บทที่ 1652 : กำหราบด้วยแส้
นับตั้งแต่ประมือกันมานี่เป็นครั้งแรกที่หลิงหยุนเห็นหนิงหลิงยู่อยู่ในอาการเหม่อลอยเช่นนี้..
และผู้ฝึกวรยุทธบ่มเพาะด้วยกันจะเรียกอาการลักษณะนี้ว่าอาการสูญเสียจิตแห่งเต๋า!
การที่หลิงหยุนหยุดนิ่งไม่จู่โจมหนิงหลิงยู่นั้นหาใช่เพราะเขาต้องการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บไม่ แต่เป็นเพราะเขาตั้งใจที่จะไม่ทำเช่นนั้นต่างหากเล่า..
นับตั้งแต่ที่เริ่มประมือกันหลิงหยุนก็จงใจใช้คำพูดลามกหยาบโลน ที่มั่นใจว่าเมื่อเอ่ยออกไปแล้ว จะสามารถทำให้นางทั้งโกรธแล้วก็อัปยศอดสูเป็นอย่างมาก เพื่อทำลายจิตใจที่มั่นคงแน่วแน่ของนาง และเวลานี้ เขาก็ได้บรรลุเป้าหมายนั่นแล้ว..
ยิ่งนางครุ่นคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นผลดีต่อเขา และยิ่งนางเหม่อลอยมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งบรรลุจุดประสงค์ของเขามากเท่านั้น อีกทั้งเขาเองก็ยังมีเวลาอยู่มาก..
ยิ่งหนิงหลิงยู่ใช้เวลาไปกับความคิดมากเพียงใดจิตใจของนางก็จะยิ่งอ่อนแอลงมากเท่านั้น แต่นั่นก็จะยิ่งเป็นไปตามแผนของหลิงหยุน!
“หุบปาก!”
หลิงหยุนรู้ดีว่าเสียงตวาดเมื่อครู่นี้ หนิงหลิงยู่มิได้ตวาดใส่ตนเอง แต่ตวาดใส่จิตวิญญาณอีกหนึ่งดวงในร่างต่างหาก!
และการที่นางสูญเสียจิตแห่งเต๋าไปชั่วระยะหนึ่งนั้นก็ได้ทำให้จิตวิญญาณของหนิงหลิงยู่ หลุดพ้นจากการสะกดของนางได้..
เห็นได้ชัดว่าจิตวิญญาณของหนิงหลิงยู่ได้พยายามดิ้นรน ต่อต้านการสะกดของจิตวิญญาณเทพธิดามาอย่างต่อเนื่องตลอด เมื่อมีโอกาส นางจึงได้แสดงการตอบโต้ทันที!
“ข้าสั่งให้เจ้าหุบปาก!”
เสียงร้องตะโกนเกรี้ยวกราดครั้งที่สองของหญิงสาวทำให้หลิงหยุนยิ่งมั่นใจว่า นางกำลังสูญเสียความเป็นตัวเองไปอย่างมาก และหากเขาไม่ฉวยโอกาสลงมือในตอนนี้ ย่อมต้องพลาดโอกาสทองไปแน่ๆ
ด้วยเหตุนี้หลิงหยุนจึงไม่รอช้า พุ่งเข้าจู่โจมหนิงหลิงยู่ด้วยหมัดปีศาจเถียนกังทันที ไม่เปิดโอกาสให้นางได้มีโอกาสตั้งตัว!
หลิงหยุนไม่ยั้งมือแม้แต่น้อยเขาซัดกำปั้นเข้าใส่ร่างของหญิงสาวสุดกำลัง และหมัดของเขาในเวลานั้น ก็มีน้ำหนักมากถึงสองพันกิโลกรัมเลยทีเดียว!
แต่หลิงหยุนก็มิได้กังวลว่าตนเองจะลงมือรุนแรงเกินไปจนเกิดอันตรายต่อร่างของหนิงหลิงยู่ เพราะหลังจากที่ได้ประมือกับหญิงสาวมานานกว่าครึ่งชั่วโมง ทำให้เขาสามารถคาดเดาความแข็งแกร่งของนางได้..
ร่างของหนิงหลิงยู่ลอยละลิ่วออกไปไกลถึงสองพันกิโลเมตรและถึงแม้จะมีพลังอมตะเป็นเกราะคุ้มกันร่างกายอยู่ก็ตาม แต่เมื่อถูกแรงกระแทกรุนแรงเช่นนั้น ย่อมทำให้สัมผัสเทวะของนางได้รับแรงกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ทำให้ไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้ชัดเจนดังเดิม!
ในระหว่างที่ร่างของหนิงหลิงยู่ยังคงละลิ่วกลับหัวกลับหางออกไปเช่นนั้นแม้จะอยู่ในอาการตกใจสุดขีด แต่หญิงสาวก็ได้พยายามที่จะลืมตาขึ้นมอง และทันทีที่เปิดเปลือกตาขึ้น สิ่งที่นางเห็นก็คือ กำปั้นของหลิงหยุนที่ลอยตามมา!
ปัง!
กำปั้นของหลิงหยุนปะทะเข้ากับร่างของหนิงหลิงยู่อีกครั้งร่างของหญิงสาวลอยละลิ่วตกลงกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง และเมื่อสิ้นเสียงดังปัง! ผืนดินเบื้องล่างก็ได้ปรากฏหลุมลึกที่มีรูปร่าง และขนาดเท่ากับมนุษย์ขึ้น!
ฟิ้ว..ฟิ้ว.. ฟิ้ว..
ดอกบัวทองคำสามดอกพุ่งออกมาจากหลุมลึกนั้น และตรงเข้าใส่ร่างของหลิงหยุน แต่เมื่อไปถึงหน้าตรงหน้าเขา ดอกบัวทองคำทั้งสามก็ถูกทำลายเป็นจุนทันที! หลังจากชกหนิงหลิงยู่เข้าไปถึงสองหมัดหลิงหยุนก็ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น เขาเหาะรอหญิงสาวอยู่บนท้องนภาอย่างใจเย็น และภายในรัศมีจิตหยั่งรู้ของเขา ก็พบว่าร่างของหนิงหลิงยู่ได้อันตรธานหายไปจากก้นหลุมยักษ์แล้ว
‘ล่องหนสินะ’
หลิงหยุนได้แต่นึกเย้ยหยันอยู่ภายในใจแต่เขาก็คร้านที่จะตามหาหญิงสาว เพราะเวลานี้ เขามีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ
หลิงหยุนเรียกกระจกวงกลมออกมาถือไว้ในมือและกระจกวงกลมบานนี้ เขาก็ได้มาจากพระภิกษุนามว่าคุณจันทร์แห่งสำนักหมื่นพุทธรูป เมื่อครั้งที่บุกไปถล่มชาวพันธมิตรหนานหยางคราก่อน
หลิงหยุนเดินวิชาพลังลับหยิน-หยางและเริ่มถ่ายเทพลังหยิน และหยางลงไปในกระจกทรงกลมบานนั้น
แต่กลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น! “กระจกไม่ตอบสนองงั้นรึดูเหมือนจะใช้งานไม่ง่ายทีเดียว..”
หลิงหยุนจึงได้ทดลองถ่ายเทพลังทั้งห้าธาตุเข้าไปซึ่งได้แก่ธาตุทอง ธาตุไม้ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ และธาตุดิน แต่ปรากฏว่า กระจกก็ยังไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ จากกระจกบานนั้น
“หรือว่า..จะต้องใช้พลังพุทธะเท่านั้นนะ แต่ข้าจะไปหาพลังพุทธได้จากที่ใดเล่า?”
แต่ในระหว่างที่หลิงหยุนกำลังจะเรียกกระจกบานนั้นเข้าไปเก็บไว้ในแหวนด้วยความรู้สึกสิ้นหวังนั้น จู่ๆ ความคิดหนึ่งพลันผุดขึ้นมาในหัวของเขา
วิชาหยางพิสุทธิ์!
หลิงหยุนไม่รอช้าเขารีบเดินวิชาหยางพิสุทธิ์ พร้อมกับถ่ายเทพลังหยางบริสุทธิ์ลงไปในกระจกบานนั้นทันที!
บูม!
ลำแสงสีขาวสว่างเจิดจ้าประหนึ่งอสุนีบาตที่ฟาดผ่านท้องนภาในยามค่ำคืน ทำให้รัศมีความมืดรอบตัวกว่าหนึ่งกิโลเมตร พลันเปลี่ยนเป็นสว่างรุ่งโรจน์ดุจเวลากลางวัน!
“ช่างเป็นสมบัติที่ล้ำค่ายิ่งนัก!”
หลิงหยุนยิ้มกว้างด้วยความพอใจเขาไม่รอช้า รีบหันกระจกในมือเข้าใส่กระบี่เล่มหนึ่งของหนิงหลิงยู่ที่กำลังพุ่งฝ่าอากาศเข้ามาทันที!
ลำแสงสีขาวนั้นดูเหมือนจะไม่ยินดีที่จะจู่โจมกระบี่เล่มนั้นแต่กลับล้อมกระบี่เล่มนั้นเป็นวงกลม หลังจากนั้น กระบี่นั่นก็สั่นอยู่กลางอากาศอย่างรุนแรง ก่อนจะร่วงตกลงสู่ผืนดินเบื้องล่าง
“ฮ่าๆๆสนุกมากจริงๆ!”
หลิงหยุนร้องตะโกนออกมาอย่างมีความสุขเขาตวัดข้อมืออีกครั้ง แล้วลำแสงสีขาวก็พุ่งเข้าใส่กระบี่อีกสามเล่ม ที่กำลังพุ่งฝ่าห้วงอากาศเข้ามา จากนั้น กระบี่ทั้งสามเล่มก็ร่วงลงเช่นกัน.. ในที่สุดหลิงหยุนก็เข้าใจว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น..
นั่นเพราะลำแสงสีขาวที่พุ่งจากออกจากกระจกบานนี้ จะทำหน้าที่สองอย่างคือ อย่างแรก.. จะทำให้ของวิเศษไม่สามารถสื่อสารผ่านทางจิตกับเจ้านายของมันได้ ในเมื่อสื่อสารไม่ได้ เจ้าของของวิเศษชิ้นนั้น ก็ไม่สามารถควบคุมของวิเศษของตนได้ชั่วคราว
และอย่างที่สอง..เมื่อของวิเศษใดถูกลำแสงสีขาวจากกระจกบานนี้เข้า จิตวิญญาณที่อยู่ภายในของวิเศษชิ้นนั้น จะได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงขั้นเข้าสู่สภาวะหลับลึกไปเลยทีเดียว!
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็รีบใช้เท้าเทวะเทียนจู๋ทง พุ่งลงไปหยิบกระบี่เหินทั้งสี่เล่มของหนิงหลิงยู่ที่ตกอยู่บนพื้นดิน เข้าไปไว้ในแหวนจักรวาลของตนเองทันที
หลังจากกำจัดกระบี่เล่มอื่นๆแล้วหลิงหยุนก็จ้องมองไปทางกระบี่เหินเล่มที่แข็งแกร่งที่สุดของหนิงหลิงยู่ และกระบี่เหินระดับเต๋าของนางเล่มนี้ ก็มิได้ด้อยไปกว่ากระบี่จักรพรรดิมังกรของเขาเลยแม้แต่น้อย!
หลิงหยุนจัดการหันกระจกในมือเข้าใส่กระบี่เหินเล่มนั้นทันที!
แต่ช่างน่าเสียดายยิ่งนักที่กระบี่เหินเล่มนั้นกลับเปลี่ยนเป็นลำแสงสีขาว และพุ่งหนีออกไปในทันที!
“หึ!หนีไปก่อนจนได้!”
หลิงหยุนได้แต่บ่นพึมพำออกมาอย่างนึกเสียดายพร้อมกับเปิดเนตรเทวะเทียนเอี๋ยนทงออกสำรวจดู..
และทันทีที่หลิงหยุนทำการเปิดเนตรเทวะเทียนเอี๋ยนทงวิชาล่องหนของหนิงหลิงยู่ก็ไร้ประโยชน์ทันที เขาเห็นร่างของหญิงสาวกำลังหลบหนีไปทางทิศใต้ ด้วยความเร็วสูงสุด!
ริมฝีปากของหลิงหยุนเผยอขึ้นเป็นรอยยิ้มและคร้านที่จะไล่ตามหญิงสาวไป เพราะรู้ดีว่า ถึงอย่างไรนางก็ไม่มีทางที่จะหนีรอดไปได้อย่างแน่นอน
“นี่เจ้ายังใจเย็นอยู่ได้อีกอย่างนั้นรึ”
เสียงนั้นดังออกมาจากร่างของใครบางคนที่สูงกว่าสองเมตรและกำลังยืนอยู่หน้าต้นหลิวเทวะวิญญาณ ซึ่งเป็นมรดกตกทอดของตระกูลหลิง..
เวลานี้หลิวเทวะวิญญาณมีสภาพที่สมบูรณ์อย่างยิ่งมันแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปไกลกว่าสิบเมตร ลำต้นเป็นสีเขียวเข้มสว่างไสวเจิดจ้าดั่งมรกต บ่งบอกถึงความมีชีวิตชีวาที่ไม่สิ้นสุด
“อาวุโสได้โปรดช่วยเหลือข้าด้วย!ขอข้าหยิบยืมกิ่งก้านเล็กๆ ของท่าน เพื่อใช้เป็นอาวุธจับตัวนางด้วยเถิด!”
“พ่อหนุ่ม!เจ้าต้องการหยิบยืมกิ่งก้านหลิวเทวะที่มีความยาวเท่าใด จำนวนเท่าใด ควรต้องระบุให้ข้าฟังอย่างชัดเจนด้วย” หลิวเทวะวิญญาณเอ่ยตอบ
หลิงหยุนได้แต่แอบส่งสายตาค้อนและแอบคิดอยู่ภายในใจว่า “ข้าต้องจำนวนเท่าไหร่ และยาวเพียงใด ท่านเองก็ย่อมจะรู้แก่ใจดีมิใช่รึ เหตุใดยังต้องถามข้าอีกเล่า?”
แต่ปากก็ได้แต่เอ่ยตอบไปว่า“ข้าอยากจะขอยืมกิ่งหลิวสักสามสี่กิ่ง กิ่งหนึ่งยาวสิบเมตร อีกสามกิ่งยาวอย่างละหนึ่งเมตร แต่ละกิ่งขนาดเท่านิ้วก้อยกำลังพอดี..”
“ตกลง!แต่หากเจ้าเข้าไปที่สุสานจักรพรรดิฉินซีอีกครั้ง อย่าลืมนำข้าเข้าไปกับเจ้าด้วยล่ะ!”
“….”
หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออกเขาเข้าใจจุดประสงค์ของหลิวเทวะวิญญาณดีว่า คงจะรู้สึกหิวโหย!
“อาวุโส!ข้าเกรงว่า หากเป็นสุสานจักรพรรดิฉินซีคงจะไม่ได้!” หลิงหยุนตอบกลับทันที
“เช่นนั้นก็เขาเป่ยเหมิงซาน..ที่นั่นมีดวงวิญญาณของภูติผีอยู่มากมาย คงจะเพียงพอให้ข้าอิ่มหนำไปได้อีกนานทีเดียว!” หลิวเทวะวิญญาณเอ่ยตอบ
“ตกลง!”หลิงหยุนตอบตกลงทันที
“เช่นนั้นก็รับไป!”
กิ่งหลิวเทวะความยาวสิบเมตรและอีกสามกิ่งความยาวหนึ่งเมตร ขนาดเท่านิ้วก้อย ได้ร่วงลงมากอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนทันที!
“ขอบคุณอาวุโส!”
หลิงหยุนใช้พลังเหนือธรรมชาติของตนจัดการถักทอกิ่งหลิวเทวะให้กลายเป็นแส้ที่มีขนาดยาวกว่าสิบเมตร..
เขาทดลองตวัดแส้ในมือไปมาและรับรู้ได้ถึงความถนัดมือ หลิงหยุนพึมพำออกมาด้วยความพึงพอใจ
“เอาล่ะจากนี้ไปข้าจะจัดการกับเจ้าด้วยแส้เส้นนี้!”
หลิงหยุนยังจำคำพูดของโม่วู๋เตาได้ดีนักพรตน้อยได้เคยบอกกับเขาว่า หลิวเทวะวิญญาณนั้นมีอำนาจพลังต่อภูติผีวิญญาณและจิตวิญญาณของเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์ กระทั่งเทพเซียนที่มีพลังอำนาจ ยังไม่สามารถใช้พลังอำนาจวิเศษของตนได้ เมื่อยู่ต่อหน้าหลิวเทวะวิญญาณนี้
อีกทั้งโฉวเปิ่นสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพ ก็ได้เคยบอกเรื่องนี้กับเขาด้วย หลิงหยุนจึงยิ่งเชื่อมั่นเช่นนั้น!
ฉะนั้นคงจะไม่มีอาวุธใดที่จะใช้กำหราบหนิงหลิงยู่ ได้ดีไปกว่าหลิวเทวะวิญญาณอีกแล้ว!
หากเป็นผู้อื่นที่บังอาจท้าทายหลิงหยุนเช่นนี้แล้วล่ะก็เขาคงไม่ลังเลที่จะใช้กระบี่จักรพรรดิมังกร กระบี่โลหิตเทวะ หรืออาวุธอื่นๆ สังหารให้สิ้นซากไปแล้ว
แต่นี่เป็นหนิงหลิงยู่เมื่อครู่เขาจึงใช้กำปั้นชกเข้าไปเพียงแค่สองหมัด หากเขายังคงฝืนใช้ความรุนแรงต่อไป เชื่อว่าอาจพลาดพลั้นทำให้ร่างกายของหนิงหลิงยู่บอบช้ำได้ เขาจึงคิดที่จะใช้แส้เล็กๆนี้กำหราบหญิงสาวแทน..
บูม! หลังจากที่หลิงหยุนเพิ่งจะสานอาวุธใหม่ของตนเองเสร็จเขาก็ได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น เวลานี้ ผืนปฐพีใต้ฝ่าเท้าของเขากำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ปรากฏว่าหนิงหลิงยู่ที่กำลังเหาะหนีไปอย่างรวดเร็วนั้น ชนเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็น ซึ่งเป็นเส้นกั้นโลกใบเล็กนี้ไว้ จนถึงกับกระเด็นถอยหลัง!
หลิงหยุนจัดการเรียกกระบี่จักรพรรดิมังกรกลับเข้าไปภายในจุดกึ่งกลางหว่างคิ้วของตน และของวิเศษทั้งหมดกลับเข้าไปในร่าง และแหวนจักรวาลดังเดิม
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ได้ถือแส้ไว้ในมือ พร้อมกับเหาะออกไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เพื่อจัดการกับหนิงหลิงยู่..
*****************************************************
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร