ข่าวว่า สำนักกระบี่เทียนซานได้ถูกหลิงหยุนถล่ม และทำลายจนสิ้นเพียงแค่ข้ามคืน มิหนำซ้ำ ยอดฝีมือทั้งสี่ที่คุนหลุนส่งไปเล่นงานหลิงหยุน ก็ยังไม่มีผู้ใดรอดชีวิตกลับมาได้เลยแม้แต่คนเดียว
และทั้งสี่คนก็ล้วนแล้วแต่เข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานแล้วทั้งสิ้น..
แต่หลังจากที่ได้ยินข่าวหลี่เจี้ยนกังกลับไม่มีอาการตกใจ และภายในห้วงความคิดของเขานั้น ก็มีคำพูดเพียงแค่สองคำปรากฏขึ้นมา ‘ไม่แปลก!’
นับแต่นั้นมาหลี่เจี้ยนกังซึ่งเคยคิดที่จะหลอมกระบี่เหินเล่มใหม่ขึ้นมา จึงได้ตัดสินใจหยุดทุกสิ่งไว้ทันที เพราะไม่รู้ว่า วันใดหลิงหยุนจะบุกสำนักกระบี่คุนหลุนอีกบ้าง และถึงเวลานั้น หลิงหยุนก็ต้องยึดกระบี่เหินของเขาไปอีกอยู่ดี..
นับแต่นั้นมาหลี่เจี้ยนกังก็ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาโดยตลอด และในระหว่างนั้น ก็ยังคงทำหน้าที่เจ้าสำนักกระบี่คุนหลุน ดูแลภารกิจต่างๆภายในสำนักเรื่อยมา
หลังจากสิ้นสุดงานชุมนุมชาวยุทธมาสักระยะสำนักน้อยใหญ่บนเทือกเขาคุนหลุน และสำนักกระบี่คุนหลุนจึงได้นัดหมายชุมนุมหารือกัน แต่ดูเหมือนหลายคนจะไม่เชื่อว่า หลิงหยุนจะแข็งแกร่ง และเก่งกาจถึงเพียงนั้น พวกเขายังได้กดดันให้หลี่เจี้ยนกังล้างแค้นให้กับชาวยุทธที่ถูกหลิงหยุนสังหารตายอีกด้วย
“หากพวกท่านอยากจะแก้แค้นหลิงหยุนก็เชิญพวกท่านลงมือกันเองได้เลย อย่าได้บีบคั้นข้าในเรื่องนี้ หากพวกท่านบีบคั้นข้านัก ข้าจะปลิดชีพตนเองเสีย!”
นี่คือคำพูดของหลี่เจี้ยนกังที่บอกกับเจ้าสำนักคนอื่นๆ หลังจากที่ถูกกดดันจนไม่อาจทนต่อไปได้อีก!
หากจะเปรียบเทียบกับสำนักน้อยใหญ่บนเทือกเขาคุนหลุนแล้วสำนักกระบี่คุนหลุนก็หาได้แข็งแกร่งกว่าพวกเขาไม่ บางคนสามารถเข้าสู่ด้านสุดท้ายขั้นพลังชี่ได้แล้ว ซึ่งนับว่าเหนือกว่าหลี่เจี้ยนกังเสียอีก
อาจเป็นเพราะสำนักกระบี่คุนหลุนนั้นคือสำนักที่คอยปกป้องประตูทางเข้าให้กับคุนหลุน ฐานะของสำนักกระบี่คุนหลุนจึงได้สูงส่งกว่าสำนักอื่นๆ แม้จะไม่แข็งแกร่งเท่าก็ตาม
ไม่ต่างจากที่หลี่เพียวหยางกล่าวไว้ว่าเขาไม่ต้องการเป็นเพียงแค่สุนัขเฝ้าประตูให้กับคุนหลุน..
นอกจากการทำหน้าที่พิทักษ์ประตูเข้าคุนหลุนแล้วสำนักกระบี่คุนหลุนก็ยังคอยทำหน้าที่เสมือนพ่อบ้าน สะสางเรื่องราวเล็กๆน้อยๆให้กับคุนหลุนอีกด้วย
ฐานะที่สูงส่งของสำนักกระบี่คุนหลุนในยุทธภพล้วนแล้วแต่มาจากคุนหลุนที่อยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น หาใช่เพราะความแข็งแกร่งของตนเองเลยแม้แต่น้อย!
และในทุกๆห้าปีคุนหลุนจะมอบรางวัลให้กับสำนักกระบี่คุนหลุน ไม่ว่าจะเป็นโอสถ อาวุธ ของวิเศษ กระบี่เหิน ยันต์ต่างๆ รวมถึงถ่ายทอดวรยุทธต่อสู้ให้ และอีกมากมาย พูดง่ายๆก็คือ ให้รางวัลกับทหารเฝ้ายามหน้าประตูเมืองนั่นเอง
และทุกๆยี่สิบปีโดยประมาณคุนหลุนจะให้โอกาสสำนักกระบี่คุนหลุน ส่งศิษย์ของตนห้าถึงสิบคนเข้าไปในคุนหลุนได้ โดยให้เจ้าสำนักกระบี่คุนหลุนเป็นผู้คัดเลือก และคุนหลุนจะคัดเลือกด้วยตนเองอีกที
และด้วยเหตุผลทั้งสองข้อนี้จึงทำให้สำนักกระบี่คุนหลุนมีฐานะที่สูงส่งกว่าสำนักอื่นๆ แต่ในทางกลับกัน ความแข็งแกร่งของสำนักกระบี่คุนหลุน กลับตกต่ำลงไปเรื่อยๆในทุกๆปี..
นั่นเพราะในทุกๆยี่สิบปี คุนหลุนได้ดึงเอาศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุน ที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศเข้าไปอยู่ในคุนหลุนจนหมด แต่ปัญหาก็คือ ศิษย์ทั้งหมดที่ถูกคัดเลือกให้ไปอยู่ในคุนหลุนนั้น กลับไม่เคยมีผู้ใดได้กลับคืนสำนักอีกเลย!
เช่นนี้แล้วสำนักกระบี่คุนหลุนจะไม่ค่อยๆ อ่อนแอลงเรื่อยๆ ได้อย่างไรกันเล่า และนี่คือสาเหตุที่ทำให้หลี่เจี้ยนกังกระอักกระอ่วนใจอยู่ในเวลานี้นั่นเพราะท่ามกลางการประชุมกับสำนักน้อยใหญ่ในเวลานี้ แม้หลี่เจี้ยนกังจะมีฐานะที่สูงส่งกว่าทุกคน แต่ในเรื่องของขั้นพลังบ่มเพาะแล้ว ตัวเขาเองยังด้อยกว่าศิษย์บางคนของสำนักเหล่านั้นเสียอีก..
แต่เรื่องนั้นยังหาใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนักในเวลานี้ยังมีเรื่องสำคัญยิ่งกว่านั้นรออยู่!
นั่นก็คือหนิงหลิงยู่อาจปรากฏตัวขึ้นด้านนอก และบุกถล่มสำนักกระบี่คุนหลุนเมื่อใดก็ได้!
ระหว่างที่กำลังประชุมกันอยู่นี้แม้หลี่เจี้ยนกังจะยังไม่เคยพบเห็นหนิงหลิงยู่ แต่เขาก็รู้จักฐานะของหญิงสาวดีไม่น้อย และฐานะไหนของหนิงหลิงยู่ ก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า นางเป็นน้องสาวของหลิงหยุน ซึ่งเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก!
แม้หลี่เจี้ยนกังจะไม่รู้ว่าหนิงหลิงยู่แข็งแกร่งมากเพียงใด แต่เขาก็รู้ดีว่า หลิงหยุนนั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก!
และทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้หลี่เจี้ยนกังก็จะถึงกับปวดศรีษะขึ้นมาในทันที!
น้องสาวก็ไม่ต่างจากนางมารร้ายส่วนพี่ชายก็โหดเหี้ยมยิ่งกว่าเทพสังหาร!
สำนักกระบี่คุนหลุนคงยากที่จะหลีกเลี่ยงหายนะและความล่มสลายได้เป็นแน่! แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ จนถึงเวลานี้ หลี่เจี้ยนกังยังไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นได้อย่างไรกัน
นั่นเพราะหากจะพูดกันตามความจริงตระกูลหนิงก็นับเป็นหนึ่งในสำนักน้อยใหญ่บนเทือกเขาคุนหลุน อีกทั้งตระกูลหนิง และสำนักต่างๆบนเทือกเขาคุนหลุน ก็ยังไม่เคยมีเรื่องบาดหมาง หรือความแค้นใหญ่หลวงต่อกันเลยแม้แต่น้อย
แต่เหตุใดนางจึงต้องเข่นฆ่าและทำลายสำนักต่างๆเช่นนี้
นี่เป็นเรื่องที่หลี่เจี้ยนกังไม่สามารถคิดหาต้นสายปลายเหตุได้จริงๆ หลี่เจี้ยนกังหวังว่าหนิงหลิงยู่จะไม่บุกมาที่สำนักกระบี่คุนหลุนแต่หากนางบุกเข้ามาจริงๆ เขาก็เชื่อมั่นว่า นางจะไม่สามารถฝ่าค่ายกลที่ปกป้องสำนักกระบี่คุนหลุนเข้ามาได้แน่ นั่นเพราะค่ายกลแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นโดยยอดฝีมือของคุนหลุน
และนี่ก็คือเหตุผลที่ผู้รอดชีวิตจากสำนักต่างๆพากันมาหลบอยู่ที่สำนักกระบี่คุนหลุน..
ในเวลานี้ทุกคนในห้องประชุม ต่างก็เปลี่ยนจากการถกเถียงเรื่องของหนิงหลิงยู่ มาเป็นความแข็งแกร่งของค่ายกลที่ปกป้องสำนักกระบี่คุนหลุนในเวลานี้แทน
หลี่เจี้ยนกังที่ฟังอยู่ในที่สุดก็กระแอมออกมาเล็กน้อย ก่อนจะประกาศบอกกับทุกคนว่า..
“ข้าขอประกาศให้ทุกท่านในที่นี้ทราบว่าค่ายกลปกป้องสำนักกระบี่คุนหลุนได้เปิดทำงานแล้ว”
ทุกคนในห้องต่างก็พากันถอนหายใจออกมาพร้อมกัน.. “สำนักน้อยใหญ่บนเทือกเขาคุนหลุนแห่งนี้จะว่าไปก็เสมือนพี่น้อง แม้จะมีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง แต่ท้ายที่สุดก็สามารถกลับมาสามัคคีกันได้ดังเดิม แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ครานี้จะต้องเผชิญกับหายนะใหญ่หลวงกันเช่นนี้”
“ในเมื่อเกิดหายนะกับเขาคุนหลุนของเราเช่นนี้และหากทุกท่านยังเชื่อมั่นในสำนักกระบี่คุนหลุนของข้า ข้าก็จะร่วมมือกันทุกท่านต้านทานนางมารร้าย แม้ขั้นพลังบ่มเพาะของข้าจะต่ำต้อยกว่าหลายท่านก็ตาม..”
หลี่เจี้ยนกังจงใจหยุดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยต่อว่า “หากค่ายกลสามารถต้านทานนางมารร้ายได้ก็นับว่าโชคดี แต่หากว่าไม่สามารถ..”
“ท่านเจ้าสำนักหลี่อย่าได้กังวลใจไปเลย ข้าได้ยินมาว่าค่ายกลปกป้องสำนักกระบี่คุนหลุนแข็งแกร่งอย่างยิ่ง นางมารนั่นจะสามารถทำลายได้อย่างไรกันเล่า”
แต่ก่อนที่หลี่คุนหลุนจะทันได้เอ่ยจนจบหนึ่งในเจ้าสำนักที่ร่วมประชุมอยู่ก็ได้เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน..
“ข้าเพียงแต่ตั้งข้อสันนิษฐาน..หากค่ายกลถูกทำลายขึ้นมา พวกเราจะทำเช่นใดต่อไป”
“……”
แต่ภายในห้องประชุมกลับเงียบกริบ..
หลี่เจี้ยนกังจึงถามทุกคนอย่างตรงไปตรงมาว่า“พวกท่านจะสู้จนตัวตาย หรือจะหนี ได้โปรดบอกข้ามาตามตรง..”
แต่ภายในห้องประชุมกลับยังคงเงียบกริบจนกระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ จึงมีเสียงกระซิบดังขึ้นมาเบาๆว่า
“ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วข้าขอให้ท่านเจ้าสำนักหลี่เป็นผู้ตัดสินใจเองเถิด!”
บูม!บูม!
แต่ยังไม่ทันที่จะกล่าวจบประโยคดีก็เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสำนักกระบี่คุนหลุน หลี่เจี้ยนกังถึงกับหน้าเสียทันที! และเวลานี้ค่ายกลที่ปกป้องสำนักกระบี่คุนหลุนก็ได้ถูกทำลายลงแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร