บทที่ 1641 : ค่ายกลปราการพังทลาย
“ในที่สุดเจ้าสำนักหลี่ก็ตัดสินใจเปิดค่ายกลงสังหารแล้วนี่เป็นสิ่งที่นางมารสมควรต้องได้รับ!”
หลังจากที่เห็นหลี่เจี้ยนกังตัดสินใจเปิดค่ายกลสังหารเช่นนี้ซูเต๋อเจ้าสำนักเบญจธาตุก็ได้ร้องออกมาด้วยความพอใจ
“ค่ายกลปราการปกป้องสำนักกระบี่คุนหลุนนี้สร้างขึ้นโดยปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งสำนัก ดวงตาค่ายกลคือขุนเขาขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งสะสมพลังชีวิตมานานหลายปี กว่าที่จะเป็นปราการสีทองสุกสว่างนี้!”
หวังเป่าซึ่งเป็นประมุขตระกูลหวังก็ได้เอ่ยขึ้นเช่นกันเวลานี้สีหน้าของเขาดูผ่อนคลายขึ้นกว่าเดิมมาก และเห็นได้ชัดว่า เขามั่นอกมั่นใจในอานุภาพของค่ายกาลของสำนักกระบี่คุนหลุนอย่างมากด้วย
“ประมุขหวังกล่าวได้ถูกต้องเวลานี้ ข้ากำลังรอดูอานุภาพค่ายกลสังหารของสำนักกระบี่คุนหลุนอยู่!” จูเถี่ยเจ้าสำนักอู๋หลิงเอ่ยสมทบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ฮ่าๆๆเวลานี้เจ้าสำนักหลี่เหาะลงไปบนผืนดินเพื่อควบคุมค่ายกลด้วยตัวเองแล้ว ข้าเชื่อว่าดอกบัวทองคำทั้งแปดสิบเอ็ดดอกของนางมาร คงจะไม่สามารถต้านทานค่ายกลสังหารได้แน่..”
ในระหว่างที่เจ้าสำนักคนอื่นๆกำลังสนทนากันอยู่นั้นหลี่เจี้ยนกังก็ได้เปิดค่ายกลสังหารให้ทำงาน เขายกมือขึ้น กระบี่ทองคำพลันปรากฏขึ้นในมือของเข้าทันที ปราณกระบี่อันทรงพลังที่พวยพุ่งออกมา ทำให้ทุกคนต่างก็หยุดพูด และรีบเหาะออกไปให้ห่างจากร่างของหลี่เจี้ยนกังในทันที
แม้หลี่เจี้ยนกังเพิ่งจะอยู่ในขั้นลิ่วเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-6) แต่ถึงอย่างนั้น ก่อนหน้าที่นั่งอยู่ในห้องประชุมหารือกับเจ้าสำนักคนอื่นๆ เขากลับมิได้รู้สึกว่าตนเองด้อยค่ากว่าผู้ใดนั้น ก็ด้วยเหตุว่า เขาคือผู้ที่ควบคุมค่ายกลทั้งหมดของสำนักกระบี่คุนหลุนแห่งนี้ และเวลานี้ ทุกคนต่างก็ต้องพึ่งพาค่ายกลที่แข็งแกร่งของสำนักกระบี่คุนหลุน
ฉะนั้นแล้วที่นี่จึงเปรียบเสมือนดินแดนที่หลี่เจี้ยนกังเป็นผู้ครอบครอง!
“เตรียมตัวตายได้แล้ว!”
หลี่เจี้ยนกังรอจนกระทั่งกระบี่ทองคำในมือแข็งแกร่งถึงจุดหนึ่ง จากนั้น จึงชี้ปลายกระบี่ไปทางหนิงหลิงยู่ พร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า
“ไปจัดการนางมาร!”
ฟิ้ว..
กระบี่ทองคำพุ่งทะยานไปบนท้องนภากลายเป็นสายรุ้งสีทองที่ทอดเป็นทางยาว ก่อนจะทะลุปราการออกไปอย่างรวดเร็ว และเป้าหมายก็คือร่างของหนิงหลิงยู่ที่อยู่ด้านนอก!
ทันทีที่กระบี่ทองคำพุ่งออกจากปราการค่ายกลไปได้หนิงหลิงยู่พลันสัมผัสได้ถึงรังสีสังหารที่แผ่ซ่านออกมา แต่ถึงกระนั้น นางกลับมิขยับเคลื่อนไหวเพื่อหลบหลีก เพียงแค่แสยะยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันให้กับกระบี่ทองคำที่พุ่งเข้ามาเท่านั้น
สายรุ้งสีทองทอประกายพาดผ่านท้องนภาที่มืดมิดพุ่งตรงเข้าสู่ร่างของหนิงหลิงยู่อย่างรวดเร็ว เสียงวิพากษ์วิจารณ์ภายในค่ายกลต่างก็ดังขึ้น และส่วนใหญ่ต่างก็ลงความเห็นว่า หญิงสาวไม่มีทางที่จะต้านทานอานุภาพของกระบี่ทองคำได้อย่างแน่นอน
แต่แล้วจู่ๆแสงสว่างสีม่วงก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของหนิงหลิงยู่ และทำหน้าที่เสมือนปราการที่คอยปกป้องคุ้มภัยให้กับนาง ทำให้นางสามารถต้านทานกระบี่ทองคำได้อย่างง่ายดาย!
และเวลานี้รอบกายของหนิงหลิงยู่ ก็ได้ปรากฏพลังอมตะสีม่วงรายล้อมไว้!
“นี่มันอะไรกัน!”
“เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร”
“ผ่านไปเพียงแค่สองสามวันความแข็งแกร่งของนางมารกลับพัฒนาขึ้นมาก และน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้เชียวรึ”
ภายในค่ายกลปราการขนาดใหญ่นั้นหลายคนที่เคยมั่นอกมั่นใจอย่างมาก ในอานุภาพค่ายกลสังหารของสำนักกระบี่คุนหลุนก่อนหน้านี้ ต่างก็ตกตะลึง และเริ่มลังเลใจ เมื่อได้เห็นการรับมือของหนิงหลิงยู่
กระทั่งหลี่เจี้ยนกังเองก็อดที่จะตกใจไม่ได้แม้ว่าเมื่อครู่เขาจะใช้พลังความแข็งแกร่งของค่ายกลสังหารไปเพียงแค่ห้าสิบส่วนเท่านั้น แต่เขาย่อมรู้อยู่แก่ใจดีว่า ความแข็งแกร่งเพียงเท่านั้น หากอีกฝ่ายไม่ตายในทันที อย่างน้อยก็ควรต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส!
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าไม่เพียงหนิงหลิงยู่จะสามารถต้านทานไว้ได้อย่างง่ายดาย แต่สีหน้าท่าทางของนางนั้น กลับมิได้บ่งบอกถึงความหนักอกหนักใจเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม นางกลับมีสีหน้าผ่อนคลายเป็นอย่างมาก แม้กระบี่ทองคำจะอยู่ห่างจากร่างของนางไปไม่ถึงสามฟุต!
ลูกนัยน์ตาของหลี่เจี้ยนกังถึงกับสั่นระริกเขาไม่อาจปราณีหญิงสาวผู้นี้ได้อีก และได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกระบี่ทองคำเป็นเจ็ดสิบส่วนในทันที
กระบี่ทองคำพุ่งทะยานไปข้างหน้าอีกครั้งและเวลานี้ มันก็อยู่ห่างจากร่างของหนิงหลิงยู่ไปเพียงแค่สองฟุตเท่านั้น แต่ยิ่งเข้าใกล้ร่างของหญิงสาวมากเท่าใด ความเร็วของกระบี่ทองคำกลับยิ่งลดลง ก่อนจะหยุดนิ่งไม่สามารถขยับเข้าใกล้ร่างของหญิงสาวได้อีกในที่สุด เพราะถูกพลังอมตะสีม่วงสะกัดกั้นไว้
“เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน”
หลี่เจี้ยนกังร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจและแทบไม่อยากจะเชื่อว่า พลังป้องกันของหนิงหลิงยู่จะแข็งแกร่งได้อย่างน่ากลัวถึงเพียงนี้ กระทั่งค่ายกลสังหารที่มีพลังแข็งแกร่งถึงเจ็ดสิบส่วน ยังไม่สามารถฝ่าเกราะป้องกันของนางไปได้!
ไม่แปลกเลยที่หนิงหลิงยู่จะกล้าบุกเข้าไปถล่มสำนักต่างๆ บนเขาคุนหลุนเพียงลำพังคนเดียว นั่นเพราะนางมีเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งเช่นนี้นี่เอง
“หรือแม่นางหลิงยู่จะเป็นเซียนกันแน่!”
หลี่เจี้ยนกังถึงกับรำพึงรำพันออกมาสายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ร่างของหนิงหลิงยู่แน่นิ่ง ก่อนจะเพิ่มพลังให้กับกระบี่ทองคำเต็มร้อยส่วน ซึ่งเขามั่นใจอย่างยิ่งว่า ครั้งนี้เขาจะสามารถสังหารหลิงหลิงยู่ได้อย่างแน่นอน!
กระบี่ทองคำที่ติดแน่นอยู่ในพลังอมตะสีม่วงเริ่มขยับเขยื้อนได้อีกครั้ง ก่อนจะพุ่งทะลุเกราะป้องกันเข้าสู่ร่างของหญิงสาวในทันที
“เยี่ยม!”
“ดีมาก!”
“สมกับเป็นค่ายกลเก่าแก่ของสำนักกระบี่คุนหลุนจริงๆ!”
“ครั้งนี้นางมารไม่รอดแน่!”
เมื่อได้เห็นกระบี่ทองคำสามารถแทงทะลุเกราะป้องกันของหนิงหลิงยู่ได้แล้วเจ้าสำนักน้อยใหญ่ต่างก็พากันร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ
แม้แต่หลี่เจี้ยนกังเองก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมากเช่นกันเขาคิดไม่ถึงว่า ทันทีที่เพิ่มพลังให้กับค่ายกลสังหารเต็มร้อยเช่นนี้ กระบี่ทองคำจะสามารถแทงทะลุเกราะป้องกันของหนิงหลิงยู่ได้อย่างง่ายดาย
และเมื่อเห็นว่ากระบี่ทองคำสามารถแทงทะลุเกราะป้องกันของหญิงสาวได้แล้ว หลี่เจี้ยนกังจึงเริ่มรู้สึกมั่นอกมั่นใจมากยิ่งขึ้น เขาได้แนะนำให้หนิงหลิงยู่ถอยกลับออกไป ก่อนที่จะต้องเผชิญกับความลำบากมากกว่านี้
แต่ใช่ว่าหลี่เจี้ยนกังจะไม่ต้องการสังหารหนิงหลิงยู่เพียงแต่เขาไม่กล้าต่างหาก!
หลังจากที่ถูกกระบี่ทองคำพุ่งแทงเข้าใส่ร่างหนิงหลิงยู่ก็ถึงกับต้องเหาะถอยหลังหนี แต่แล้วจู่ๆ แสงสว่างเจิดจ้าก็ปรากฏขึ้น ดวงจันทราที่ล่องลอยอยู่เหนือเทือกเขาคุนหลุนเวลานี้ ได้ทอลำแสงสีเหลืองนวลลงมาห่อหุ้มร่างของหญิงสาวไว้ จากนั้นภาพที่น่าอัศจรรย์ใจก็ได้ปรากฏต่อสายตาของทุกคน..
เวลานี้ร่างของหนิงหลิงยู่รายล้อมไว้ด้วยพลังหยิน แสงสว่างทอประกายโชติช่วงออกไปนับสิบฟุต ท่ามกลางความมืด ทุกคนกลับสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจนว่า เวลานี้ ดวงดาราต่างร้อยเรียงกันดั่งเส้นไหม และกำลังโปรยปรายจากท้องนภา เข้าสู่ร่างของหนิงหลิงยู่อย่างไม่มีสิ้นสุด
และนี่คือพลังแห่งจันทราและดารานับล้านๆดวง ซึ่งเกิดจากการโคจรวิชาดาราคุ้มกาย..
“มันกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
แม้หลี่เจี้ยนกังจะเพิ่มพลังให้กับกระบี่ทองคำเต็มร้อยแล้วแต่กลับสามารถทำให้หนิงหลิงยู่ได้รับบาดเจ็บเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
หลี่เจี้ยนกังได้เคยเห็นภาพเช่นนี้มาก่อนและได้แต่พึมพำออกมา “แม้วิชานี้ของแม่นางหลิงยู่จะไม่แข็งแกร่งเท่ากับหลิงหยุน แต่ก็นับว่าทรงพลังไม่น้อยทีเดียว!” เวลานี้หลี่เจี้ยนกังเปลี่ยนมาเป็นหนักอกหนักใจอย่างมาก แต่ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก นอกจากต้องสู้กับหนิงหลิงยู่ต่อไป
และในเวลานั้นเองหลี่เจี้ยนกังก็ได้ระดมพลังชีวิตจำนวนมากทั่วทั้งเขาคุนหลุน จู่โจมเข้าใส่หนิงหลิงยู่ต่อไป กระบี่ทองคำพุ่งจากซ้ายไปขวา ฉวัดเฉวียนไปมา เฉียดจุดสำคัญบนร่างกายของหลิงยู่ไปครั้งแล้วครั้งเล่า..
ในขณะที่หนิงหลิงยู่เองก็ได้ปลดปล่อยพลังอมตะสีม่วงในร่างออกมา เพื่อใช้เป็นเกราะป้องกันการจู่โจมของกระบี่ทองคำเช่นกัน
และเวลานี้ทั้งสองฝ่ายต่างก็กำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย..
แต่ในเวลาต่อมาไม่นานนักดวงตาคู่สวยของหนิงหลิงยู่ก็ได้สว่างวาบขึ้นมาวูบหนึ่ง และดูคล้ายกับว่า นางจะไม่สามารถต้านทานอานุภาพของกระบี่ทองคำได้อีกต่อไป นางเริ่มเหาะถอยหลังไปไกลมากขึ้น หลี่เจี้ยนกังเห็นเช่นนั้นจึงแอบคิดว่าหนิงหลิงยู่คงจะไม่สามารถต้านทานค่ายกลสังหารของตนได้แน่ และเมื่อเห็นว่าตนเองเป็นฝ่ายที่มีโอกาสกุมชัยชนะ เขาจึงรีบควบคุมกระบี่ทองคำให้พุ่งตามหญิงสาวไปทันที
และเวลานี้หนิงหลิงยู่ก็ได้ถอยห่างออกไปไกลจากสำนักกระบี่คุนหลุนกว่ายี่สิบกิโลเมตรแล้ว จนทุกคนที่อยู่ในค่ายกลไม่สามารถมองเห็นหญิงสาวด้วยตาเปล่าได้แล้ว!
ส่วนดอกบัวทองคำทั้งแปดสิบเอ็ดดอกก็ได้อันตรธานหายไปด้วยเช่นกัน..
“ฮู่ว..ในที่สุดนางมารก็ล่าถอยไปจนได้!”
“ค่ายกลป้องกันสำนักกระบี่คุนหลุนช่างมีอานุภาพแข็งแกร่งสมคำร่ำลือจริงๆ!”
“เจ้าสำนักหลี่..นางมารนั่นหนีไปได้รวดเร็วเหลือเกิน! นี่เป็นเวลาของพวกเราแล้ว เวลานี้ ค่ายกลสังหารน่าจะทำให้นางมารได้รับบาดเจ็บบ้าง พวกเรารีบออกไปช่วยกันสังหารนางจะดีกว่า!” หลี่เจี้ยนกังได้แต่ครุ่นคิดนั่นเพราะหนิงหลิงยู่หนีออกไปในระยะไกลเช่นนี้ ทำให้อานุภาพของค่ายกลสังหารลดลง กระทั่งอยู่ในระยะกระชั้นชิด ยังยากที่จะทำอันตรายหนิงหลิงยู่ นับประสาอะไรกับระยะที่ห่างไกลจนไม่สามารถมองเห็นได้เล่า
หนิงหลิงยู่ถูกกระบี่ทองคำไล่ล่าจนต้องหนีเข้าไปในหุบเขาใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีทั้งภูเขาน้ำแข็ง ทะเลสาบ และป่าไม้หนาทึบล้อมรอบ
“หึ!”
หลังจากที่ทำเสียงขึ้นจมูกด้วยความไม่พอใจนักในที่สุดหนิงหลิงยู่ก็ได้หยุดชะงักลง แต่แขนทั้งสองข้างนั้นเริ่มโบกสะบัดไปมาในทันที!
จากนั้นต้นไม้น้อยใหญ่ภายในป่าทึบ ก็ได้ลอยขึ้นมาทั้งต้นพร้อมกับราก และเข้ามารายล้อมรอบร่างกายของหนิงหลิงยู่ไว้ถึงสามชั้น ทำให้กระบี่ทองคำไม่สามารถที่จะแทงทะลุเข้ามาถึงร่างของนางได้ และเวลานี้สภาพรอบนอกร่างของหนิงหลิงยู่ ก็ได้กลายสภาพเป็นป่าหนาทึบ!
พืชพรรณหนาทึบที่รายล้อมร่างของหญิงสาวอยู่นั้นได้เติบโตอย่างรวดเร็ว กลายเป็นไม้ใหญ่มากมายที่ขวางกั้นหนิงหลิงยู่ไว้ ทำให้หลี่เจี้ยนกังไม่สามารถควบคุมกระบี่ทองคำเข้าทำร้ายนางได้ตามใจ
และนี่คืออานุภาพของวิชาพฤกษาขจี!
แขนทั้งสองข้างของหนิงหลิงยู่เคลื่อนไหวประหนึ่งร่ายรำอีกครั้ง..
น้ำที่สงบนิ่งราวกระจกในทะเลสาบเริ่มเปลี่ยนเป็นคลื่นลูกใหญ่ในทันที ก่อนจะม้วนตัวขึ้นสู่ห้วงอากาศ ห่อหุ้มป่าหนาทึบไว้อีกชั้น!
หลังจากนั้นภูเขาน้ำแข็งบริเวณรอบๆ ก็เริ่มละลายกลายเป็นธารน้ำ
“แย่แล้ว!”
หลี่เจี้ยนกังซึ่งเวลานี้อยู่ห่างออกไปนับสิบกิโลเมตรจู่ๆ กลับไม่สามารถสื่อสารกับกระบี่ทองคำได้อีก จึงได้แต่ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจอย่างมาก!
จากนั้นหลี่เจี้ยนกังก็กระอักโลหิตสีแดงออกมาเต็มปาก เขาจึงรีบตัดการสื่อสารระหว่างตนเองกับกระบี่ทองคำทันที เพื่อรักษาชีวิตไว้ก่อน..
“หลอมกระบี่!”
หลี่เจี้ยนกังรีบใช้พลังจิตรวบรวมพลังชีวิตทั่วทั้งขุนเขาอีกครั้งเพื่อหลอมกระบี่ทองคำเล่มใหม่ขึ้นมาแทน!
แต่ครั้งนี้เขากลับใช้เวลาในการหลอมกระบี่ทองคำนานมากกว่าครั้งแรก ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามนั้นกลับคล่องแคล่วรวดเร็วกว่า
แต่ในระหว่างที่ทุกคนกำลังรอให้หลี่เจี้ยนกังหลอมกระบี่ทองคำเล่มใหม่ขึ้นมานั้นจู่ๆ หนิงหลิงยู่ที่หยิ่งผยองก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง..
ทุกคนต่างก็ตระหนกตกใจเมื่อพบว่าเวลานี้ ในมือของหญิงสาวถือกระบี่ทองคำเล่มแรกอยู่!
ไม่น่าเชื่อว่ากระบี่เล่มใหญ่ของค่ายกลสังหารแห่งสำนักกระบี่คุนหลุน กลับถูหนิงหลิงยู่ยึดครองไปได้ง่ายๆเช่นนี้
“หึ!หลี่เจี้ยนกัง ในเมื่อเจ้าบังอาจใช้ค่ายกลสังหารทำร้ายข้า ข้าก็จะใช้กระบี่ทองคำเล่มนี้ ทำลายค่ายกลปราการของเจ้า!”
หนิงหลิงยู่ร้องตะโกนบอกไปด้วยความโมโหนางแสยะยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะใช้กระบี่ทองคำในมือ ร่ายรำเพลงกระบี่นวสังหาร เข้าทำลายปราการป้องกันของสำนักกระบี่คุนหลุนทันที
และแล้วค่ายกลปราการสี่ทองก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร