บทที่ 1653 : สมุดจักรพรรดิช่วยชีวิต
เมื่อหลิงหยุนไปถึงเขาก็พบหนิงหลิงยู่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น หญิงสาวเปิดเปลือกตาขึ้น พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาคู่งามทั้งสองซึ่งจับจ้องอยู่ที่ร่างของหลิงหยุนนั้น ทั้งเย็นชา ดุดัน และคมกริบ
เวลานี้ผมยาวสลวยดำขลับนั้นค่อนข้างยุ่งเหยิงเล็กน้อยบนหน้าผากที่เคยเนียนเรียบ และขาวนวล กลับมีรอยนิ้วสีแดงปรากฏอยู่ สร้างความอับอายให้กับหญิงสาวเป็นอย่างมาก
“เอ๊ะ!ผู้ใดกันมานั่งอยู่ตรงนี้ โอ้! หน้าผากของเจ้าทำไมถึงได้แดงก่ำเช่นนั้น? อ่อ.. ที่แท้เสียงดังโครมเมื่อครู่นี้ ก็เป็นเพราะเจ้าเหาะชนเข้ากับกำแพงสินะ?”
หลิงหยุนเหาะลงไปยืนอยู่กับผืนดินเบื้องล่างและเวลานี้ ร่างของเขาก็อยู่ห่างจากร่างของหนิงหลิงยู่ไปเพียงแค่ไม่กี่เมตรเท่านั้น ใบหน้าของเขายิ้มแย้มสดใส บ่งบอกว่ากำลังมีความสุขอย่างมาก!
แต่หลังจากที่ได้เห็นหนิงหลิงยู่ใกล้ๆเขาก็ถึงกับต้องตกใจเป็นอย่างมาก!
นั่นเพราะหมัดปีศาจเถียนกังซึ่งมีน้ำหนักถึงสองพันกิโลกรัมที่เขาซัดเข้าไปที่หน้าผากของหนิงหลิงยู่จนหน้าหงายนั้น กลับทำให้เกิดเพียงแค่รอยนิ้วมือสีแดงได้เท่านั้น นับว่าเกราะป้องกันของหญิงสาวนั้นช่างแข็งแกร่งมากจริงๆ!
หลังจากที่พุ่งชนเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็นเพียงแค่ครั้งเดียวหนิงหลิงยู่ก็รู้ได้ทันทีว่า ด้วยขั้นพลังของตนเองในเวลานี้ ไม่สามารถที่จะทลายกำแพงออกไปได้แน่ และหากนางยังฝืนต่อไป ก็จะเป็นการสูญเสียงพลังชีวิตโดยใช่เหตุ
“หลิงหยุนเจ้ากล้าเปิดโลกใบเล็กนี่ออก แล้วไปสู้กับข้าบนสรวงสวรรค์หรือไม่” หนิงหลิงยู่ร้องตะโกนถามอย่างท้าทาย
“ข้าไม่กล้า!” หลิงหยุนตอบกลับโดยแทบไม่ต้องคิดเขาส่ายหน้าไปมาพร้อมกับเอ่ยต่อด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ที่ข้ามาพบเจ้าในวันนี้หาใช่มาเพื่อประมือกับเจ้าไม่! แต่ท่านแม่เห็นว่าเจ้าออกมาเที่ยวเล่นนานแล้ว นางจึงสั่งให้ข้ามาตามเจ้ากลับไป!”
หลังจากได้ยินคำว่า‘ท่านแม่’ หนิงหลิงยู่ก็ถึงกับปิดเปลือกตาลง พร้อมกับเอ่ยบอกหลิงหยุนไปว่า “เจ้ากลับไปบอกนาง ข้ามิใช่บุตรสาวของนางอีกต่อไปแล้ว..”
“เห็นแก่ที่นางให้ข้ายืมครรภ์ถือกำเนิดข้ารับรองว่านับจากนี้ นางจะสามารถฝึกบ่มเพาะตนได้โดยไร้อุปสรรค จนกระทั่งกลายเป็นเซียนขึ้นสู่สรวงสวรรค์!”
หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่ปรายตามองก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “นี่แม่เทพธิดา ข้าว่าเจ้าคงจะเข้าใจอะไรผิดแล้ว..”
“เมื่อครู่ข้าบอกกับน้องสาวของข้า – หนิงหลิงยู่ต่างหากเล่า! แต่ไม่ใช่น้องสาวสิ เพราะอีกประเดี๋ยวนางก็จะต้องเป็นภรรยาของข้าแล้ว!”
“อ่อ..เจ้าจะเอาอะไรมาปกป้องท่านแม่ของข้า ในเมื่อกระทั่งตัวเจ้าเอง เจ้ายังยากที่จะปกป้องได้เลย!”
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของหลิงหยุนหนิงหลิงยู่ก็ถึงกับโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที และได้ตอบโต้หลิงหยุนกลับไปเช่นกัน
“หลิงหยุน!อย่าคิดว่าเจ้าจะสามารถเอาชนะข้าได้ อย่าลืมว่า น้องสาวของเจ้าใช้จุดซือไห่ร่วมกันกับข้า หากเจ้ายังขืนบีบบังคับข้ามากนัก ข้าจะกำจัดวิญญาณของนางให้สิ้น และทำให้นางไม่สามารถกลับมาเกิดได้อีก!”
หลิงหยุนยกมือขึ้นชี้หน้าหนิงหลิงยู่“นี่เจ้าขู่ข้างั้นรึ ข้าหวาดกลัวมากทีเดียว..”
หลิงหยุนแสร้งทำสีหน้าหวาดกลัวก่อนจะเอ่ยต่อด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ข้ารู้ว่าเจ้ามีวิธีที่จะครอบครองร่างนี้อยู่ทั้งหมดสามทาง..”
“ทางแรก..เจ้าต้องเจรจาต่อรองกับน้องสาวของข้า ขอร้องให้นางไม่ต่อต้านเจ้า และให้เจ้าอยู่ในร่างของนางได้ แต่ข้าคิดว่านางคงไม่ตกลงเป็นแน่!”
“ทางที่สองเจ้ารีบใช้วิชาของเจ้า ค่อยๆกลืนกินจิตวิญญาณของน้องสาวข้า เพื่อรวมจิตวิญญาณสองดวงเข้าด้วยกัน เพียงแต่วิธีนี้นอกจากต้องใช้เวลานานแล้ว ยังต้องการบุคคลที่เชื่อใจได้มาคอยปกป้องคุ้มกันให้ ซึ่งเจ้าไม่มี..”
“หนทางสุดท้ายใช้วิชาลี้ลับของเจ้า สะกดวิญญาณที่ดื้อรั้นของน้องสาวข้าไว้ ไม่ให้นางส่งผลกระทบต่อการฝึกบ่มเพาะพลังของเจ้าได้ แล้วเร่งฝึกฝนให้เข้าสู่ขั้นหยวนอิงโดยเร็ว ในขั้นนี้ เจ้าจะสามารถแยกจิตวิญญาณของนางออกจากร่างได้!”
“ข้าเชื่อว่าเทพธิดาอย่างเจ้าคงต้องเลือกหนทางสุดท้าย แต่เจ้าคิดว่า ข้าจะเปิดโอกาสให้เจ้าฝึกฝนไปจนถึงขั้นนั้นรึ”
หลังจากที่ได้ฟังหลิงหยุนพูดสีหน้าของหนิงหลิงยู่ก็เปลี่ยนไปทันที นั่นเพราะสิ่งที่หลิงหยุนเอ่ยออกมานั้น ล้วนแล้วแต่ถูกต้องทั้งสิ้น!
สำหรับวิธีแรกหนิงหลิงยู่ต้องไม่ยินยอมอย่างแน่นอน ส่วนวิธีที่สองนั้นใช้เวลานานเกินไป ซึ่งเย่ซิงเฉินอาจตื่นรู้เมื่อใดก็ได้ และเมื่อใดที่ตื่นรู้แล้ว เย่ซิงเฉินย่อมต้องตามหานางชนิดพลิกแผ่นดินแน่ จึงเหลือเพียงแค่วิธีสุดท้ายเท่านั้น ที่ดูเหมือนจะเป็นไปได้มากที่สุด!
หลิงหยุนได้แต่ยืนยิ้มเพราะคำข่มขู่หญิงสาวนั้นไม่เป็นผล!
หากนางสามารถกำจัดจิตวิญญาณของหนิงหลิงยู่ได้ง่ายดังที่พูดเหตุใดนางยังต้องรอมาจนถึงเวลานี้เล่า นางคงจะกำจัดจิตวิญญาณของหนิงหลิงยู่ไปตั้งนานแล้ว!
หลิงหยุนจ้องมองหนิงหลิงยู่แน่นิ่งพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “ข้าจะเห็นแก่ที่เจ้ายังสำนึกบุญคุณท่านแม่ของเข้า ที่อุ้มท้องเลี้ยงดูและให้ความรักเจ้ามา ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง..”
“จงออกไปจากกายนี้แล้วคืนร่างให้กับน้องสาวของข้า แต่หากเจ้ายังไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เจ้าต้องทำให้จิตวิญญาณของตนเองอยู่ในสภาพหลับไหล และรอจนกว่าข้าจะเข้าสู่ขั้นที่สามารถแยกจิตวิญญาณของพวกเจ้าสองคนออกจากกันได้..”
“เจ้าคิดเห็นเช่นใด”
หลิงหยุนเอ่ยบอกด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังซึ่งเป็นการบ่งบอกหญิงสาวเป็นนัยๆว่า หากไม่ยินยอมทำตามเงื่อนไขของเขาแต่โดยดี เขาย่อมไม่ปล่อยนางไว้แน่..
และก็เป็นอย่างที่หนิงหลิงยู่ข่มขู่นางไว้จริงๆไม่ว่าอย่างไร หลิงหยุนก็จะต้องหาหนทางช่วยน้องสาวให้จงได้ และเขาย่อมหาหนทางจัดการกับนางได้อย่างแน่นอน!
หนิงหลิงยู่ก้มศรีษะลงพร้อมกับเอ่ยตอบหลิงหยุนไปอย่างไม่เต็มใจนัก “ข้าเองก็คิดที่จะยอมแพ้เจ้าเช่นกัน แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ข้าหลับไหล! ข้ารับปากว่านับจากนี้ไป จะอยู่เคียงข้างกับนาง จนกว่านางจะแข็งแกร่งกว่าข้า แล้วหลังจากนั้น..”
“เจ้าเตรียมตัวตาย!” แต่แล้วจู่ๆดอกบัวทองคำทั้งสามสิบสามดอกก็ได้อันตรธานหายไปพร้อมกัน และได้กลายเป็นพลังอมตะสีทองไหลกลับเข้าสู่ร่างของหนิงหลิงยู่อย่างรวดเร็ว จากนั้น ลำแสงสีขาวสุกสว่างก็ได้พุ่งออกจากจุดกึ่งกลางหว่างคิ้วของนาง ก่อนจะกลายเป็นกระบี่เหินเล่มใหญ่ พุ่งตรงเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว!
และเวลานี้ทั้งสองคนก็อยู่ห่างกันเพียงแค่สองสามเมตรเท่านั้น!
และครั้งนี้กระบี่เหินระดับเต๋าของหนิงหลิงยู่ก็แข็งแกร่งกว่าเดิมนับสิบเท่า และความเร็วก็สูงกว่าเดิมนับสิบเท่าด้วยเช่นกัน!
คิดไม่ถึงว่าระหว่างนั้นเพื่อต้องการสังหารหลิงหยุนให้ได้ หนิงหลิงยู่ได้แอบเดินวิชาพลังมังกรอยู่เงียบๆ ทำให้พลังบ่มเพาะในร่างของนางเพิ่มขึ้นจากเดิมนับสิบเท่า!
นี่นับเป็นการจู่โจมเฮือกสุดท้ายของหนิงหลิงยู่และนางก็มั่นใจเป็นอย่างมากว่า ด้วยความแข็งแกร่ง และความเร็วของกระบี่เหินในระดับนี้ แม้แต่ยอดฝีมือขั้นหยวนอิง ก็ยังยากที่หลบหลีก หรือตอบโต้ได้ทัน!
และแน่นอนว่าหลิงหยุนเองก็ไม่สามารถหลบหลีก หรือตอบโต้ได้ทัน อีกทั้งของวิเศษทั้งหมดของเขาก็ได้ถูกเก็บเข้าไปแล้ว ในมือจึงมีเพียงแค่แส้ และเชือกที่ทำจากกิ่งหลิวเทวะวิญญาณเท่านั้น
และต่อให้กระบี่จักรพรรดิมังกรพุ่งออกมาเวลานี้ก็ไร้ประโยชน์เช่นกัน!
หรือไม่ก่อนที่กระบี่จักรพรรดิมังกรจะทันได้พุ่งออกมาจากจุดกึ่งกลางหว่างคิ้วหัวของเขาก็อาจจะหลุดจากบ่าไปแล้วก็ได้
แต่ในเวลานั้นเอง..
ครืน..ครืน.. ครืน..
เสียงคล้ายแผ่นดินไหวก็ดังขึ้นถึงสามครั้งจากนั้น แสงสีทองสุกสว่างก็ปรากฏขึ้น!
เงาของพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ได้ปรากฏขึ้นแสงสีทองสุกสว่างพุ่งเข้าไปขวางหน้าหลิงหยุนไว้ ก่อนจะถูกกระบี่เหินของหนิงหลิงยู่กระแทกเข้าใส่จนกระเด็นออกไป!
ประคำโพธิซึ่งเป็นสมบัติพุทธองค์ก็ได้พุ่งออกมาจากแหวนของหลิงหยุน เข้าขวางกระบี่เหินเล่มใหญ่นั้นไว้ แต่แล้วก็กระเด็นออกไปเช่นกัน
สมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพปรากฏขึ้นตรงหน้าหลิงหยุนเช่นกันแต่แล้วก็ถูกกระบี่เหินสีขาวเล่มใหญ่นั้น แทงเข้ากับคัมภีร์โบราณเก่าแก่จนทะลุ
เวลานี้หนิงหลิงยู่ในขั้นก่อสร้างรากฐาน ได้ดูดซับเอาพลังอมตะจากดอกบัวทองคำเข้าไป อีกทั้งยังใช้วิชาพลังมังกรเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อให้กับตนเองอีก ทำให้กระบี่เหินของนางมีสภาพที่แข็งแกริ่งยิ่งนัก!
หากจะกล่าวว่าพลังของหนิงหลิงยู่ในเวลานี้ เทียบเท่ากับขั้นหยวนอิงก็คงจะไม่เกินจริงไปนัก!
หลังจากที่กระบี่เหินเล่มนั้นปักอยู่ในสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพคัมภีร์เล่มใหญ่นั้นก็ได้ลอยละลิ่วออกไป และกระแทกเข้ากับร่างของหลิงหยุนเข้าอย่างแรง!
แม้หลิงหยุนจะไม่ถูกกระบี่เหินเล่มนั้นแทงเข้าแต่ก็ถูกสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพกระแทกเข้าใส่ร่าง และหากไม่ตายก็คงจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส!
หลังจากที่ได้เห็นกระบี่เหินที่แข็งแกร่งของตนเองถูกของวิเศษของหลิงหยุนขัดขวางไว้ถึงสามชั้น ดวงตาทั้งสองข้างก็เป็นประกายขึ้นมาอย่างยากที่จะคาดเดาความหมายได้..
“่ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว!”
แต่ในเวลานั้นเองแสงสีทองสุกสว่างก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าหลิงหยุน มันคือแผ่นกระดาษหน้าหนึ่งของคัมภีร์สีทองเล่มนั้น
ปัง!
กระบี่เหินสีขาวของหนิงหลิงยู่พุ่งทะยานเข้าหมายสังหารหลิงหยุนแต่กลับปะทะเข้ากับสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพอีกครั้ง
และครั้งนี้แสงสีทองกลับแข็งแกร่งดั่งขุนเขา! กระบี่เหินของหนิงหลิงยู่ไม่สามารถทะลวงผ่านกระดาษสีทองแผ่นนั้นไปได้และยิ่งถูกโจมตีมากเท่าไหร่ แสงสีทองนั้นก็ยิ่งสุกสว่างมากขึ้น!
“นี่มันอะไรกัน!”
หนิงหลิงยู่ถึงกับโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมากดวงตาคู่งามจ้องมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ ปากก็ร้องตะโกนด้วยความเดือดดาล
“นี่เจ้ามีของวิเศษล้ำค่าเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
ก่อนหน้านี้แม้หนิงหลิงยู่จะมั่นใจอย่างมากว่า ต้องสังหารหลิงหยุนได้สำเร็จ แต่นางก็ได้วางแผนการสำรองไว้ หากการสังหารหลิงหยุนครั้งนี้ล้มเหลว นางจะใช้กระบี่เหินที่มีความแข็งแกร่งจากเดินสิบเท่านี้ พังกำแพงที่มองไม่เห็นนี้เสีย แล้วรีบหนีออกไป
แต่เมื่อได้เห็นความแข็งแกร่งของสมุดจักรพรรดิหนิงหลิงยู่กลับเปลี่ยนใจ และไม่คิดที่จะหนีอีกแล้ว นางต้องการที่จะฉกฉวย และยึดเอาของวิเศษเหล่านี้มาเป็นของตนเองแทน!
หนิงหลิงยู่รีบยื่นมือออกไปคว้าแผ่นกระดาษสีทองไว้ทันทีแต่กลับลืมสังเกตไปว่า ร่างของหลิงหยุนที่อยู่ด้านหลังกระดาษสีทองแผ่นนั้น ได้อันตรธานหายไปแล้ว..
เพียะ!
แส้สีเขียวที่สานจากกิ่งหลิวเทวะวิญญาณฟาดลงกลางศรีษะของหนิงหลิงยู่อย่างแรง!
หนิงหลิงยู่ที่เวลานี้เดินวิชาพลังมังกรเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเองรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวเข้าไปถึงจิตวิญญาณ ประหนึ่งกำลังถูกเข็มนับพันนับหมื่นเล่มทิ่มแทงอยู่
เพียะ!
เวลานี้หลิงหยุนที่มีสีหน้าเย็นยะเยือกปราศจากอารมณ์ความรู้สึก ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และกำลังยืนถือแส้สีเขียวไว้ในมือ
หนิงหลิงยู่ถึงกับหวาดกลัวจนตัวสั่นก่อนจะล่องหนหายตัวไปในทันที!
เพียะ!
แต่มีหรือที่หลิงหยุนจะยอมปล่อยไปง่ายๆเขาฟาดแส้ในมือลงไปที่ร่างของหนิงหลิงยู่เป็นครั้งที่สาม และครั้งนี้ หญิงสาวถึงกับแน่นิ่ง ก่อนจะหมดสติทรุดลงไปกองกับพื้นทันที..
หลิงหยุนไม่รอช้าเขาโบกสะบัดมือไปมา จากนั้นเชือกซึ่งทำจากกิ่งของหลิวเทวะวิญญาณ ก็ได้พุ่งออกไปรัดร่างของหญิงสาวไว้ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับผูกเป็นปมไว้อย่างแน่นหนาแข็งแรง
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะทรุดลงนั่งข้างกายหนิงหลิงยู่ เขาหันไปมองใบหน้างดงามของหญิงสาว ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“หลิงยู่ไม่ต้องกลัวพี่จะพาเจ้ากลับบ้านเอง!” ��
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร