บทที่ 1654 : มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ?
จู่ๆมือกระบี่ชียวิ๋นจื่อผู้ควบคุมค่ายกลปราการของสำนักกระบี่คุนหลุน ก็ได้เห็นร่างของหลิงหยุนปรากฏขึ้นตรงหน้า โดยที่ในอ้อมแขนทั้งสองมีร่างของหนิงหลิงยู่นอนสลบไสลอยู่ เขาได้แต่ตกตะลึง และรีบเปิดค่ายกลให้หลิงหยุนเข้ามาด้านในทันที
หลิงหยุนได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าถึงแม้มีค่ายกลปราการกำบัง เขาก็สามารถเข้าไปได้อย่างง่ายดาย แต่นี่เมื่อเขามาปรากฏกายด้านนอก และรอคอยอย่างมีมารยาทเช่นนี้ จึงไม่มีเหตุผลอันใดที่ชียวิ๋นจื่อจะไม่เปิดค่ายกลให้เขาเข้ามา..
หลังจากค่ายกลเปิดออกแล้วหลิงหยุนก็ได้เหาะเข้าไปด้านใน และร่อนลงตรงด้านหน้าของชียวิ๋นจื่อ และบรรดาเจ้าสำนักน้อยใหญ่ทันที
“เจ้าสำนักทุกท่าน..พวกท่านคงจะเห็นแล้วสินะว่า เวลานี้หนิงหลิงยู่น้องสาวของข้าที่บุกเข้าไปถล่มสำนักของพวกท่านเมื่อหลายวันก่อน ได้ถูกข้าทำร้ายจนหมดสติไปแล้ว..”
หลิงหยุนหยุดนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อในทันที โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้ใดได้กล่าวแทรกขึ้นมา
“แม้ว่านางจะเป็นน้องสาวของข้าแต่ก็ได้ทำผิดอย่างมหันต์! แม้แต่ข้าเองก็มิอาจนิ่งดูดายได้ จึงต้องลงมือจัดการกับนางด้วยตนเองเช่นนี้! แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าอยากจะอธิบายให้กับทุกท่านได้ฟัง ว่าเพราะเหตุใดหนิงหลิงยู่จึงได้ทำลงไปเช่นนั้น..”
“ถึงแม้ข้าจะเป็นพี่ชายของนางแต่ข้าเองก็เพิ่งจะรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดเมื่อคืนนี้ ซึ่งข้าคิดว่า สาเหตุที่นางทำลงไปเช่นนั้น น่าจะเกิดจากการที่สมองของนางได้รับการกระทบกระเทือนจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ส่วนเรื่องทีสมองของนางมีปัญหาเช่นใดนั้น ในช่วงเวลาสั้นๆเพียงเท่านี้ ข้าเองก็ไม่อาจวิเคราะห์ได้เช่นกัน..”
“ด้วยเหตุนี้ข้าจึงจำต้องทำให้นางหมดสติไปเช่นนี้ เพื่อพานางกลับไปรักษาตัว และสืบหาสาเหตุอีกที..”
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นเพิ่มขึ้นมาในช่วงนี้หลิงหยุนจึงจำเป็นต้องอธิบายเหตุผลให้กับเจ้าสำนักน้อยใหญ่ฟัง และแน่นอนว่า หลิงหยุนเพียงแค่ต้องการพูดให้ทุกคนคลายความเคียดแค้นต่อหนิงหลิงยู่ลงเท่านั้น และเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะบอกเหตุผลที่แท้จริงให้กับทุกคนได้ล่วงรู้..
“ข้าทราบดีว่าหลายวันมานี้ น้องสาวของข้าไม่เพียงทำลายสำนักของพวกท่าน แต่ยังได้เข่นฆ่าสังหารศิษย์ในสำนักตายไปมากมาย จนทำให้ทุกท่านในที่นี่ต้องสูญเสียเป็นอย่างมาก ฉะนั้น บัญชีความแค้นของพวกท่านในครั้งนี้ ข้า.. หลิงหยุน จะขอรับแทนน้องสาวเอง!”
“ข้าหลิงหยุนอยู่ตรงนี้แล้วขอเชิญทุกท่านลงมือสะสางความแค้นกับข้าได้เลย!”
หลังจากกล่าวจบหลิงหยุนก็ได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึก และยืนนิ่งอยู่อย่างสงบ เพื่อรอคอยให้เจ้าสำนักน้อยใหญ่ลงมือสะสางความแค้นกับตน..
“เอ่อ..”
เจ้าสำนักน้อยใหญ่ต่างก็พากันอ้าปากค้างต่างคนต่างหันไปมองหน้ากันด้วยสีหน้างุนงง ต่างฝ่ายต่างก็ต้องการที่จะเอ่ยคำพูดออกมา แต่ก็เกี่ยงที่จะให้ผู้อื่นเอ่ยขึ้นก่อน
นั่นเพราะทุกคนในที่นี้ต่างก็รู้ดีว่า หนิงหลิงยู่นั้นแข็งแกร่ง และดุดันมากเพียงใด ลำพังนางเพียงแค่ผู้เดียว ยังสามารถถล่มสำนักน้อยใหญ่บนเทือกเขาคุนหลุนจนราบเป็นหน้ากองได้..
กระทั่งค่ายกลสังหารของสำนักกระบี่คุนหลุนไม่เพียงไม่สามารถสังหารนางได้ แต่นางยังสามารถทำลายค่ายกลสังหารได้อย่างง่ายดายด้วย แม้แต่ชียวิ๋นจื่อเอง ยังถูกกระบี่เหินของนางแทงเข้าที่ไหล่จนได้รับบาดเจ็บ
หากหลิงหยุนมาไม่ทันเวลาป่านนี้ทุกคนที่อยู่ในค่ายกลปราการ คงต้องถูกหญิงสาวสังหารตายไปนานแล้วเป็นแน่! มีหรือที่จะได้มายืนฟังหลิงหยุนพูดอย่างปลอดภัยเช่นนี้
แต่เวลานี้..
นางมารที่โหดร้ายดุดันและแข็งแกร่งกลับถูกหลิงหยุนจับมัดไว้แน่น และกำลังนอนหมดสติอยู่ในอ้อมแขนของเขา..
แม้เหตุการณ์การต่อสู้ที่เกิดขึ้นภายในโลกใบเล็กนั้นเจ้าสำนักน้อยใหญ่จะไม่สามารถมองเห็นได้ แต่ก่อนหน้านี้ พวกเขาก็ได้เห็นกับตาว่า หลิงหยุนได้ชกกำปั้นเข้าที่หน้าผากของหนิงหลิงยู่อย่างแรง จนร่างของนางกระเด็นลอยละลิ่วออกไปไกล..
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถทำให้หนิงหลิงยู่เสียชีวิตได้ และศรีษะของนางก็ยังดูปลอดภัยดี ทุกคนแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง!
“ทุกท่านได้โปรดไตร่ตรองให้ดี!”
จู่ๆหลี่เจี้ยนกังก็ร้องตะโกนออกมา พร้อมกับพุ่งมายืนด้านหน้า และหันไปเผชิญหน้ากับเจ้าสำนักน้อยใหญ่ ก่อนจะเอ่ยต่อในทันที
“ทุกท่านได้โปรดไตร่ตรองให้ดีก่อน!หากไม่มีหลิงหยุน พวกเราทั้งหมดจะได้มายืนอย่างปลอดภัยเช่นนี้หรือ หลิงหยุนนับเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตพวกเราไว้ต่างหาก..”
หลี่เจี้ยนกังแสดงสีหน้าท่าทางกระวนกระวายใจออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนเวลานี้ เขาเกรงว่าจะมีเจ้าสำนักบางคนที่คิดไม่ถี่ถ้วน และถูกความโกรธแค้นบังตา จนถึงกับคิดแก้แค้นขึ้นมาจริงๆ
จากที่ได้เคยพบเห็นอุปนิสัยของหลิงหยุนในงานชุมนุมชาวยุทธครั้งนั้นหลี่เจี้ยนกังมีเหตุผลนับร้อยที่จะเชื่อได้ว่า หากผู้ใดก้าวออกไปเพื่อที่จะแก้แค้นแล้วล่ะก็ คนผู้นั้นจะต้องถูกสังหารตายก่อนที่จะทันได้เอ่ยอะไรออกมาด้วยซ้ำไป!
อีกทั้งเมื่อครู่หลิงหยุนก็เพียงแค่ประกาศว่าเขาจะขอรับบัญชีแค้นครั้งนี้ด้วยตนเอง แต่มิได้บอกว่าเขาจะยืนนิ่งๆ หรือไม่ตอบโต้กลับ!
และแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนอย่างหลิงหยุน จะยืนนิ่งๆให้ผู้อื่นทำร้ายโดยไม่ตอบโต้กลับ!
อีกทั้งคงจะไม่เป็นการกล่าวเกินจริงนักถ้าจะพูดว่าหากหลี่เจี้ยนกังควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ไม่ดี หรือผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย หลิงหยุนอาจถล่มสำนักกระบี่คุนหลุนจนราบเป็นหน้ากองได้ในทันที แล้วความหวังที่จะรักษาสำนักกระบี่คุนหลุนไว้ คงยากที่จะเป็นจริงได้อีก..
เมื่อคิดได้เช่นนี้มีหรือที่หลี่เจี้ยนกังจะไม่ร้อนใจ จนต้องรีบกระโดดออกมาห้ามปรามทุกคนไว้ก่อน เขาขยิบตาให้ทุกคน พร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นห้าม
“แม้ข้าหลี่เจียนกังเจ้าสำนักกระบี่คุนหลุนจะมิได้เก่งกาจสามารถเช่นทุกท่าน แต่ข้าเคยพบเจอหลิงหยุนมาก่อนหน้านี้ อีกทั้งทุกท่านต่างก็รอดชีวิตมาได้เพราะเขา ฉะนั้นแล้ว เรื่องนี้ขอให้ข้าเป็นผู้ตัดสินใจเองจะได้หรือไม่”
“ในเมื่อพวกเราทั้งหมดต่างก็หนีมาพึ่งสำนักกระบี่คุนหลุนข้าจึงไม่ขัดหากเจ้าสำนักหลี่จะเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตนเอง”
เจ้าสำนักนามว่าจูเถี่ยเอ่ยตอบหลี่เจี้ยนกังกลับไปทันทีเขาก็คือผู้ที่ถูกหนิงหลิงยู่ทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส แต่เพราะได้โอสถของชียวิ๋นจื่อ จึงทำให้อาการบาดเจ็บทุเลาลงมาก
“เจ้าสำนักจูกล่าวได้ถูกต้อง!ในเมื่อพวกเราต่างก็ตกลงกันตั้งแต่แรกแล้วว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้เจ้าสำนักหลี่เป็นผู้ตัดสินใจ” หนึ่งในนั้นเอ่ยสนับสนุนจูเถี่ย
“ถูกต้อง!พวกเรายินดีให้เจ้าสำนักหลี่ตัดสินใจในเรื่องนี้แทน!”
เจ้าสำนักคนอื่นๆต่างก็ร้องตะโกนสนับสนุนเช่นกัน
“เช่นนั้นก็ดี!ในเมื่อทุกท่านต่างก็เห็นพ้องต้องกันเช่นนี้ เรื่องนี้ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า กับท่านอาจารย์ปู่ปรึกษาหารือกับหลิงหยุนเถิดนะ แล้วข้าจะสรุปทุกท่านฟังทีหลัง..” เป็นเพราะเกรงว่าตนเองจะมีความน่าเชื่อถือไม่มากพอหลี่เจี้ยนกังจำต้องดึงชียวิ๋นจื่อเข้ามาร่วมด้วย
“เวลานี้พวกท่านต่างก็เหน็ดเหนื่อยมามากแล้ว บ้างก็ได้รับบาดเจ็บ ถ้าอย่างไร ขอเชิญพวกท่านกลับไปพักผ่อนที่ห้องกันก่อนเถิด!”
หลี่เจี้ยนกังหาข้ออ้างให้ทุกคนรีบออกไปจากที่นี่เพื่อให้เหลือเฉพาะตนเองกับชียวิ๋นจื่อเท่านั้น..
หลังจากที่ทุกคนกลับไปกันหมดแล้วหลี่เจี้ยนกังจึงได้แต่แอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับหลิงหยุน พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
“หลิงหยุนที่นี่ไม่เหมาะที่จะพูดคุยนัก ในเมื่อเจ้ามาถึงสำนักกระบี่คุนหลุนแล้ว เหตุใดไม่เข้าไปข้างในก่อนเล่า จะได้ให้น้องสาวของเจ้าได้นอนหลับพักผ่อน พวกเราทั้งหมดจะได้สนทนากันได้สะดวกกว่านี้..”
หลิงหยุนถึงกับยิ้มออกมาและพึงพอใจกับท่าทีของหลี่เจี้ยนกังเป็นอย่างมาก เขาไม่หวาดกลัวว่าหลี่เจี้ยนกังจะมีแผนการอะไรซ่อนอยู่แม้แต่น้อย..
เมื่อเห็นหลิงหยุนตอบตกลงหลี่เจี้ยนกังจึงได้หันไปถามชียวิ๋นจื่อว่า “อาจารย์ปู่ ท่านคิดเห็นเช่นใด”
เมื่อได้เห็นหลี่เจี้ยนกังเป็นฝ่ายออกหน้าจัดการสะสางปัญหาในครั้งนี้ชียวิ๋นจื่อได้แต่นึกชม และแอบพึงพอใจอย่างเงียบๆ นั่นเพราะภาวะผู้นำเช่นนี้เป็นสิ่งสำคัญ ในการที่จะดูแลกิจการภายในสำนัก ส่วนเรื่องการพัฒนาบ่มเพาะพลังนั้น เป็นเรื่องที่สามารถแก้ไขได้
“แล้วแต่เจ้า!”
ชียวิ๋นจื่อโยนกระบี่ในมือคืนให้กับหลี่เจี้ยนกังพร้อมกับเอ่ยตอบ
หลี่เจี้ยนกับเดินนำหลิงหยุนไปที่ห้องพักสงบเงียบและได้ขอให้หลิงหยุนวางร่างของหนิงหลิงยู่ไว้ในห้อง ก่อนจะเดินนำไปยังห้องลับของสำนักกระบี่คุนหลุน เพื่อปรึกษาหารือกันอีกที..
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ได้เรียกหินพลังชีวิตออกมาจากแหวนจำนวนหนึ่ง และได้สร้างเป็นค่ายกลกำบัง ป้องกันมิให้ผู้อื่นแอบฟังการสนทนาในครั้งนี้ได้
“ข้าชียวิ๋นจื่ออดีตเจ้าสำนักกระบี่คุนหลุนเมื่อหกสิบปีก่อน!”
แทบไม่ต้องรอให้หลี่เจี้ยนกังแนะนำชียวิ๋นจื่อก็รีบแนะนำตนเองก่อน “เมื่อหกสิบปีก่อน ข้าเคยเป็นเจ้าสำนักกระบี่คุนหลุน และเวลานี้ก็เข้าสู่ขั้นจินตันแล้ว ในระหว่างที่อยู่คุนหลุน ก็ได้ยินชื่อหลิงหยุนอยู่บ่อยๆ คืนนี้นับเป็นการเปิดหูเปิดตาของข้าอย่างมากทีเดียว ที่ได้พบเจอกับเจ้าด้วยตัวเองเช่นนี้!”
ชียวิ๋นจื่อเป็นผู้ที่จริงจังกับทุกเรื่องเสมอและคนอย่างเขาจะไม่มีทางพูดจาเลอะเทอะอย่างเด็ดขาด..
หลิงหยุนพยักหน้าเล็กน้อยความจริงแล้ว เขาได้มาถึงสำนักกระบี่คุนหลุนครู่ใหญ่แล้ว เพียงแต่เฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างเงียบๆและได้เห็นการปฏิบัติของชียวิ๋นจื่อที่มีต่อหนิงหลิงยู่ก่อนหน้านี้ ทำให้เขาค่อนข้างชื่นชอบในอุปนิสัยของชียวิ๋นจื่อไม่น้อย และไม่บ่อยนักที่หลิงหยุนจะพบเจอยอดฝีมือจากคุนหลุนที่มีอุปนิสัยใจคอเช่นนี้
หลิงหยุนใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งจึงได้แต่เอ่ยถามออกไปว่า “อาวุโสชียวิ๋นจื่อ ท่านเป็นตัวแทนของคุนหลุนงั้นรึ”
ชียวิ๋นจื่อหัวเราะพร้อมกับโบกมือปฏิเสธ“สหายน้อยหลิงหยุน ข้ามิกล้ากล่าวอ้างตนเองเช่นนั้น ข้าอยู่ในคุนหลุนก็จริง แต่มิใช่เป็นตัวแทนคุนหลุน!”
“เมื่อครู่อาวุโสบอกว่าอยู่ที่คุนหลุนเคยได้ยินชื่อของข้างั้นรึ” หลิงหยุนเอ่ยถามต่อทันที
“ใช่แล้ว!ครั้งแรกที่ข้าได้ยินชื่อของเจ้า ก็เมื่อครั้งที่จางคุนหลุน และหลี่คุนหลุนได้รับบาดเจ็บกลับมา ส่วนครั้งที่สองก็เพราะเรื่องของน้องสาวเจ้า..”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ชียวิ๋นจื่อได้แต่หยุดนิ่งไปเล็กน้อย พร้อมกับจ้องมองหลิงหยุนแน่นิ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อว่า
“ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลของสหายน้อยกับคุนหลุนนั้นการที่เกิดการเข่นฆ่าทำลายสำนักน้อยใหญ่บนเขาคุนหลุน คงยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้คุนหลุนเพ่งเล็งไปที่สหายน้อยได้..”
คำพูดของชียวิ๋นจื่อค่อนข้างคลุมเครือยากที่จะเข้าใจหลิงหยุนจึงได้แต่เอ่ยถามออกไปตามตรงว่า
“ระหว่างตระกูลหลิงกับคุนหลุนนั้นมีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ ไม่ทราบว่าอาวุโสจะสามารถเอ่ยบอกข้าอย่างตรงไปตรงมาได้หรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร