บทที่ 1655 : ของขวัญสำหรับสหาย
เมื่อครั้งที่อยู่บริเวณทะเลสาบผอหยางหลิงหยุนกับเย่ชิงซินก็เคยสนทนาเกี่ยวกับเรื่องของคุนหลุนเช่นกัน..
ในครั้งนั้นเย่ชิงซินได้พูดถึงบุญคุณความแค้นในอดีต ระหว่างตระกูลหลิงกับคุนหลุนขึ้นมา แต่เมื่อหลิงหยุนได้สอบถามเรื่องที่ตั้งของคุนหลุน นางกลับจงใจเปลี่ยนหัวข้อสนทนา และไม่พูดถึงเรื่องคุนหลุนอีกเลย
แต่สิ่งหนึ่งที่เย่ชิงซินพูดออกมาก็คือคุนหลุนเป็นสถานที่ซึ่งเหล่าผู้ฝึกบ่มเพาะพลัง ต่างใฝ่ฝันที่จะได้เข้าไป..
แต่ครั้งนั้นหลิงหยุนยังไม่เข้าสู่ด่านกลางขั้นพลังชี่ด้วยซ้ำไป เย่ชิงซินจึงเลี่ยงที่จะตอบคำถาม และหลิงหยุนเองก็ไม่คิดว่าจะมีประโยชน์อะไรที่จะคาดคั้นนางในเวลานั้น ต่อให้รู้ไป เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้อยู่ดี
แต่ตอนนี้หลิงหยุนได้เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นจิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-9) แล้ว และสามารถที่จะทะลวงเข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานได้ทุกเวลา และด้วยของวิเศษที่มีอยู่ในมือเวลานี้ หลิงหยุนมั่นใจว่า ตนเองจะสามารถสังหารยอดฝีมือขั้นจินตันได้อย่างแน่นอน..
จะว่าหลิงหยุนโอ้อวดจนเกินไปก็ดูเหมือนจะไม่ถูกต้องนัก นั่นเพราะ จากการต่อสู้กับหนิงหลิงยู่เมื่อครู่นี้ ก็นับเป็นบทพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขาได้เป็นอย่างดี!
อีกทั้งเวลานี้เขาก็ยังมีของวิเศษเพิ่มขึ้นมาอีกถึงสามอย่าง ซึ่งก็คือ แส้และเชือกที่ทำจากหลิวเทวะวิญญาณ กับแผ่นคัมภีร์สีทองลึกลับนั่น..
คุนหลุนเป็นเช่นใดอย่างนั้นหรือ
เวลานี้หลิงหยุนได้พบกับมือกระบี่ขั้นจินตัน ที่ได้ฝึกฝนอยู่ในคุนหลุนตลอดระยะเวลานานถึงหกสิบปี และเพิ่งจะได้ออกจากคุนหลุนเป็นครั้งแรก แต่ความแข็งแกร่งของเขา กลับไม่สามารถทำให้หลิงหยุนรู้สึกตกใจได้..
หลิงหยุนเชื่อว่าตราบใดที่เขาทะลวงเข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐาน ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในเวลานั้น หากเข้าไปในคุนหลุน จะสามารถรับมือกับยอดฝีมือขั้นหยวนอิงได้ โดยไม่เพลี่ยงพล้ำมากนัก
ด้วยเหตุนี้เมื่อเอ่ยถึงคุนหลุน หลิงหยุนกลับไม่รู้สึกว่า คุนหลุนเป็นสิ่งลี้ลับอะไรอีก เขาเพียงแค่ต้องการรู้จักคุนหลุนให้มากขึ้นกว่านี้เท่านั้น
และแน่นอนว่าเวลานี้นับเป็นโอกาสทอง ซึ่งเหมาะสมที่สุดที่จะสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับคุนหลุน!
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าชียวิ๋นจื่อจะหัวเราะ และตอบหลิงหยุนกลับไปว่า..
“ฮ่าๆๆสหายน้อยหลิงหยุน ข้าเข้าใจดี และรู้ว่าเจ้าต้องการสิ่งใด ข้าเป็นคนของคุนหลุน และมาจากคุนหลุน หากเจ้าต้องการรู้สิ่งใด ก็ย่อมเอ่ยถามออกมาได้ ข้าย่อมไม่อาจปฏิเสธได้ว่าไม่รู้ เพียงแต่.. ข้าจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฏของคุนหลุนอย่างเคร่งครัด สิ่งใดห้ามแพร่งพราย ข้าย่อมไม่สามารถปริปากบอกเจ้าได้เด็ดขาด! ต่อให้เจ้าบังคับข่มขู่ หรือสังหาร ข้าก็ไม่อาจปริปากบอกเจ้าได้จริงๆ!”
“…..”
หลิงหยุนถึงกับนิ่งอึ้งและได้แต่คิดในใจว่า ‘หึ! ช่างเป็นคำปฏิเสธที่ง่ายดายเหลือเกิน!’
แต่ก็ยังนับว่าโชคดีที่ชียวิ๋นจื่อไม่ถึงกับปฏิเสธเลยเสียทีเดียว และได้บอกเป็นนัยๆว่า มีบางสิ่งบางอย่างที่เขายังสามารถเอ่ยบอกได้..
“ถ้าเช่นนั้นท่านก็จงบอกเล่าเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับคุนหลุนให้ข้าฟัง เฉพาะที่ท่านสามารถเอ่ยออกมาได้เท่านั้น!”
ชียวิ๋นจื่อถึงกับยิ้มขื่นและตอบกลับไปว่า “ข้าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้สหายน้อย! เจ้าอยากรู้สิ่งใดเกี่ยวกับคุนหลุน ก็จงถามออกมา หากตอบได้ ข้าก็จะตอบ หากตอบไม่ได้ข้า ข้าก็จะเงียบ..”
“ตกลง!”
หลิงหยุนไม่ต้องการให้ชียวิ๋นจื่อต้องลำบากใจมากนักเพราะที่ผ่านมา ไม่เคยมีศิษย์คุนหลุนคนใด ที่ยินดีจะนั่งสนทนากับเขาเช่นนี้มาก่อนเลย ในเมื่อมีโอกาส เขาจึงต้องรีบฉวยเอาไว้ก่อน จะมานั่งเลือกได้อย่างไรกันอีกเล่า
“ท่านอาจารย์ปู่เชิญท่านดื่มชาเสียก่อน!”
หลังจากที่หายไปครู่หนึ่งในที่สุดเจี้ยนกังก็กลับมาพร้อมกับชาที่ชงเสร็จเรียบร้อย เขาประคองถ้วยชาส่งให้ชียวิ๋นจื่อด้วยความเคารพนบนอบ
“หลิงหยุนเจ้าก็ดื่มชาด้วยสิ!”
หลังจากนั้นหลี่เจี้ยนกังก็หันไปยกถ้วยชาอีกหนึ่งถ้วย ส่งให้กับหลิงหยุนเช่นกัน
“ขอบคุณท่านเจ้าสำนักหลี่!”
หลิงหยุนรับถ้วยชามาดื่มแล้วจึงหันไปบอกกับหลี่เจี้ยนกังว่า “เจ้าสำนักหลี่ พวกเรามาหารือเรื่องสำคัญของท่านก่อนดีหรือไม่”
หลี่เจียนกังนั่งลงตรงข้ามหลิงหยุนพร้อมตอบกับไปว่า “ก็ดี!”
หลิงหยุนไม่ต้องการเสียเวลาไปกับเรื่องเหล่านี้มากนักจึงรีบเอ่ยบอกหลี่เจี้ยนอย่างตรงไปตรงมา
“ในเมื่อท่านเองเป็นตัวแทนของเจ้าสำนักคนอื่นๆไหนลองบอกข้ามาว่า ท่านมีวิธีที่จะสะสางความแค้น ที่เจ้าสำนักเหล่านั้นมีต่อน้องสาวของข้าเช่นใด”
หลี่เจี้ยนกังดูเหมือนจะมีแผนการอยู่ในใจแล้วจึงได้ตอบหลิงหยุนกลับไปทันที “เรื่องนั้นข้าเองมีแผนการไว้ในใจแล้ว ขอเพียงเจ้ารับปากมิให้หนิงหลิงยู่เข้ามาในเขตเขาคุนหลุนอีก ข้าย่อมมีวิธีที่จะเจรจากับเจ้าสำนักน้อยใหญ่ ให้พวกเขาเลิกคิดแก้แค้นน้องสาวของเจ้าได้..”
“และไม่จำเป็นต้องมีการชดใช้ใดๆ”
หลิงหยุนจ้องมองหลี่เจี้ยนกังด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน และในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยถามออกไป
“มันง่ายดายถึงเพียงนั้นเชียวรึไม่ต้องมีการชดใช้ใดๆ ทำราวกับไม่เคยมีเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไรกัน?” หลี่เจี้ยนกังฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มขื่นก่อนจะยกมือขึ้นผายไปทางหลิงหยุน และเอ่ยขึ้นว่า “ความแข็งแกร่งของเจ้าอย่างไรเล่า! เพียงแค่นี้ ข้ายังต้องทำอะไรมากมายอีก นอกจากชี้ให้พวกเขาเห็นผลลัพธ์ของการคิดแก้แค้น..”
หลิงหยุนได้ฟังถึงกับเก้อเขินจนต้องยกมือขึ้นเกาหลังศรีษะตนเอง หลิงหยุนรับรู้ได้ถึงความจริงใจของหลี่เจี้ยนกัง และนึกชื่นชอบเขาอยู่ไม่น้อย หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดหลิงหยุนจึงได้ตัดสินใจบอกหลี่เจี้ยนกังไปว่า
“เจ้าสำนักหลี่ข้าขอบอกท่านตามตรง วันข้างหน้าอีกไม่นานนัก ข้าจะต้องเข้าคุนหลุนอย่างแน่นอน! ข้าได้ยินมาว่า สำนักกระบี่คุนหลุนของท่าน มีหน้าหน้าที่พิทักษ์ประตูคุนหลุน..”
ในเมื่ออีกฝ่ายเปิดเผยจริงใจตรงไปตรงมาเช่นนี้หลิงหยุนจึงต้องการบอกกล่าวอีกฝ่ายให้ได้รู้ล่วงหน้า..
หลี่เจี้ยนกังหันไปมองชียวิ๋นจื่อก่อนจะหันกลับไปตอบหลิงหยุนว่า “ความจริง ข้าเองก็ดูออกตั้งนานแล้วว่า ช้าเร็วเจ้าก็ต้องบุกเข้าคุนหลุนให้ได้!”
“แต่นั่นเป็นเรื่องของเจ้าหากเจ้าต้องการบุกเข้าคุนหลุน การขัดขวางย่อมเป็นหน้าที่ของพวกเราสำนักกระบี่คุนหลุนเช่นกัน แต่หากไม่สามารถขัดขวางได้สำเร็จ ข้าก็คงจะทำอะไรมิได้..”
“ข้าเพียงแต่หวังว่าหากวันนั้นมาถึง เจ้าจะเมตตาต่อศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุน ที่จำเป็นต้องทำหน้าที่ด้วย..”
หลี่เจี้ยนกังเอ่ยบอกหลิงหยุนอย่างตรงไปตรงมาแต่ด้วยความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันมากระหว่างสองฝ่าย หลี่เจี้ยนกังจึงได้แต่ร้องขอหลิงหยุนว่า ขออย่าได้สังหารศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุน ที่จำเป็นต้องทำหน้าที่ขัดขวางด้วยความจำเป็น
ส่วนชียวิ๋นจื่อที่นั่งอยู่ข้างๆนั้นได้แต่นั่งหลับตานิ่ง เสมือนว่ามิได้ยินได้ฟัง หรือรู้เห็นในเรื่องที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่!
หลิงหยุนยิ้มออกมาอย่างมีความสุขและตอบหลี่เจี้ยนกังกลับไปว่า “ท่านเจ้าสำนักหลี่ เรื่องนั้นท่านวางใจได้ ข้ารับปากท่าน เมื่อใดที่ข้าต้องการบุกคุนหลุน ข้าจะไม่บังคับให้ท่านบอกประตูทางเข้าคุนหลุนแก่ข้าอย่างเด็ดขาด และจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ให้ผู้เฝ้าประตูคุนหลุนล่วงรู้..”
หลี่เจี้ยนกังจ้องลึกลงไปในดวงตาของหลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “ชายชาตรีย่อมรักษาวาจายิ่งชีพ!”
หลิงหยุนตอบกลับเพื่อให้หลี่เจี้ยนกังมั่นใจมากยิ่งขึ้น“ข้าพูดคำไหนคำนั้น!”
หลี่เจี้ยนกังลุกขึ้นยืนพร้อมกับร้องออกมาด้วยความรู้สึกโล่งใจ“ในเมื่อเจ้ารับปากเช่นนี้ ข้าก็มั่นใจว่า ในวันข้างหน้าสำนักต่างๆบนเขาคุนหลุน จะต้องอยู่อย่างสงบสุขเป็นแน่!”
หลิงหยุนเองก็ลุกขึ้นยืนเช่นกันและย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เยี่ยม! จากนี้ไปข้าจะไม่นับว่าสำนักกระบี่คุนหลุนเกี่ยวข้องกับคุนหลุนอีก และตราบใดที่สำนักกระบี่คุนหลุนไม่สร้างปัญหาให้ข้า ข้าก็จะให้สำนักกระบี่คุนหลุนได้อยู่อย่างสงบสุขต่อไป..”
นับว่าคำมั่นสัญญาที่หลิงหยุน และหลี่เจี้ยนกังมอบให้กันและกันในวันนี้ เป็นสิ่งที่ล้ำค่าสำหรับคนทั้งคู่ยิ่งนัก!
เวลานี้อีกหนึ่งสถานะของหลิงหยุนก็คืออาวุโสแห่งหน่วยนภา เขาคุนหลุนเกิดเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ หากยังต้องมีการแก้แค้นเข่นฆ่ากันขึ้นอีก หลิงหยุนคงจะต้องเสียเวลา และพลังไปกับเรื่องไร้สาระเหล่านี้ อีกทั้งยังต้องหาวิธีรายงานเรื่องราวทั้งหมดให้กับหน่วยนภาเข้าใจด้วย
ในเมื่อหลี่เจี้ยนกังเสนอวิธีแก้ปัญหาเช่นนี้เห็นได้ชัดว่า เขาเลือกที่จะอยู่ข้างหลิงหยุน อีกทั้งยังช่วยลดปัญหายุ่งยากให้กับหลิงหยุนได้มากด้วย
และด้วยสาเหตุนี้เองที่ทำให้หลิงหยุนตัดสินใจตอบแทนหลี่เจี้ยนกัง ด้วยการรับปากว่าจะไม่รุกรานสำนักกระบี่คุนหลุน และจะให้อยู่อย่างสงบสุข! แต่ดูเหมือนเพียงแค่วาจาจะยังไม่เหมาะสมนักเพราะถึงอย่างไร หลี่เจี้ยนกังก็เป็นถึงเจ้าสำนักกระบี่คุนหลุน หลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุด หลิงหยุนก็ได้เรียกแหวนพื้นที่ออกมาหนึ่งวง เขาวางมันไว้ตรงหน้าหลี่เจี้ยนกัง พร้อมกับเอ่ยบอกว่า
“เจ้าสำนักหลี่นี่คือแหวนพื้นที่ ข้าขอมอบให้ท่านเป็นรางวัล!”
“ภายในพื้นที่ของแหวนวงนี้มีขนาดสิบตารางเมตรหากท่านได้แหวนพื้นที่วงนี้ไป วันหน้าคงจะสะดวกสบายมากขึ้น หากต้องเดินทางไปไหนต่อไหนอีก!”
หลี่เจี้ยนกังถึงกับนิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึงและได้แต่คิดในใจว่า นี่เขายังไม่ได้ทำความดีความชอบอะไรให้กับหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่แสดงความจริงใจออกไปอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น เขาถึงกับได้สมบัติล้ำค่าถึงเพียงนี้มาครองเชียวหรือ
นี่คือแหวนพื้นที่!
“เอ่อ..อา.. อาจารย์ปู่! ท่านคิดเห็นเช่นใด”
หลี่เจี้ยนกังทำสีหน้าท่าทางละล้าละลังแม้จะอยากได้มาก แต่ก็ไม่กล้ารับไว้ในทันที จึงได้แต่หันไปถามความเห็นจากชียวิ๋นจื่อเสียก่อน..
ชียวิ๋นจื่อที่นั่งหลับตาอยู่นั้นเมื่อเห็นว่าหลิงหยุนหยิบแหวนพื้นที่ออกมา ดวงตาทั้งคู่ถึงกับเบิกกว้างขึ้นทันที ในขณะที่มือข้างหนึ่งก็กุมเข้าที่เอวของตนเอง ซึ่งมีกระเป๋าพื้นที่สำหรับบรรจุอาวุธ และของวิเศษต่างๆ แต่ก็มีพื้นที่ความจุเพียงแค่สองตารางเมตรเท่านั้น!
ชียวิ๋นจื่อแทบน้ำตาไหลและรีบบอกกับหลี่เจี้ยนกังไปว่า “เจ้ายังจะนั่งมองอะไรอยู่อีกเล่า ในเมื่อสหายน้อยมอบให้เจ้าเป็นรางวัล เจ้าก็รับไว้สิ! หากไม่ต้องการ ก็เอามาให้ข้า..”
หลังจากที่ได้เห็นแหวนพื้นที่ของหลิงหยุนซึ่งมีความจุมากกว่ากระเป๋าพื้นที่ของเขาถึงแปดตารางเมตร ชียวิ๋นจื่อก็ไม่สามารถรักษาท่าทีสงบนิ่งไว้ได้อีก!
หลังจากได้รับอนุญาตจากชียวิ๋นจื่อแล้วหลี่เจี้ยนกังก็รีบเอื้อมมือไปคว้าแหวนพื้นที่ขึ้นมาทันที จากนั้นจึงได้รีบหยดโลหิตลงไปบนตัวแหวนอย่างรวดเร็ว!
“โอ้!ข้านี่ช่างเสียมารยาทเสียจริงๆ!”
หลิงหยุนหันไปเอ่ยกับชียวิ๋นจื่อ“ดูเหมือนอาวุโสเองก็จะยังไม่มีแหวนพื้นที่สินะ แต่น่าเสียดายที่แหวนพื้นที่ของข้าหมดแล้ว..”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะหลอมแหวนพื้นที่วงใหม่ให้กับท่านเอง!”
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ได้เรียกศิลากลั่นวิญญาณออกมา และใช้กระบี่เหินเงาธนูตัดหินออกมาส่วนหนึ่ง ก่อนจะนำมาแกะสลักเป็นแหวน และทำการสลักค่ายกลพื้นที่ไว้ด้านใน
ในไม่ช้าหลิงหยุนก็ได้แหวนพื้นที่วงใหม่ ซึ่งมีความจุมากถึงห้าสิบตารางเมตรเลยทีเดียว เขายื่นแหวนวงนั้นให้กับชียวิ๋นจื่อ พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
“อาวุโสนี่คือของขวัญที่ข้าขอมอบให้กับท่าน สำหรับการพบกันครั้งแรกของเรา! ท่านลองสวมดูว่าพอใจหรือไม่”บทที่ 1656 โลกแห่งขุนเขาและผืนทะเล
“เอ่อ..”
ชียวิ๋นจื่อมีสีหน้าท่าทางกระอักกระอ่วนไม่น้อย..
เขานั่งมองขั้นตอนการทำแหวนพื้นที่ของหลิงหยุนด้วยความตกตะลึงและภายในเวลาไม่นานนัก ชียวิ๋นจื่อก็เห็นแหวนสีเทาเป็นประกายลอยอยู่ตรงหน้าเขา
“สหายน้อยในเมื่อเจ้ากล่าวเองว่า นี่เป็นการพบกันครั้งแรกของเราสองคน จะให้ข้ารับของล้ำค่าเช่นนี้ไว้ได้อย่างไรกันเล่า”
ชียวิ๋นจื่อใช้จิตหยั่งรู้ที่แข็งแกร่งของตนเองสำรวจดูด้านในของแหวนพื้นที่และพบว่า ภายในนั้นถูกสลักค่ายกลพื้นที่ไว้เป็นชั้นๆอย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้เขารับรู้ได้ว่า แหวนวงนี้ล้ำค่ามากเพียงใด จึงทำให้ยิ่งรู้สึกลำบากใจจนมิกล้ารับไว้
มันน่าอับอายเกินไปที่จะรับสมบัติล้ำค่าจากผู้ที่เพิ่งพบเจอกันครั้งแรกเช่นนี้!
ในเรื่องของอายุเขาเองก็อายุมากกว่าหลิงหยุนมากนัก เขาอายุร่วมหนึ่งร้อยยี่สิบปี ในขณะที่หลิงหยุนอายุยังไม่ถึงยี่สิบปีด้วยซ้ำไป!
แต่หากเป็นเรื่องของขั้นพลังบ่มเพาะตัวเขาเองอยู่ในขั้นจินตัน แต่หลิงหยุนยังไม่เข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐาน..
และหากจะกล่าวฐานะของคนทั้งคู่ตัวเขานั้นมาจากคุนหลุน ในขณะที่หลิงหยุนคือคนสกุลหลิง
และเมื่อครู่ที่หลิงหยุนเอ่ยปากถามถึงเรื่องคุนหลุนนั้นเขาเองก็ได้เอ่ยปากปฏิเสธที่จะบอกเล่าไปอย่างไร้เยื่อไย..
ในขณะที่เขามิได้มอบสิ่งใดให้หลิงหยุนเลยแต่ชายหนุ่มกลับมอบสมบัติที่ล้ำค่ายิ่งให้เช่นนี้ เขาจะกล้ารับไว้ได้อย่างไรกันเล่า
หากเขารับไว้ในวันข้างหน้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด “อาวุโสท่านกล่าวผิดไปแล้ว! ที่ข้าตั้งใจมอบแหวนพื้นที่วงนี้ให้กับท่าน ก็เพื่อตอบแทนที่ท่านเมตตาต่อน้องสาวของข้าต่างหาก เมื่อครู่ที่ท่านประมือกับหลิงยู่นั้น ข้าได้เห็นเหตุการณ์โดยตลอด และตระหนักดีว่า ท่านเองก็มิได้มีจิตคิดสังหารนางอย่างแท้จริง และยังแสดงความปราณีต่อนางมากด้วยซ้ำไป!”
หลิงหยุนเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม..
“ห๊ะ!เจ้าเห็นเหตุการณ์มาโดยตลอดงั้นรึ?” ชียวิ๋นจื่อร้องถามออกไปด้วยความประหลาดใจ
“ถูกต้อง!ข้าแอบซ่อนตัวเฝ้าสังเกตดูการต่อสู้ของพวกท่านอยู่ตลอดเวลา” หลิงหยุนเอ่ยตอบยิ้มๆ
แม้ชียวิ๋นจื่อจะไม่รู้ว่าหลิงหยุนใช้วิธีใดอำพรางตัวไว้ จนแม้กระทั่งเขาเองก็ไม่อาจสังเกตเห็นได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้ก็คือ หากหลิงหยุนได้เห็นการประมือระหว่างเขากับหนิงหลิงยู่แล้ว หลิงหยุนย่อมต้องล่วงรู้ถึงพลังที่แท้จริงของเขาแล้วเช่นกัน! “นั่นเป็นหลักการที่ข้ายึดถือปฏิบติต่อให้นางมิใช่น้องสาวของเจ้า ข้าก็ยังคงต้องทำเช่นนั้นอยู่ดี เรื่องนี้จึงไม่ควรนับเป็นความดีความชอบอันใด อีกทั้ง เจ้าเองก็เป็นฝ่ายช่วยชีวิตข้า และทุกคนในที่นี้ ให้พ้นจากการถูกแม่นางผู้นั้นสังหาร บุญคุณครั้งนี้จึงนับว่าหักล้างกันแล้ว..”
ชียวิ๋นจื่อถึงกับต้องกลืนน้ำลายและกดข่มความปรารถนาในใจของตนเอาไว้ พร้อมกับส่ายหน้าไปมาในขณะเอ่ยปฏิเสธ
“ฉะนั้นแล้วข้าจึงไม่ควรใช้ข้ออ้างนี้ รับของขวัญที่ล้ำค่าเยี่ยงนี้จากเจ้าได้..”
หลิงหยุนขยิบตาพร้อมกับเอ่ยย้ำกับชียวิ๋นจื่อด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “อาวุโส แหวนพื้นที่วงนี้มีความจุมากถึงห้าสิบตารางเมตร หากท่านไม่รับไว้คงจะน่าเสียดายแย่!”
“ห๊ะ!”
ชียวิ๋นจื่อถึงกับผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้และร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก! ‘สวรรค์!พื้นที่บรรจุกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้เชียวรึ’
ชียวิ๋นจื่อได้แต่ร้องอุทานอยู่ในใจด้วยความตกใจนั่นเพราะแม้แต่ปรมาจารย์ในคุนหลุน ซึ่งเข้าสู่ขั้นหยวนอิง และมีชีวิตอยู่มานานนับพันปีนั้น กลับไม่เคยได้ครอบครองวัตถุพื้นที่ ที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ถึงเพียงนี้มาก่อนเลย
เท่าที่เขารู้บางท่านสวมสร้อยข้อมือพื้นที่ ซึ่งมีความจุเพียงแค่สามสิบหกตารางเมตรเท่านั้น
แต่นั่นก็ยังเป็นสร้อยข้อมือที่มีขนาดใหญ่กว่าแหวนมากนักทุกคนต่างก็รู้กันดีว่า ยิ่งวัตถุบรรจุมีขนาดเล็กเท่าไหร่ ก็จะยิ่งสะดวกต่อการพกพามากเท่านั้น!
และที่สำคัญแหวนพื้นที่ของหลิงหยุนนั้น นอกจากจะสวมใส่ได้อย่างสะดวกสบายแล้ว ยังมีขนาดความจุที่ใหญ่กว่ามาก อีกทั้งยังสะดวกต่อการเรียกของออกมาใช้อีกด้วย..
ฉะนั้นแล้วแหวนพื้นที่วงนี้จึงเป็นสมบัติที่ล้ำค่ายิ่งนัก!
และถึงแม้ชียวิ๋นจื่อจะไม่เก็บแหวนพื้นที่วงนี้ไว้ใช้เองหลังจากกลับไปคุนหลุน ย่อมสามารถนำไปแลกเปลี่ยนกับทรัพยากรในการบ่มเพาะพลังได้ และเขาเชื่อว่า จำนวนทรัพยากรบ่มเพาะพลังนั้น จะทำให้เขาสามารถฝึกฝนจนเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นหยวนอิงได้เลยทีเดียว..
แต่ทั้งหมดนั้นยังไม่เท่ากับความหวาดวิตกภายในใจของชียวิ๋นจื่อเวลานี้..
นั่นเพราะหลิงหยุนใชเ้วลาในการสร้างแหวนพื้นที่เพียงแค่สั้นๆเท่านั้นอีกทั้งในเวลานี้ เขาก็ยังไม่เข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานด้วยซ้ำไป และเมื่อใดที่ชายหนุ่มผู้นี้เข้าสู่ขั้นจินตันเล่า เขาจะมีศักยภาพที่เหนือกว่านี้มากเพียงใด
เวลานี้ชียวิ๋นจื่อเริ่มตระหนักถึงศักยภาพในตัวหลิงหยุนได้อย่างกระจ่างแจ้ง และได้รู้ว่า ชายหนุ่มผู้นี้ต่างหากที่ปราณีต่อเขามาก..
เวลานี้ชียวิ๋นจื่อได้แต่ลำบากใจอย่างมาก ใจหนึ่งก็ต้องการที่จะรับไว้ แต่อีกใจก็อับอายจนเกินไป แต่หลิงหยุนก็มิได้เร่งรัดอะไร เขาได้แต่นั่งยิ้มอย่างเงียบๆ และคิดอยู่ในใจว่า
‘ถ้าเจ้ายอมรับข้าก็จะได้ข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น..’
‘แต่หากไม่ยอมรับข้าก็จะคิดเสียว่า เจ้ามิยอมรับไมตรีนี้ หลังจากนั้น ข้าก็จะได้ทำตามใจต้องการ..’
หลังจากใคร่ครวญอยู่นานในที่สุดชียวิ๋นจื่อก็ตัดสินใจถามหลิงหยุนด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “สหายน้อยหลิงหยุน เจ้าตอบคำถามของข้าอย่างตรงไปตรงมาจะได้หรือไม่”
“เชิญอาวุโสเอ่ยถามได้!”
ชียวิ๋นจื่อถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็จะต้องเข้าคุนหลุนให้ได้ใช่หรือไม่”
“เรื่องนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้จริงๆ!”
น้ำเสียงของหลิงหยุนนั้นบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นภายในใจอย่างชัดเจน! “หลังจากเจ้าเข้าคุนหลุนได้แล้วเจ้าจะสังหารทุกคนโดยไม่เลือกหน้า ไม่เว้นแม้แต่ผู้บริสุทธิ์หรือไม่”
หลิงหยุนถึงกับหัวเราะร่วนก่อนจะตอบกลับไปว่า “ฮ่าๆๆ อาวุโส ข้าหาใช่ฆาตกรกระหายเลือดไม่!”
ก่อนจะปิดท้ายประโยคด้วยน้ำเสียงดุดัน“แต่หากผู้ใดกล้าขวางทางข้า มันผู้นั้นย่อมถูกสังหารอย่างแน่นอน!”
หลังจากหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งในที่สุดหลิงหยุนก็เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “เหตุผลที่ข้าต้องการผูกสัมพันธไมตรีกับอาวุโส เพราะสัมผัสได้ว่า อาวุโสเองก็มิได้มีจิตใจที่เป็นปฏิปักษ์กับข้า!”
ชียวิ๋นจื่อได้แต่เอ่ยถามขึ้นอีกว่า“สหายน้อย สำนักกระบี่คุนหลุนได้ชื่อว่าเป็นผู้พิทักษ์ประตูคุนหลุน และภายในคุนหลุนก็มีศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนอยู่ไม่น้อย หากเจ้าบุกเข้าคุนหลุนเมื่อใด พวกเราในฐานะศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุน ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะประมือกับเจ้าได้ เช่นนี้แล้ว เจ้าจะจัดการกับพวกเขาเยี่ยงใด”
หลิงหยุนจ้องมองชียวิ๋นจื่อแน่นิ่งพร้อมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ข้ายังคงยืนยันคำเดิม! ผู้ใดขวางทางข้า ย่อมต้องถูกสังหาร!”
“ฉะนั้นแล้วไม่ว่าท่านจะรับแหวนวงนี้หรือไม่ เมื่อท่านกลับไปคุนหลุน ข้าก็ขอให้ท่านบอกกล่าวกับศิษย์สำนักคุนกระบี่หลุนว่า หากคิดที่จะขวางทางข้า จงใคร่ครวญถึงผลที่จะตามมาให้ดีด้วย!”
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็หันไปมองหลี่เจี้ยนกังยิ้มๆ ก่อนจะหันกลับไปบอกกับชียวิ๋นจื่อว่า “หากท่านมิเชื่อคำพูดของข้า ก็จงถามเจ้าสำนักหลี่ดูดได้! ข้าเชื่อว่าเขารู้จักอุปนิสัยใจคอของข้าได้ดีกว่าผู้ใด”
ชียวิ๋นจื่อเหลือบมองไปทางหลี่เจี้ยนกังทันทีหลี่เจี้ยนกังได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกับเอ่ยเตือนว่า “อาจารย์ปู่ เลี่ยงได้ควรเลี่ยงจะดีกว่า!” “เช่นนั้นข้าก็ไม่ควรปล่อยสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ไปสินะ”
ชียวิ๋นจื่อเอ่ยขึ้นพร้อมกับคว้าแหวนพื้นที่ซึ่งลอยอยู่ตรงหน้าเข้าไปสวมไว้ที่นิ้วตนเองทันที ก่อนจะรีบหยดโลหิตแสดงความเป็นเจ้าของอย่างรวดเร็ว ปากก็พึมพำออกมาอย่างมีความสุข
“ช่างเป็นสมบัติที่ดีมากทีเดียว!”
“เอาล่ะสหายน้อยมาดื่มน้ำชากันดีกว่า!”
หลังจากนั้นชียวิ๋นจื่อก็รีบเชื้อเชิญให้หลิงหยุนนั่งลงดื่มน้ำชาอีกครั้ง ใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความสุข หลิงหยุนเองก็ยิ้มออกมาเช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่หลี่เจี้ยนกัง
“ความจริงข้าเองก็รู้คำตอบอยู่แล้วแต่ก็อยากจะลองถามเจ้าไปอย่างนั้นเอง!”
ชียวิ๋นจื่อเป็นผู้เอ่ยขึ้นก่อน“ในเมื่อคืนนี้เจ้ามิได้ลงมือสังหารผู้ใด ฉะนั้นแล้ว เมื่อเจ้าเข้าคุนหลุนได้ ย่อมไม่สังหารผู้บริสุทธิ์เช่นกัน!” “อาวุโสกล่าวชมเกินไป!”หลิงหยุนเอ่ยตอบด้วยความถ่อมเนื้อถ่อมตัว
จากนั้นชียวิ๋นจื่อก็หันไปถามหลี่เจี้ยนกังว่า “เจี้ยนกัง เจ้าพูดธุระเสร็จแล้วมิใช่รึ แหวนพื้นที่ก็ได้ไปแล้ว เหตุใดยังนั่งอยู่ที่นี่อีก?”
“อ่อ..ขอบคุณอาจารย์ปู่ที่เตือนข้า! ข้ายังมีเรื่องสำคัญต้องไปสะสางต่อ เชิญพวกท่านทั้งสองสนทนากันตามสบาย ข้าขอตัวก่อน!”
หลังจากนั้นหลี่เจี้ยนกังก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องลับทันที ทิ้งให้หลิงหยุน และชียวิ๋นจื่อได้สนทนากันตามลำพัง
“หลิงหยุนเจ้าอยากถามอะไรก็ถามออกมาได้เลย แต่ข้าไม่สามารถบอกเล่าสิ่งที่เป็นความลับของคุนหลุนให้เจ้ารู้ได้ หวังว่าเจ้าจะเข้าใจเรื่องนี้!”
“ข้าเข้าใจดีท่านจงตอบเฉพาะในเรื่องที่ตอบได้เท่านั้น!”
หลิงหยุนได้แต่ยิ้มออกมาและอดที่จะขบขันสีหน้าของชียวิ๋นจื่อในเวลานี้ไม่ได้ เขาเพียงแค่ต้องการถามข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับคุนหลุนเท่านั้น แต่ชียวิ๋นจื่อกลับทำสีหน้าราวกับว่า กำลังเผชิญหน้าอยู่กับศัตรูที่น่ากลัว..
จากนั้นหลิงหยุนก็เริ่มตั้งคำถามที่ตนเองอยากรู้..
“คุนหลุนเป็นสถานที่เช่นใดเป็นโลกใบเล็กๆอีกใบหรือไม่? หรือเป็นถ้ำสุขาวดีกันแน่? หรือจะเป็นพื้นที่ลี้ลับกว้างใหญ่?”
แต่คำตอบแรกของชียวิ๋นจื่อก็ทำเอาหลิงหยุนถึงกับประหลาดใจเป็นอย่างมาก!
ชียวิ๋นจื่อส่ายหน้าไปมาพร้อมตอบหลิงหยุนกลับไปว่า “ไม่ใช่ทั้งหมดที่กล่าวมา..”
จากนั้นชายชราจึงได้อธิบายต่อในทันที “คุณหลุนหาใช่โลกใบเล็ก แต่เป็นโลกที่กว้างใหญ่ยิ่งนัก กระทั่งผู้ที่ฝึกถึงระดับสูงสุดขั้นหยวนอิง เหาะเป็นเส้นตรงจากขอบเขตด้านหนึ่ง ไปจนสุดเขตอีกด้านหนึ่ง ยังต้องใช้เวลานานมากกว่าสิบปี จึงจะเดินทางไปถึงได้..”
หลิงหยุนถึงกับงุนงงและงงงวยเป็นอย่างมาก!
นั่นเพราะหากเป็นดังเช่นที่ชียวิ๋นจื่อบอกเล่าดูเหมือนคุนหลุนจะมิได้เล็กไปกว่าโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ที่เขาจากมาเลย..
ชียวิ๋นจื่อหยุดนิ่งไปเล็กน้อยพร้อมกับจ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาสนุกสนาน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า
“อะไรกันนี่เจ้าถึงกับนิ่งอึ้งไปเลยเชียวรึ? คงจะคิดไม่ถึงสินะ?”
หลังจากสงบสติอารมณ์ได้หลิงหยุนจึงได้ตอบชียวิ๋นจื่อกลับไปตามตรง “ถูกต้อง! ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ เดิมทีข้าคิดเสมอว่า คุนหลุนคงจะเป็นโลกใบเล็กๆใบหนึ่ง ซึ่งอาจจะใหญ่โตกว่าโลกใบนี้เล็กน้อย..”
“ฮ่าฮ่า”ฉีหยุนจื่ออดหัวเราะไม่ได้ เพราะก่อนจะเข้าไปในคุนหลุน เขาคิดอย่างนั้น และไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น คนส่วนใหญ่ก็จะคิดอย่างนั้น โดยจิตใต้สำนึก พื้นที่ของคุนหลุนมีขนาดเล็กมากและไม่สามารถใหญ่กว่าโลกได้ “ฮ่าๆๆๆ”
ชียวิ๋นจื่ออดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้เพราะก่อนที่เขาจะเข้าไปในคุนหลุนนั้น เขาเองก็คิดไม่ต่างจากหลิงหยุนว่า คุนหลุนคงจะเป็นโลกใบเล็กๆ ที่ไม่ได้ใหญ่โตไปกว่าโลกใบนี้
“เจ้าเคยได้ยินชื่อคัมภีร์ซานไห่จิงหรือไม่”
หลังจากที่เห็นหลิงหยุนพยักหน้าชียวิ๋นจื่อจึงได้เอ่ยต่อว่า “โลกที่บรรยายไว้ในคัมภีร์ซานไห่จิงก็คือคุนหลุน!”
“ผู้คนดั้งเดิมในคุนหลุนต่างเรียกขานคุนหลุนว่าดินแดนรกร้าง ในขณะที่พวกเราซึ่งไปจากโลกนี้ กลับเรียกขานคุนหลุนว่าโลกแห่งขุนเขาและผืนทะเล!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร