Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1639

บทที่ 1639 : ปราการปกป้องสำนักกระบี่คุนหลุน
  “แย่แล้ว!ค่ายกลชั้นแรกได้ถูกทำลายลงแล้ว!”
  หลี่เจี้ยนกังถึงกับหน้าเสียและรีบร้องบอกทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมทันที
  ภายในห้องประชุมเวลานี้มียอดฝีมือกว่าหนึ่งร้อยคน มากกว่ายี่สิบคนอยู่ในขั้นก่อสร้างรากฐาน นอกเหนือจากนั้น ครึ่งหนึ่งอยู่ในขั้นจิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-9) และอีกครึ่งหนึ่งอยู่ในขั้นปาเฉิงเชี่ (ขั้นพลังชี่-8) ฉะนั้นแล้ว ทุกคนย่อมมีจิตหยั่งรู้ที่จะสามารถมองเห็นเหตุการณ์ภายนอกได้เช่นกัน
  หลี่เจี้ยนกังเอ่ยถามชาวยุทธทั้งหมดที่อยู่ในห้องประชุมอย่างตรงไปตรงมา “หากค่ายกลถูกทำลายลงทั้งหมด พวกท่านจะยอมสู้จนตัวตาย หรือจะหนีเอาชีวิตรอด”
  ความจริงแล้วหลี่เจี้ยนกังแทบไม่ต้องรอคอยคำตอบ เพราะเพียงแค่เห็นสีหน้า และปฏิกิริยาของทุกคนเวลานี้ เขาก็สามารถคาดเดาคำตอบได้แล้ว
  กระทั่งมดตัวเล็กๆมันยังรักชีวิตของมันนับประสาอะไรกับผู้ที่เฝ้าเพียรบ่มเพาะพลังมาด้วยความยากลำบากเล่า แน่นอนว่า คำตอบของพวกเขาทุกคนก็คือ ต้องการที่จะมีชีวิตรอด!
  หากต้องการต่อสู้จนตัวตายพวกเขาคงจะไม่หนีออกมาจากสำนักของตนเอง มาหลบภัยที่สำนักกระบี่คุนหลุนแน่ พวกเขาคงจะสู้ตายอยู่ที่สำนักไปนานแล้ว
  หลี่เจี้ยนกังรู้คำตอบดีอยู่แล้วแม้ทุกคนจะยังคงนิ่งเงียบ เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องบีบคั้นเอาคำตอบแต่อย่างใด
  และถึงแม้ว่ายอดฝีมือจากสำนักอื่นๆ จะไม่หนีมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ เมื่อหนิงหลิงยู่บุกมาที่สำนักกระบี่คุนหลุนของเขา ทั้งเขาและศิษย์ก็คงยากที่จะหนีพ้นหายนะใหญ่หลวงในคืนนี้ได้
  ฉะนั้นแล้วคำถามเช่นนี้ เขาควรจะต้องถามตัวเองมากกว่า!
  “อะไรกัน!ค่ายกลปกป้องสำนักกระบี่คุนหลุน ถูกทำลายลงง่ายๆแบบนี้ได้ยังไง?”
  “นี่แม้แต่ค่ายกลของสำนักกระบี่คุนหลุนยังคุ้มกันภัยไม่ได้แล้วพวกเราจะทำเช่นใดต่อไปดี”
  “พวกเรารีบออกไปดูด้านนอกกันดีกว่า!”
  หลังจากที่พบว่าค่ายกลได้ถูกทำลายลงแล้ว ทุกคนต่างก็เริ่มมีสีหน้าซีดเผือด และมีปฏิกิริยาแตกต่างกันไป
  แต่นับว่าโชคดีที่เป็นเพียงแค่ค่ายกลชั้นแรกเท่านั้นที่ถูกทำลายแม้ทุกคนจะเริ่มตื่นตระหนก แต่ก็สามารถสงบสติลงได้ในเวลาไม่นานนัก
  และเวลานี้ทุกสายตาต่างก็จับจ้องไปทางหลี่เจี้ยนกัง นั่นเพราะที่นี่เป็นสำนักกระบี่คุนหลุน และเขาเองก็เป็นถึงเจ้าสำนักอีกด้วย
  “ในเมื่อศัตรูมาถึงประตูแล้วไม่มีประโยชน์อันใดที่จะนั่งสนทนาอยู่เช่นนี้ พวกเราออกไปดูพร้อมกันเลยจะดีกว่า..”
  หลังจากพูดจบร่างของหลี่เจี้ยนกังก็พุ่งปราดออกไปจากห้องเป็นคนแรก และเหาะขึ้นไปบนท้องนภาอย่างรวดเร็ว เวลานี้ ร่างของหลี่เจี้ยนกังก็ได้เหาะอยู่เหนือลานจตุรัสของสำนักกระบี่คุนหลุน
  จากนั้นสำนักใหญ่น้อยอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสำนัก หรือผู้พิทักษ์กฏ ต่างก็พากันเหาะตามหลี่เจี้ยนกังไปทันที
  จากนั้นทั้งหมดก็เงยหน้าขึ้นมองปราการที่ปกป้อง แม้ปรากการจะมีลักษณะใส แต่คนนอกก็ไม่อาจมองเห็นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นภายในได้ ตรงข้ามกับผู้ที่อยู่ด้านใน จะสามารถมองเห็น และได้ยินเสียงด้านนอกได้อย่างชัดเจน
  หาไม่แล้วหากเปิดใช้งานค่ายกล ผู้คนที่อยู่ด้านใน ก็คงไม่ต่างจากคนหูหนวกตาบอด..
  หลี่เจี้ยนกังจ้องมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้านนอกเวลานี้คิ้วทั้งสองข้างของเขาถึงกับขมวดเข้าหากัน พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักอกหนักใจ
  “ข้าไม่เคยพบเห็นหรือได้ยินว่า มีผู้ใดใช้วิธีเยี่ยงนี้ในการทำลายค่ายกลมาก่อนเลยจริงๆ!”
  และเวลานี้ค่ายกลชั้นแรกของสำนักกระบี่คุนหลุน ก็ได้ถูกทำลายลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
  ค่ายกลชั้นแรกนี้ใช้ขุนเขาที่สำนักกระบี่คุนหลุนตั้งอยู่นี้เป็นฐาน และมีต้นไม้ ศิลา สายน้ำ และหมู่เมฆเป็นองค์ประกอบ หลอมรวมเป็นค่ายกลห้าธาตุอีกที..
  ค่ายกลชั้นแรกนี้สร้างขึ้นสำหรับป้องกันชาวบ้านเลี้ยงสัตว์ มิให้บุกรุกเข้ามาในเขตแดนของสำนักกระบี่คุนหลุนโดยไม่ตั้งใจ ชาวบ้านที่มองเข้ามา จะเห็นบริเวณนี้เป็นภูเขาสูงใหญ่ ที่มีป่าไม้หนาทึบ มีแม่น้ำกว้างใหญ่ล้อมรอบ อีกทั้งยังมีหมอกปกคลุมหนาแน่นไปทั่วทุกหนทุกแห่งอีกด้วย ชาวบ้านเห็นเช่นนี้ก็จะหลีกเลี่ยงไม่เข้าไปกล้ำกราย
  แต่ท้ายที่สุดหากมีชาวบ้านเดินหลงทางเข้ามาจริงๆ ศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนก็จะเป็นผู้นำทางพวกเขาออกไปเอง
  แต่หากเป็นศัตรูของสำนักกระบี่คุนหลุนบุกเข้ามาแม้จะเป็นถึงยอดฝีมือขั้นก่อสร้างรากฐานก็ตามที พวกเขาก็ยากที่จะหาทางออกจากค่ายกลนี้ได้ ท้ายที่สุดก็ต้องเดินวนอยู่ภายในค่ายกล จนกระทั่งหมดแรง หรือไม่ก็อดข้าวอดน้ำจนเสียชีวิตไปเอง และเมื่อถึงตอนนั้น ศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนจึงจะค่อยปรากฏตัวขึ้น
  แต่นี่..
  ทันทีที่หนิงหลิงยู่ปรากฏตัวขึ้นนางก็เพียงแค่โบกไม้โบกมือไปมาไม่กี่ครั้ง พืชพรรณโดยรอบพลันเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งบริเวณในเวลาเพียงแค่พริบตาเดียว แล้วพืชพรรณเหล่านั้น ก็เริ่มทำลายค่ายกลของสำนักกระบี่คุนหลุน สายน้ำที่เคยเต็มเปี่ยมเริ่มเหือดแห้ง หมอกหนาเริ่มจางคลายลง..
  ค่ายกลที่เป็นเสมือนเขาวงกตกักขังยอดฝีมือมานับไม่ถ้วนกลับถูกหนิงหลิงยู่ทำลายลงได้อย่างง่ายดาย จากนั้น หญิงสาวเคลื่อนไหวอีกเพียงไม่กี่ครั้ง ดอกบัวทองคำหลายดอกก็ปรากฏขึ้น และหมุนรอบตัวของนาง ไม่นานนัก ค่ายกลชั้นแรกก็ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์!
  และนี่คือผลของการใช้วิชาพฤกษาขจีร่วมกับวิชาคลื่นคงคานั่นเอง หนิงหลิงยู่สามารถทำลายค่ายกลชั้นแรกของสำนักกระบี่คุนหลุน ด้วยวิชาทั้งสองของนาง!
  หลังจากค่ายกลถูกทำลายลงแล้วหนิงหลิงยู่ก็เหาะขึ้นไปบนท้องนภา เผชิญหน้ากับหลี่เจี้ยนกังที่อยู่ด้านใน รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง สายตาทั้งคู่ที่จ้องมองผู้คนที่อยู่ภายใน เต็มไปด้วยความเย็นชาอย่างมาก
  เรือนร่างงดงามผมยาวที่ปลิวไสว ยืนอยู่ท่ามกลางดอกบัวสีทองแปดสิบเอ็ดดอก ที่กำลังเบ่งบาน และหมุนรอบตัวนาง ใต้ฝ่าเท้าทั้งสองข้างมีพลังชีวิตสีม่วงรองรับอยู่ ดูประหนึ่งเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ ที่มาปรากฏกายบนโลกมนุษย์ก็ไม่ปาน
  “หลี่เจี้ยนกังจะยอมสวามิภักดิ์ข้า หรือจะยอมตาย!”
  ในที่สุดน้ำเสียงเย็นชาไร้ซึ่งความเมตตาปราณีของหนิงหลิงยู่ ก็ดังขึ้นกระทบแก้วหูของเหล่ายอดฝีมือที่อยู่ด้านใน
  “นางถามเช่นนี้ทุกครั้งที่บุกไปสำนักต่างๆว่าจะสวามิภักดิ์ต่อนาง หรือจะยอมตาย!”
  “ใช่แล้ว!เมื่อครั้งที่นางไปถล่มสำนักของข้า นางก็เอ่ยถามเช่นนี้!”
  “ถูกต้อง!หากไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อนาง นางก็จะเริ่มเข่นฆ่าศิษย์ในสำนักไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว..”
  “……”
  หลี่เจี้ยนกังได้แต่นิ่งอึ้งไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้เมื่อได้ยินยอดฝีมือที่อยู่ด้านหลังของตน พากันกระซิบกระซาบไปมา  แต่เมื่อนึกถึงค่ายกลแข็งแกร่งอีกสองชั้นที่ยังไม่ถูกทำลายความหวาดกลัวในตัวหนิงหลิงยู่ก็จางคลายลง หลี่เจี้ยนกังจึงได้เอ่ยถามหญิงสาวออกไปว่า
  “แม่นางหลิงยู่นอกเหนือจากจะถามว่า สำนักกระบี่คุนหลุนจะยอมสวามิภักดิ์ หรือจะยอมตายแล้ว เจ้ายังมีสิ่งใดจะกล่าวอีกหรือไม่ อย่างน้อย ก็ควรบอกข้าว่า เจ้ามาทำลายค่ายกลของสำนักเราเช่นนี้ ด้วยเหตุผลอันใดกัน หรือต้องการสิ่งใดกัน?”
  ขนตาทั้งสองข้างของหนิงหลิงยู่สะบัดขึ้นทันทีดวงตาทั้งคู่จ้องที่จ้องมองหลี่เจี้ยนกังอยู่นั้นเป็นประกายวูบขึ้นมาทันใด!
  “ส่งคนทั้งหมดที่อยู่ด้านหลังของเจ้ามาให้ข้า”
  หลังจากที่ได้ฟังคำกล่าวของหนิงหลิงยู่หลี่เจี้ยนกังจึงได้แต่ย้อนถามกลับไปว่า “หลังจากส่งให้เจ้าแล้ว เจ้าจะทำเช่นใดกับพวกเขางั้นรึ”
  “นั่นหาใช่ธุระกงการอะไรของเจ้าไม่!”   หลี่เจี้ยนกังกรอกตาไปมาและได้แต่คิดในใจว่า ‘จะให้ข้าส่งคนให้ แต่กลับไม่ยอมบอกว่าจะทำเช่นใดกับพวกเขา นี่เจ้าคิดว่าจะทำอะไรตามใจชอบได้งั้นรึ’
  แต่แล้วจู่ๆ หลี่เจี้ยนกังก็อดที่จะนึกถึงหลิงหยุนขึ้นมาไม่ได้ แม้ว่าหลิงหยุนจะสังหารผู้คนอย่างไร้ปราณี แต่เขาก็ยังมีเหตุมีผล แต่กับน้องสาวของเขา หลี่เจี้ยนกังกลับไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะปริปากถาม!
  “แม่นางหลิงยู่ข้าทำตามคำของของเจ้ามิได้จริงๆ!” หลี่เจี้ยนกังตอบโต้กลับไปทันที
  “ถ้าเช่นนั้นก็จงไปตามเส้นทางของพวกเจ้า..”หนิงหลิงยู่ตอบกลับด้วยสายตาเย็นชา
  หลี่เจี้ยนกังยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามกลับไปทันที “เส้นทางอะไรกัน ข้าเป็นคนโง่เขลา แม่นางหลิงยู่ได้โปรดอธิบายด้วยเถิด..”
  “ตาย!”
  หลังจากที่กล่าวจบร่างของหนิงหลิงยู่ก็พุ่งตรงเข้าไปหาหลี่เจี้ยนกังทันที!
  แต่ในเวลานั้นเองปราการใสก็ปรากฏขึ้น แสงสว่างสีทองจางๆได้แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ และล้อมรอบสำนักกระบี่คุนหลุนไว้ในทันที!
  ร่างงดงามราวกับเทพธิดาของหนิงหลิงยู่ยังคงบินตรงเข้าไปที่ปราการใสพร้อมกับฟาดฝ่ามือทั้งสองข้างลงไปอย่างไม่ปราณี!
  ปัง!
  แสงสีทองสุกสว่าง..
  แม้กระทั่งดวงตาปกติยังสามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่า ปราการที่แข็งแกร่งนั้น สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หลังจากที่ถูกฝ่ามือของหนิงหลิงยู่ฟาดเข้าใส่
  “โอ๊ะ!”
  เวลานี้หลายคนที่อยู่ภายในสำนักกระบี่คุนหลุน ต่างก็ร้องอุทานออกมา ฝ่ามือทั้งสองกำแน่น พร้อมกับเม้มริมฝีปากด้วยความหวาดกลัวว่า ค่ายกลจะถูกทำลายลงในที่สุด!   ในเวลาเดียวกันนั้นเองหลี่เจี้ยนกังก็ถึงกับเหงื่อตก แม้เขาจะค่อนข้างมั่นใจในความแข็งแกร่งของค่ายกล แต่เขาเองก็ไม่รู้เลยว่า อีกฝ่ายนั้นมีความแข็งแกร่งมากเพียงใด จึงได้แต่กัดฟันแน่น
  แต่นับว่าโชคดีที่ดูเหมือนปราการจะสามารถต้านทานการโจมตีของหนิงหลิงยู่ได้!
  แม้จะไม่สามารถทำลายค่ายกลสำเร็จได้ในครั้งแรกแต่ดูเหมือนหนิงหลิงยู่จะไม่กังวลใจนัก นางมิเอ่ยอันใดออกมาแม้แต่คำเดียว และยังคงใช้กำปั้นทำลายปราการสีทองอย่างต่อเนื่อง
  “แม่นางหลิงยู่ได้โปรดหยุดฟังข้าหลี่เจี้ยนกังกล่าวจะได้หรือไม่”
  หลังจากที่เห็นว่าหนิงหลิงยู่ไม่สามารถทำลายค่ายกลได้แน่แล้ว หลี่เจี้ยนกังจึงค่อยรู้สึกโล่งอก และเริ่มเอ่ยปากบอกหนิงหนิงยู่ด้วยน้ำเสียงเชิญชวนให้ใช้การเจรจา..
  ปัง..ปัง.. ปัง..   แต่ดูเหมือนหนิงหลิงยู่จะไม่ได้ยินคำพูดของหลี่เจี้ยนกังนางยังคงใช้กำปั้นทั้งสองทุบทำลายปราการไม่หยุด
  “ท่านเจ้าสำนักหลี่นางมารผู้นี้คงไม่ยอมเจรจากันท่านแน่ เพียงแค่นางเจรจากับท่านก่อนหน้านี้ ก็นับว่ามากเกินพอแล้ว..”
  “ถูกต้อง!นางมารผู้นี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก! นอกจากออกคำสั่งแล้ว นางก็มิใคร่ยอมสนทนากับผู้ใด!”
  หลี่เจี้ยนกังพยักหน้ารับรู้ด้วยแววตาที่สั่นระริก..
  “ท่านเจ้าสำนักหลี่ในความเห็นของข้า พวกเราควรเปิดค่ายกลสังหารจะดีกว่า แม้ว่านางจะไม่สามารถทำลายปราการเข้ามาได้ แต่ก็ไม่ควรให้นายทุบทำลายค่ายกลเช่นนี้! ข้าเห็นว่าท่านควรจะเปิดค่ายกลสังหาร จัดการฆ่านางมารผู้นี้ทิ้งเสียทันที!”
  “ใช่แล้วข้าเองก็เห็นด้วยยิ่งนัก! หากปล่อยให้นางมารผู้นี้ทำลายค่ายกลนี้ได้ ไม่แน่ว่านางอาจจะสามารถทำลายค่ายกลสังหารได้เช่นกัน ถึงตอนนั้น พวกเราทุกคนก็จะต้องตายกันหมด!”
  หลี่เจี้ยนกังได้แต่ยิ้มขื่นแม้เขาจะเห็นด้วยกับทุกๆคน แต่ก็ยังไม่กล้าตัดสินใจทำเช่นนั้น..
  แม้นางมารผู้นี้จะโหดเหี้ยมเกินมนุษย์มนาแต่หากเขาเปิดค่ายกลสังหาร แล้วทำให้นางมารผู้นี้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตขึ้นมาจริงๆ หากหลิงหยุนบุกมาแก้แค้นเล่า เขาจะทำเช่นใด แต่ในขณะเดียวกัน หลี่เจี้ยนกังเองก็ไม่อาจทนเห็นหนิงหลิงยู่ทำลายค่ายกลได้เช่นกัน!
  “แม่นางหลิงยู่ได้โปรดหยุดสักครู่ก่อนเถิด! ข้ามีบางสิ่งบางอย่างต้องบอกกับเจ้า!”
  ****************

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร