Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1659

บทที่ 1659 : ตอบแทน
  หลิงหยุนนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่และได้แต่ใคร่ครวญถึงคำพูดของเย่ชิงซิน ที่เคยได้พูดกับตนเองเมื่อครั้งพบกันที่ทะเลสาบผอหยาง..
  ครั้งนั้นเย่ชิงซินได้เล่าให้หลิงหยุนฟังว่า หลังจากคนของตระกูลหลิงเข้าคุนหลุนไปได้สิบปี ก็มีคำสั่งจากคุนหลุนห้ามมิให้สำนักใดรับคนตระกูลหลิงเป็นศิษย์โดยเด็ดขาด!
  ซึ่งเชื่อมโยงกับเหตุการณ์เมื่อเก้าปีก่อนที่หลิงอี้ซึ่งอยู่ในขั้นจินตัน และสมาชิกตระกูลหลิงอีกสองคน ได้บุกเข้าไปแก้แค้นชาวยุทธในดินแดนบูรพาของคุนหลุน
  หกปีต่อมาหลังจากนั้นก็มีคำสั่งมาจากคุนหลุนอีกครั้งว่า พบเห็นคนตระกูลหลิงที่ใด ให้ลงมือสังหารได้ทันที!
  ซึ่งเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่หลังจากหลิงอี้เข้าสู่ขั้นหยวนอิงเขาก็ได้บุกไปดินแดนบูรพาอีกครั้ง และครั้งนี้เข้าได้สังหารยอดฝีขั้นจินตันตาย และบาดเจ็บสาหัสมากมาย มีเพียงยอดฝีมือขั้นหยวนอิงเท่านั้นที่หนีรอดไปได้..
  ชื่อเสียงเรื่องความแข็งแกร่งของหลิงอี้และความอัศจรรย์ของหลิวเทวะวิญญาณซึ่งเป็นมรดกตระกูลหลิง ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งคุนหลุน ทุกคนต่างก็ตระหนักถึงความก้าวหน้าที่รวดเร็วของสมาชิกตระกูลหลิง จนอาวุโสหลายคนถึงกับหวาดกลัว..
  และนี่คือสาเหตุที่คุนหลุนถึงกับยอมทำผิดกฏเข้าแทรกแซงเรื่องราวภายในยุทธภพ เพื่อหยุดยั้งการฝึกบ่มเพาะของตระกูลหลิงแทบทุกทาง!
  เย่ชิงซินเป็นผู้บอกเล่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับตระกูลหลิงส่วนชียวิ๋นจื่อเป็นผู้บอกเล่าเรื่องราวของคนตระกูลหลิง ที่อยู่ในคุนหลุนมาตลอดระยะเวลาสี่สิบปี!
  หลังจากเชื่อมโยงเรื่องที่ได้ฟังมาจากทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกันทำให้หลิงหยุนเริ่มที่จะเข้าใจเหตุการณ์ต่างๆมากยิ่งขึ้น
  หลังจากนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ในที่สุดหลิงหยุนก็เอ่ยถามชียวิ๋นจื่อต่อทันที “แล้วเวลานี้เล่า”
  “เวลานี้ตระกูลหลิงในคุนหลุน มีหลิงอี้เป็นผู้นำ และมีสองคนที่อยู่ในขั้นหยวนอิง และอีกสามคนอยู่ในระดับสูงสุดขั้นจินตัน! ทั้งหมดน่าเกรงขามไม่น้อยทีเดียว”
  หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วหลิงหยุนจึงได้ลุกขึ้นยืน พร้อมกับโน้มศรีษะลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยบอกชียวิ๋นจื่อว่า
  “ขอบคุณอาวุโสยิ่งนักที่บอกเล่าเรื่องทั้งหมดให้ข้าฟังอย่างเปิดเผย และจริงใจเช่นนี้! ข้า.. หลิงหยุน จะไม่มีวันลืมความเมตตาครั้งนี้ของท่านเลย!”
  นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงหยุนได้รู้เรื่องราวของบรรพชนตระกูลหลิงซึ่งเดินทางเข้าคุนหลุนไปนานกว่าสี่สิบปี มีหรือที่เขาจะไม่รู้สึกซาบซึ้งใจ!
  ชียวิ๋นจื่อรีบลุกขึ้นยืนรับคำขอบคุณของหลิงหยุนเช่นกันแต่ก็ไม่ลืมที่จะบอกกับเขาไปว่า “สหายน้อยหลิงหยุน แม้ข้าจะเป็นมือกระบี่ขั้นจินตัน แต่ในคุนหลุนนั้น ข้าก็เป็นเพียงแค่ยอดฝีมือต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าเวลานี้ การจะสืบรู้เรื่องราวของตระกูลหลิงในคุนหลุน ย่อมไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรง ช้าเร็วเจ้าย่อมต้องสืบรู้ได้อยู่ดี ข้าเพียงแค่บอกกออกมาให้เจ้าได้รู้เร็วขึ้นเท่านั้นเอง..”
  ชียวิ๋นจื่อมิได้กล่าวเกินจริงนักเพราะเวลานี้ กระทั่งหวังคุนหลุน และจ้าวคุนหลุนก็ยังคงอยู่ในเงื้อมือของหลิงหยุน หากชายหนุ่มจะบีบเค้นถามจากปากของยอดฝีมือคุนหลุนทั้งสองคน ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไร..
  “อีกอย่าง..แหวนพื้นที่ของเจ้าล้ำค่ามากเพียงใด ข้าชียวิ๋นจื่อย่อมรู้อยู่แก่ใจดี! อีกทั้งในฐานะที่เจ้าเป็นผู้นำตระกูลหลิงเวลานี้ การสืบสาวเรื่องราวของคนตระกูลหลิงในคุนหลุน ย่อมเป็นเรื่องปกติที่ควรทำ ไม่มีเหตุผลใดที่ข้าจะต้องปิดบังเจ้ามิใช่รึ”
  นับว่าชียวิ๋นจื่อเป็นผู้ที่มีอุปนิสัยเปิดเผยและตรงไปตรงมายิ่งนัก อีกทั้งยังเป็นผู้ที่เข้าใจธรรมชาติ และความรู้สึกของมนุษย์ปุถุชนได้เป็นอย่างดี และถึงกับกล้าบอกเหตุผลที่แท้จริงออกมาอย่างไม่กลัวเสียหน้า..
  หลิงหยุนฟังแล้วถึงกับต้องหัวเราะออกมา..
  “ฮ่าๆๆๆ”
  “อาวุโสเวลานี้ข้าพอเข้าใจเกี่ยวกับคุนหลุนแล้ว จึงไม่มีคำถามใดอีก แต่ยังมีปัญหาใหญ่สองเรื่อง ที่จำเป็นต้องของให้เจ้าสำนักหลี่ช่วย ไม่ทราบว่าอาวุโสคิดเห็นเช่นใด”
  ชียวิ๋นจื่อพยักหน้ายิ้มๆพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “เจี้ยนกัง ชาเย็นหมดแล้ว!”
  ไม่นานนักหลี่เจี้ยนกังก็ได้เดินเข้ามาในห้องลับ ส่วนชียวิ๋นจื่อก็ไม่สนใจอะไรอีก และอาแต่นั่งเล่นแหวนพื้นที่ เรียกสิ่งหนึ่งเข้าสิ่งหนึ่งออกอยู่เช่นนั้นอย่างสนุกสนาน
  “อาจารย์ปู่ข้าจะชงชาให้ท่านใหม่!”
  “ไม่ต้อง..เจ้านั่งลงก่อน!”
  ชียวิ๋นจื่อหันไปยิ้มให้พร้อมกับสั่งหลี่เจี้ยนกังให้นั่งลง ก่อนจะเอ่ยต่อทันที “ข้าเรียกเจ้ามา เพราะหลิงหยุนมีเรื่องต้องปรึกษาหารือกับเจ้า!”
  หลิงหยุนไม่อ้อมค้อมและเอ่ยปากบอกหลี่เจี้ยนกังอย่างตรงไปตรงมา “ผู้เฝ้าประตูคุนหลุนทั้งสองคนถูกข้าจับตัวได้ และถูกทำให้หมดสติไป เวลานี้ ร่างของพวกเขาทั้งสองอยู่ที่ริมลำธารด้านตะวันตกเฉียงเหนือ แต่ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ ข้าได้สร้างค่ายกลป้องกันไว้..”
  “เพื่อมิให้ความสัมพันธ์ระหว่างสำนักกระบี่คุนหลุนและคุนหลุนต้องกระเทือน ข้าอยากให้เจ้าสำนักหลี่ส่งคนของท่านไปกับข้า เพื่อรับตัวพวกเขาสองคนกลับด้วย..”
  “เรื่องนี้ข้าจะเป็นผู้จัดการเอง!”ชียวิ๋นจื่อร้องบอกทันที
  “ส่วนอีกเรื่องข้าคงต้องรบกวนเจ้าสำนักหลี่แล้ว..”
  “แม้ว่าหนิงหลิงยู่จะถูกข้าทำให้หมดสติไปแล้วแต่หลายวันที่ผ่านมา นางได้บุกไปถล่มสำนักน้อยใหญ่บนเขาคุนหลุนมากมาย แม้จะมีผู้ที่ถูกนางสังหารตายไปมาก แต่ก็มีอีกกว่าสองร้อยชีวิตที่ยอมสวามิภักดิ์ต่อนาง..”
  “และเวลานี้คนเหล่านั้นก็กำลังซุ่มอยู่ภายในหุบเขาทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งอยู่ห่างจากสำนักกระบี่คุนหลุนไปราวสามร้อยเมตร หากข้าคาดเดาไม่ผิด นางคงจะต้องวางแผนให้ยอดฝีมือกลุ่มนั้น บุกถล่มสำนักกระบี่คุนหลุนในคืนนี้เป็นแน่!”
  หลิงหยุนจ้องหน้าหลี่เจี้ยนกังพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนักหลี่ ยอดฝีมือกว่าสองร้อยคนนั้น ล้วนได้ฝึกวิชามารไปแล้ว ข้าเชื่อว่า ช้าเร็วพวกเขาย่อมต้องธาตุไฟแตกซ่านแน่ เจ้าสำนักหลี่ ท่านคิดจะจัดการเรื่องนี้เช่นใด”
  หลี่เจี้ยนกังขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นพร้อมกับเอ่ยถามหลิงหยุนกลับไป “พอมีหนทางช่วยพวกเขาหรือไม่”
  หลิงหยุนพยักหน้าและตอบกลับไปทันที “หากต้องการที่จะช่วยชีวิตคนเหล่านั้นไว้ ต้องควบคุมพวกเขาให้ได้ก่อน จากนั้น จึงค่อยทำลายจุดตันเถียนของพวกเขา นอกจากวิธีนี้แล้ว ก็ไม่มีหนทางอื่นอีก..”
  “อาจารย์ปู่ท่านคิดเห็นเช่นใด”
  ชียวิ๋นจื่อได้แต่ถอนหายใจออกมาก่อนจะตอบกลับไปว่า “ในเมื่อพวกเขาก้าวไปในเส้นทางมารแล้ว หนทางเดียวที่จะช่วยชีวิตของพวกเขาไว้ได้ คือต้องทำลายวรยุทธทิ้งเท่านั้น..”
  หลี่เจี้ยนกังใคร่ครวญอยู่ครู่ใหญ่ในที่สุดก็กัดฟันตอบกลับไปว่า “ข้าจะรีบนำเจ้าสำนักต่างๆไปที่หุบเขานั่นเดี๋ยวนี้!”
  จากนั้นหลี่เจี้ยนกังก็เตรียมตัวที่จะลุกจากไป แต่หลิงหยุนยับยั้งไว้เสียก่อน..
  “ประเดี๋ยวเจ้าสำนักหลี่!รอบๆหุบเขานั่นมีแวมไพร์ทั้งห้าของข้าเฝ้าอยู่ พวกท่านอย่าได้คิดเป็นศัตรูกับพวกมันเชียวล่ะ!”
  หลี่เจี้ยนกังได้แต่หัวเราะหึๆและคิดว่าหลิงหยุนช่างเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบมากจริงๆ ไม่เคยปล่อยให้มีจุดบอดในการต่อสู้กับศัตรูเลยแม้แต่น้อย และได้ตอบกลับไปว่า
  “เจ้ามิต้องกังวลใจไปพวกเราจะไม่แตะต้องแวมไพร์ทั้งห้า!”
  หลี่เจี้ยนกังเคยพบกับแวมไพร์ทั้งห้าของหลิงหยุนก่อนแล้วในงานชุมนุมชาวยุทธ..
  “เจ้าสำนักหลี่หากพวกท่านต้องการความช่วยเหลือจากแวมไพร์ทั้งห้าของข้า ก็จงยื่นแหวนพื้นที่ในนิ้วให้พวกมันดู..”
  หลิงหยุนได้แต่ตกตะลึงในความรอบคอบของหลิงหยุนและดูเหมือนเขาจะเตรียมการทุกอย่างไว้ล่วงหน้าแล้ว..
  หลังจากหลี่เจี้ยนกังจากไปแล้วหลิงหยุนก็ได้หันไปถามชียวิ๋นจื่อว่า “อาวุโส ท่านยังไม่รีบออกไปตากผู้อารักขาประตูคุนหลุนอีกรึ”
  “นั่นหาใช่เรื่องด่วนไม่!”
  หลังจากตอบหลิงหยุนกลับไปแล้วชียวิ๋นจื่อก็หันไปกระซิบถามหลิงหยุนว่า “สหายน้อยหลิงหยุน นี่เจ้ายังไม่เข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานจริงรึ”
  “อาวุโสช่างสังเกตยิ่งนัก!ถูกต้องแล้ว เวลานี้ข้าอยู่ในขึ้นจิ่วเฉิงชี่ระดับสูงสุด แต่หลังจากสะสางเรื่องเหล่านี้เสร็จสิ้น ข้าก็จะเก็บตัวเพื่อพัฒนาขั้นพลังเช่นกัน..”
  “เจ้ายังไม่เข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานก็ดีหาไม่แล้วของกำนัลที่ข้าจะมอบให้เจ้าเป็นการตอบแทน คงจะไร้ค่า..”
  ชียวิ๋นจื่อถอนหายใจออกมาพร้อมกับเอ่ยตอบจากนั้น ถุงบรรจุข้างเอวของชายชราก็ลอยออกมา หลังจากถุงบรรจุก็ลอยคว่ำหน้า พร้อมกับมีสิ่งของมากมายหลายอย่างร่วงหล่นลงมา เป็นกองใหญ่สูงกว่าหนึ่งเมตร!
  หลิงหยุนพบว่าทั้งหมดเป็นสมุนไพรที่มีรูปร่าง และสีสันแตกต่างกันไป อีกทั้งยังส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้องอีกด้วย
  “สหายน้อยหลิงหยุนทั้งหมดนี้เป็นสมุนไพรสำหรับหลอมกลั่นโอสถก่อสร้างรากฐาน หรืออาจนำไปประยุกต์ หลอมกลั่นเป็นโอสถชนิดอื่นได้อีกด้วย เจ้าเห็นว่าเกิดประโยชน์ ข้ายินดีมอบให้กับเจ้าทั้งหมด!”
  ชียวิ๋นจื่อเอ่ยบอกพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปทางกองสมุนไพร จากนั้นจึงได้ยื่นขวดหยกสีเขียวให้กับหลิงหยุน พร้อมกับเอ่ยบอกไปว่า
  “ข้ามีโอสถก่อสร้างรากฐานอยู่สิบสองเม็ดซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นโอสถที่มีอานุภาพสูงยิ่ง ข้าเข้าสู่ขั้นจินตันแล้ว โอสถเหล่านี้จึงไม่มีประโยชน์กับข้าอีกต่อไป ข้าจึงขอมอบให้กับสหายน้อยหลิงหยุนเป็นของตอบแทน..”
  หลิงหยุนได้แต่นิ่งไปด้วยความตกตะลึง..
  หลิงหยุนเป็นปรมาจารย์ด้านการหลอมโอสถย่อมมองออกว่า โอสถก่อสร้างรากฐานที่ชียวิ๋นจื่อมอบให้กับเขานั้น ล้วนแล้วแต่เป็นโอสถที่หลอมกลั่นด้วยวัตถุดิบชั้นเยี่ยม อีกทั้งสมุนไพรกองโตนี้ ก็สามารถหลอมกลั่นโอสถก่อสร้างรากฐานได้นับร้อยเม็ดทีเดียว
  นี่นับเป็นของขวัญที่ล้ำค่ายิ่งสำหรับหลิงหยุน!
  “อาวุโสนี่มัน..”   หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออกเพราะสิ่งนี้เหนือความคาดหมายของเขายิ่งนัก และเมื่อได้เห็นสีหน้าท่าทางกระอักกระอ่วนใจของหลิงหยุน ชียวิ๋นจื่อก็ได้แต่หัวเราะออกมาด้วยความพึงพอใจ
  “เจ้ารับไว้เถิด!”
  ขวดหยกสีเขียวลอยออกจากฝ่ามือของชียวิ๋นจื่อไปอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนชายชราเอ่ยบอกหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงยินดี
  “ข้าเป็นเจ้าสำนักกระบี่คุนหลุนบนโลกนี้มานานกว่าสามสิบปีหลังจากนั้น จึงเข้าไปฝึกบ่มเพาะพลังอยู่ในคุนหลุนอีกกว่าหกสิบปี จนสามารถเข้าสู่ขั้นจินตันได้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่า วาสนาแท้จริงกลับอยู่นอกคุนหลุน หาใช่ในคุนหลุนไม่!”
  “สหายน้อยหลิงหยุนเจ้ารู้หรือไม่ว่า แหวนพื้นที่วงนี้มีค่ามากเพียงใด หากข้านำไปแลกเปลี่ยนเป็นทรัพยากรในการบ่มเพาะพลัง ข้าจะได้ทรัพยากรมากพอที่จะฝึกจนสำเร็จขั้นหยวนอิงระดับสูงสุดทีเดียว!”   “ข้ารู้ดีว่าบนโลกใบนี้ค่อนข้างขาดแคลนพลังชีวิต ข้าก็แค่เพียงแค่แลกเปลี่ยนสิ่งที่ไร้ประโยชน์ของตนเอง ให้เจ้าไปใช้ประโยชน์แทนอย่างไรเล่า!”
  “ข้าตัดสินใจแล้วสหายน้อย!เจ้ารับไว้สิ่งเหล่านี้ไว้เถิด ถือเสียว่าเป็นของขวัญแลกเปลี่ยนระหว่างมิตรภาพของเรา”
  “ขอบคุณอาวุโสยิ่งนัก!สมุนไพรเหล่านี้นับเป็นของขวัญล้ำค่าสำหรับข้ายิ่งนัก!”
  ในเมื่อชียวิ๋นจื่อตอบเช่นนี้หลิงหยุนเองก็ไม่คิดที่จะเกรงใจเช่นกัน เขาจัดการเรียกสมุนไพรทั้งหมดเข้าไปเก็บไว้ในแหวนของตนเองทันที ส่วนขวดหยกนั้นเขาเก็บไว้ในกระเป๋าแทน!
  “เอาล่ะ!ไปจัดการเรื่องของผู้อารักขาประตูคุนหลุนกันได้แล้ว!”
  หลังจากนั้นชียวิ๋นจื่อก็เป็นฝ่ายหายออกไปจากห้องก่อนทันที!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร