บทที่ 1650 : จักรพรรดินีแห่งเทพ
ในเวลานั้นกระบี่ในมือของหลิงหยุน ก็ได้ฟันเข้ากับกระบี่ทองคำในมือของหนิงหลิงยู่จนหักออก..
ก่อนหน้าที่จะประมือกันมาถึงตอนนี้หากหลิงหยุนจู่โจม และหนิงหลิงยู่ไม่สามารถรับมือได้ นางจะรีบกระโดดถอยหลังหลบทันที
แต่ครั้งนี้ไม่เพียงหญิงสาวไม่กระโดดถอยหลังหนี แต่ยังไม่ยอมหลบอีกด้วย!
และในวินาทีนั้นสีหน้าของหนิงหลิงยู่พลันเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แววตาของนางเต็มไปด้วยความงุนงง และตื่นตระหนก ปากก็ร้องบอกหลิงหยุนว่า
“พี่ใหญ่นี่ข้าเอง.. หลิงยู่!”
หลิงหยุนตกใจสุดขีดและรีบชักกระบี่ในมือกลับออกมาทันที!
จากนั้นดอกบัวทองคำอีกสองดอก ก็ได้กลายเป็นกระบี่ทองคำในมือของหนิงหลิงยู่ ก่อนจะพุ่งทะลวงเข้าใส่หน้าอก และท้องน้อยของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว!
“โอ๊ะ!”
หลังจากที่ถูกกระบี่ทองคำทั้งสองเล่มแทงเข้าใส่ร่างหลิงหยุนก็ถึงกับร้องอุทานออกมาเพราะความเจ็บปวด แต่หลิงหยุนไม่รอให้อีกฝ่ายได้ลงมือซ้ำ ร่างของเขาได้อันตรธานหายไปจากบริเวณนั้นทันที!
และเพียงแค่อึดใจเดียวก็ไปปรากฏตัวห่างออกไปไกลหลายกิโลเมตร!
หนิงหลิงยู่ตั้งใจแทงเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนอย่างสุดกำลังแต่นางก็ไม่คิดที่จะเหาะไล่ตามหลิงหยุนไป นางยังคงยืนจ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาเย้ยหยัน พร้อมกับหัวเราะคิกคัก ก่อนจะร้องตะโกนถามออกไปว่า
“เป็นอย่างไรบ้างเล่า”
หลิงหยุนยังคงนิ่งเงียบไม่ตอบโต้และได้เรียกยันต์บำบัดระดับเจ็ดออกมาปิดไว้ที่บาดแผลทั้งสองอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าจะเป็นถึงยันต์ระดับเจ็ดแต่บาดแผลของหลิงหยุนเวลานี้ไม่ธรรมดา กระบี่ยาวของหนิงหลิงยู่หลอมด้วยพลังอมตะ ฉะนั้น เมื่อแทงเข้าไปในร่างของหลิงหยุน จึงไม่เพียงสร้างบาดแผลภายนอกเท่านั้น แต่ยังทำให้เส้นลมปราณภายในร่างของเขาได้รับความเสียหายด้วย ยันต์บำบัดจึงไม่สามารถที่จะรักษาอาการบาดเจ็บให้หายได้ในฉับพลันทันที!
“เจ้าลองคาดเดาดูสิว่าเมื่อครู่เป็นาง หรือข้ากันแน่”
หลังจากเห็นหลิงหยุนนิ่งเงียบไปหนิงหลิงยู่ก็ยิ่งกระหยิ่มยิ้มย่องใจ ดอกบัวทองคำของนางถูกหลิงหยุนทำลายไปมากมาย แต่นางกลับสามารถค้นพบหนทางที่จะจัดการกับหลิงหยุนได้ และมันก็ได้ผลเกินคาดอย่างมากด้วย!
หลิงหยุนนึกถึงแผนการต่างๆที่ได้ใช้เวลาปรึกษาหารือกับอาวุโสฉางเฟิง และโฉวเปิ่นอยู่นาน แต่หลังจากได้เห็นความเจ้าเล่ห์ของเทพธิดาองค์นี้ เขาก็ได้แต่คิดว่า คงจะต้องปรับเปลี่ยนแผนใหม่ไปตามเหตุการณ์เฉพาะหน้า..
เวลานี้หลิงหยุนจำต้องระมัดระวัง เพื่อมิให้เกิดอันตรายกับผู้บริสุทธิ์ได้!
หลิงหยุนรู้ดีว่าเมื่อครู่หากเขาไม่ชักกระบี่กลับ ต่อให้หนิงหลิงยู่จะเข้าสู่ขั้นจินตัน ก็ยากที่นางจะสามารถหลบความเร็วของกระบี่ตนได้ และอีกฝ่ายจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน!
จากนั้นการต่อสู้ก็คงจะจบสิ้นลง!
แต่หลิงหยุนไม่กล้าพอที่จะเดิมพันเพราะเขาเองก็ไม่มั่นใจว่า หญิงสาวที่ร้องเรียกเขาว่า ‘พี่ใหญ่’ เมื่อครู่นั้น จะเป็นหนิงหลิงยู่ตัวจริง หรือว่าตัวปลอมแน่
ด้วยเหตุนี้การที่เขาชักกระบี่กลับ จึงเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายสามารถทำร้ายตัวเขา จนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้! “เรื่องนี้..ข้าขอมอบสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจให้กับเจ้า และไม่ว่าจะผลลัพธ์จะเป็นเช่นใด ข้าจะไม่ตำหนิเจ้าเลยแม้แต่น้อย!”
ในระหว่างที่รักษาอาการบาดเจ็บอยู่นั้นจู่ๆ คำพูดของฉินจิวยื่อก็ดังขึ้นมาในโสตประสาทของหลิงหยุน!
จะให้เขาสังหารหนิงหลิงยู่อย่างนั้นหรือ
เขาจะทำเช่นนั้นได้อย่างไรกันในเมื่อเขามาที่นี่เพื่อช่วยนาง!
ในระหว่างที่ครุ่นคิดอยู่ในใจนั้นสายตาของหลิงหยุนก็กวาดมองไปรอบตัว และพบว่า เวลานี้หนิงหลิงยู่ยังเหลือดอกบัวทองคำอีกสามสิบหกดอก..
ภายในเวลาแค่ชั่วประเดี๋ยวเดียวหลิงหยุนก็สามารถทำลายดอกบัวทองคำของหญิงสาวไปได้ถึงสี่สิบห้าดอกในคราเดียว..
“ข้าหาได้สนใจไม่ว่าเมื่อครู่จะเป็นหนิงหลิงยู่ตัวจริง หรือตัวปลอม! ขอเพียงแค่เทพธิดาผู้อยู่บนสรวงสวรรค์ชั้นเก้า ที่สละตัวเองมาอยู่บนโลกมนุษย์ ยอมเรียกข้าว่า ‘พี่’ เพียงแค่นี้ก็นับว่าคุ้มค่ายิ่งแล้ว!”
“เจ้าร้องเรียกข้าอีกสิเร็วเข้า! เรียกข้าว่าพี่หลิงหยุนอีกสิ!”
จากนั้นหลิงหยุนก็เริ่มกล่าววาจาลามกกับหนิงหลิงยู่ “ข้ายิ่งฟังก็ยิ่งมีความสุขยิ่งนัก! แต่อีกไม่นาน เจ้าจะเรียกข้าด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป เจ้าจะเรียกข้าว่า ‘พี่หลิงหยุน’ ด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนฉอเลาะ แต่ไม่ใช่ในสนามต่อสู้นี้..”
“เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าเป็นที่ใดเอาล่ะข้าจะบอกให้.. บนเตียงนอนของข้าอย่างไรเล่า! ฮ่าๆๆ”
หลังจากที่ได้ฟังวาจาลามกของหลิงหยุนสีหน้ายิ้มแย้มเมื่อครู่พลันเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งในทันที หนิงหลิงยู่กัดฟันกรอด ฝ่ามือทั้งสองกำแน่น พร้อมกับจ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว..
แต่ถึงแม้จะโมโหโทโสไปก็คงไร้ประโยชน์ในเมื่อเวลานี้ นางได้ตกมาอยู่ในโลกใบเล็กๆ กับหลิงหยุนเพียงลำพังแล้ว และนางก็ไม่สามารถที่จะหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้!
นั่นเพราะเวลานี้พู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ได้ทำการเขียนอักษร แยกบริเวณกว่าหลายร้อยไมล์นี้ให้เป็นเสมือนโลกเล็กๆอีกใบ ที่ตัดขาดจากสรวงสวรรค์และปฐพีเด็ดขาด ทำให้นางไม่อาจหลบลี้หนีไปที่ใดได้..
ด้วยเหตุนี้ทำให้หนิงหลิงยู่ไม่สามารถใช้วิชาคลื่นคงคา และวิชาพฤกษาขจีได้ นั่นเพราะทั้งผืนน้ำ และพื้นพรรณล้วนตั้งอยู่บนผืนดิน แม้ว่านางจะสามารถเรียกมาใช้ได้ ก็คงจะไม่มีอานุภาพแข็งแกร่งพอที่จะจัดการกับหลิงหยุนได้เป็นแน่
ในโลกใบเล็กๆแห่งนี้กายอัปสรของนางก็ไร้ประโยชน์ เพราะไม่อาจดูดซับเอาพลังชีวิตที่อยู่ระหว่างสวรรค์กับผืนดินเข้าไปได้ จึงต้องใช้พลังชีวิตที่มีอยู่ในร่างเท่านั้น แต่ยิ่งใช้ก็ย่อมต้องยิ่งหมดไป..
เวลานี้แม้ว่าทั้งฉางเฟิง และโฉวเปิ่นจะมิได้เข้ามายุ่งกับการต่อสู้ตั้งแต่แรก แต่หนิงหลิงยู่ก็รู้ดีว่า เวลานี้ นางเองหาได้ต่อสู้กับหลิงหยุนเพียงลำพังไม่ แต่กำลังต่อสู้กับยอดฝีมือถึงสามคนในคราเดียวต่างหาก!
หาไม่แล้วหนิงหลิงยู่คงจะมิต้องรีบเร่งลงมือสังหารหลิงหยุนเช่นนี้ นั่นเพราะหญิงสาวเองก็รู้ดีว่า มีเพียงแค่ต้องสังหารหลิงหยุนทิ้ง จึงจะทำให้จิตวิญญาณที่อยู่ในของวิเศษทั้งสองชิ้นไร้ซึ่งเจ้านาย นางจึงจะสามารถออกไปจากโลกเล็กๆใบนี้ได้
แต่หนิงหลิงยู่กลับคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะมีของวิเศษอยู่ในมือมากมายเช่นนี้!
เจ็ดวันก่อนหน้านี้หญิงสาวได้บุกถล่มสำนักน้อยใหญ่บนเทือกเขาคุนหลุน และได้ดูดซับเอาพลังชีวิตทั่วทั้งขุนเขาแห่งนี้เข้าไป อีกทั้งในช่วงเวลานั้น ก็ได้รวบรวมยุทธภัณฑ์ล้ำเลิศของยอดฝีมือต่างๆ มาหลอมเป็นกระบี่เหินอีกหลายเล่ม มิหนำซ้ำ เวลานี้ นางเองก็ได้เข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานแล้ว..
แต่กลับคิดไม่ถึงว่ายุทธภัณฑ์ของหลิงหยุนนั้นกลับเหนือกว่าของตนเอง อีกทั้งยังมีจำนวนมากกว่าด้วย!
ดอกบัวทองคำทั้งแปดสิบเอ็ดดอกเกิดจากพลังอมตะสีทองซึ่งพลังอมตะภายในดอกบัวทั้งแปดสิบเอ็ดดอกนั้น เพียงพอที่จะทำให้หญิงสาวเข้าสู่ขั้นจินตันได้อย่างไม่ลำบาก แต่ตอนนี้ ดอกบัวทองคำเหล่านั้นกลับถูกหลิงหยุนทำลายไปมากกว่าครึ่ง และพลังอมตะสีทองก็ได้ถูกพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ และสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพฉกฉวยไปอีกครั้งจนได้
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ได้สร้างความเจ็บปวดใจให้กับหญิงสาวเป็นอย่างมาก!
อีกทั้งเวลานี้กระบี่โลหิตเทวะในมือของหลิงหยุน ก็ยังมีรัศมีพลังที่แข็งแกร่งเกินจะต้านอีกด้วย!
หลังจากที่จิตวิญญาณของเทพธิดาในร่างของหนิงหลิงยู่ตื่นขึ้นนางก็รีบเร่งที่จะพัฒนาขั้นพลังบ่มเพาะให้ก้าวหน้าโดยเร็ว โดยไม่สนใจว่าธาตุไฟจะเข้าแทรกหรือไม่อย่างไร อีกทั้งมิได้หวาดหวั่นต่อการรับทัณฑ์สวรรค์ ขอเพียงแค่ได้พัฒนาขั้นพลังบ่มเพาะให้ก้าวหน้าโดยเร็วเท่านั้น
หลังจากนั้นเมื่อนางแข็งแกร่งและมีอำนาจจิตที่สูงส่งพอ นางก็จะทำลายร่างกาย และจิตวิญญาณของหนิงหลิงยู่ทิ้งเสีย เพราะเมื่อเวลานั้นมาถึง นางก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยกายนี้อีกแล้ว นางจะทิ้งกายนี้และกลับไปอยู่ในดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ดังเดิม..
เพราะนางคือจักรพรรดินีแห่งเทพทั้งหลายและเป็นจักรพรรดินีที่แข็งแกร่งที่สุดบนสรวงสวรรค์อีกด้วย!
แต่ถึงแม้จะเป็นจักรพรรดิแห่งเหล่าเทพที่แข็งแกร่งมากเพียงใดเมื่อมาจุติใหม่บนโลก ย่อมต้องตกอยู่ภายใต้กฏสวรรค์ นางอาจจะสามารถฉกฉวยบางอย่างติดตัวมาได้ แต่ย่อมไม่อาจฝืนกฏสวรรค์ได้แน่!
ด้วยเหตุนี้นางจึงเฝ้าพัฒนาขั้นพลังบ่มเพาะอย่างบ้าคลั่ง โดยมิสนใจว่าต้องใช้ทรัพยากรมากมายเพียงใด เพราะถึงอย่างไรนางก็จะต้องสรรหามาให้ได้..
และการที่นางทำลายผนึกของพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ก่อนเวลาอันควรก็ด้วยเหตุผลนี้เช่นกัน!
ส่วนเหตุผลที่นางต้องการแข็งแกร่งโดยเร็วนั้นก็หาใช่เพราะหลิงหยุนไม่ แต่เป็นเพราะเย่ซิงเฉินต่างหาก!
และหนิงหลิงยู่ก็ได้พบกับเย่ซิงเฉินเป็นครั้งแรกที่สำนักกระบี่เทียนซาน!
แม้เวลานี้นางจะเป็นเพียงแค่จิตวิญญาณส่วนหนึ่งของจักรพรรดินีแห่งเทพทั้งหลาย แต่นางก็สามารถจดจำกลิ่นอายที่คุ้นเคยของเย่ซิงเฉินได้ดี
นั่นเพราะเย่ซิงเฉินก็คือศัตรูของนางเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน และหญิงสาวผู้นี้ก็คือจักรพรรดินีผู้แข็งแกร่งที่สุดของเทพฝ่ายมารนั่นเอง!
นางอยู่ที่นี่!นางอยู่บนโลกใบนี้!
นางปรากฏตัวขึ้นอีกคราที่นี่! ช่างเป็นความรู้สึกที่ตามหลอกหลอนข้ายิ่งนัก!
แต่เมื่อครั้งที่หนิงหลิงยู่และเย่ซิงเฉินได้พบกันที่สำนักกระบี่เทียนซานนั้น จิตวิญญาณของเย่ซิงเฉินยังมิได้ตื่นรู้ นางจึงยังไม่สามารถจดจำฐานะที่แท้จริงของตนเองได้!
แม้ว่าจิตวิญญาณของเย่ซิงเฉินจะยังไม่ตื่นรู้แต่ด้วยความเป็นศัตรูที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจ ทำให้หญิงสาวทั้งสองประมือกันอย่างเอาจริงเอาจัง..
ครั้งนั้นความแข็งแกร่งของเย่ซิงเฉินยังไม่ได้ด้อยไปกว่าหนิงหลิงยู่นัก แต่นางก็รู้ดีว่า เมื่อใดที่หญิงสาวข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จอีกครั้ง จิตวิญญาณของนางจะตื่นรู้ขึ้นมาเช่นกัน และเมื่อถึงเวลานั้น นางจะสามารถจดจำได้ว่า ตนเองคือจักรพรรดินีฝ่ายมาร รวมถึงจุดประสงค์การมาจุติของตนเอง
หากทั้งสองฝ่ายได้เผชิญหน้ากันหลังจากนั้นคงยากที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายได้แน่! แต่แน่นอนว่าหนิงหลิงยู่จะไม่มีทางบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ ให้หลิงหยุนรู้อย่างแน่นอน!
แต่จักรพรรดินีฝ่ายมารผู้นี้นั้นแตกต่างจากหลิงหยุนเมื่อใดที่นางตื่นรู้แล้ว นางย่อมจะต้องร่วมมือกับหลิงหยุนสังหารตนแน่!
เพียงแค่หลิงหยุนผู้เดียวก็แข็งแกร่งจนยากที่จะรับมือแล้ว หากรวมนางมารศัตรูเมื่อหนึ่งหมื่นปีเข้าไปอีกคน แน่นอนว่า แผนการทั้งหมดที่วางไว้ต้องล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า..
และหากทั้งสองคนร่วมมือกันแล้วมีหรือที่จะไม่สามารถสังหารหนิงหลิงยู่ได้!
ด้วยเหตุนี้หนิงหลิงยู่จึงจำเป็นต้องลงมือสังหารหลิงหยุน ก่อนที่จิตวิญญาณของเย่ซิงเฉินจะตื่นรู้ เพราะหลังจากนั้น ทั้งนางและเย่ซิงเฉินคงจะต้องใช้โลกใบนี้เป็นดั่งสนามต่อสู้
การที่หนิงหลิงยู่บุกถล่มสำนักน้อยใหญ่บนเขาคุนหลุนนั้นจุดประสงค์ของนางก็คือ ต้องการยึดพื้นที่ซึ่งมีพลังชีวิตหนาแน่นนี้ไว้ เพื่อจะได้อาศัยพลังชีวิตเหล่านี้ในการพัฒนาขั้นพลังของตน
หลังจากนั้นก็จะอาศัยโอกาสที่หลิงหยุนออกตามหานี้ สังหารชายหนุ่มเสีย และเมื่อสังหารหลิงหยุนแล้ว เมื่อจิตวิญญาณของนางมารนั่นตื่นรู้ หนิงหลิงยู่ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวสิ่งใดอีก และจะต่อสู้กับนางจนกว่าจะตายไปข้าง
เย่ซิงเฉินมีตำแหน่งเป็นถึงธิดาพรรคมารฉะนั้น เมื่อใดที่จิตวิญญาณของนางตื่นรู้ พรรคมารจะต้องตกไปอยู่ในกำมือของนางอย่างไม่ต้องสงสัย..
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหนิงหลิงยู่เองกลับคิดไม่ถึงว่า หลิงหยุนจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!
ที่ผ่านมาแม้นางจะรู้ว่าหลิงหยุนไม่ทำสิ่งใด เฝ้าแต่พรากเพียรฝึกวรยุทธบ่มเพาะ แม้จะมีของวิเศษอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ต่างจากของเด็กเล่นในสายตาของนาง ด้วยเหตุนี้ หนิงหลิงยู่จึงเอาแต่เฝ้าพัฒนาขั้นพลังของตน โดยไม่สนใจหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย
และคืนนี้หนิงหลิงยู่ก็ตั้งใจเล่นสนุกกับสำนักกระบี่คุนหลุน เพื่อรอให้หลิงหยุนมาถึงเท่านั้น..
และในที่สุดหลิงหยุนก็มาจริงๆ แต่หนิงหลิงยู่กลับคิดไม่ถึงว่า หลิงหยุนจะสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นจิ่วเฉิงชี่ได้แล้ว!
เป็นเพราะจุดตันเถียนอันน่าอัศจรรย์ของหลิงหยุนทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถล่วงรู้ขั้นพลังของเขาได้ แต่เพราะดวงจิตของหนิงหลิงยู่เวลานี้เป็นจิตวิญญาณของเทพธิดา นางจึงสามารถล่วงรู้ได้อย่างง่ายดาย
และนับว่าหลิงหยุนสามารถฝึกฝนได้ก้าวหน้าไม่ด้อยไปกว่านางเลย!
เวลานี้หลังจากที่ได้ฟังหลิงหยุนกล่าววาจาลามกดูหมิ่นตัวนางนั้น หนิงหลิงยู่เองก็เริ่มจะไม่มั่นใจแล้วว่า..
เวลานี้ผู้ใดคือหนู และผู้ใดคือแมวกันแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร