บทที่ 1661 : เมืองซวนหยวน และสระมังกรดำ
สามวันต่อมา..
บนเขาหลงหู่..
ในกลางรัชสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออกจางต้าวหลิงผู้ก่อตั้งลัทธิเต๋า ได้เคยใช้สถานที่แห่งนี้หลอมกลั่นโอสถเทพเก้าสวรรค์ และเมื่อหลอมกลั่นเสร็จ ได้มีมังกรและพยัคฆ์ปรากฏขึ้น หลังจากนั้น สถานที่แห่งนี้จึงได้ชื่อว่าเขาหลงหู่นั่นเอง
เมื่อครั้งที่หลิงหยุนมาพบสถานที่แห่งนี้เข้าในครั้งแรกเขารับรู้ได้ทันทีว่า ทั้งผืนดิน และสายน้ำในบริเวณนี้ ล้วนอุดมไปด้วยพลังชีวิตมากมาย เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้เป็นสถานที่ หลอมกลั่นโอสถ
เวลานี้หลิงหยุนต้องการที่จะหลอมกลั่นโอสถ เขาจึงมุ่งหน้ามายังสถานที่แห่งนี้อย่างไม่ลังเล.. แม้ว่าหลิงหยุนจะมีหม้อเสินหนงซึ่งสามารถหลอมกลั่นโอสถที่ใดก็ย่อมได้ แต่ครั้งนี้ เป็นการหลอมกลั่นโอสถที่จะใช้สำหรับขั้นก่อสร้างรากฐานของตนเอง หลิงหยุนจึงต้องการให้โอสถที่หลอมกลั่นออกมามีประสิทธิภาพที่ดีที่สุด และต้องไม่มีข้อบกพร่องเลยแม้แต่น้อย
อีกอย่างด้วยความสามารถของหลิงหยุนเวลานี้ จากบ้านตระกูลฉินมาที่เขาหลงหู่นั้น ระยะทางไม่ต่างจากประตูบ้านไปที่ห้องรับนั่งเล่น หากหลิงหยุนไม่มาหลอมกลั่นโอสถที่นี่ คงจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่งนัก
เวลานี้หลิงหยุนกำลังเหาะอยู่บนท้องนภาเหนือภูเขาหลงหู่ พร้อมกับเปิดจิตหยั่งรู้อันทรงพลังของตนเองออก เพื่อสำรวจหาบริเวณที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการหลอมกลั่นโอสถ
“ที่นั่นช่างเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”
หลิงหยุนใช้เวลาไม่นานนักในการเลือกภูมิประเทศอันยอดเยี่ยมสำหรับการหลอมกลั่นโอสถ นั่นเพราะผืนดินเวลานั้นนอกจากจะมีขุนเขา และสายน้ำล้อมรอบแล้ว ยังมีลักษณะคล้ายกับแผนผังแปดเหลี่ยมอีกด้วย
หลังจากเลือกสถานที่ที่เหมาะสมได้แล้วหลิงหยุนก็ได้ใช้หินมณีไฟ ทำการสร้างค่ายกลหลุมพลังขึ้นล้อมรอบ จากนั้นก็ได้เรียกหม้อเสินหนง สมุนไพรที่ชียวิ๋นจื่อมอบให้ และของจำเป็นอื่นๆออกมาเตรียมพร้อม
หลังจากนำสมุนไพรใส่ลงไปในหม้อแล้วหลิงหยุนก็ได้นั่งขัดสมาธิลง แล้วจึงเรียกหงส์ไฟออกมา ก่อนจะเริ่มลงมือหลอมกลั่นโอสถทันที..
จนกระทั่งผ่านไปสามวัน..
หลิงหยุนต้องทำการเปิดเตาหลอมถึงเก้าครั้งเพราะแต่ละครั้งเขาไม่สมารถหลอมยาได้มากมายนัก และท้ายที่สุด หลิงหยุนก็สามารถหลอมโอสถชำระกายา และโอสถก่อสร้างรากฐานระดับสูงสุดได้สำเร็จ
แน่นอนว่าโอสถที่หลิงหยุนหลอมกลั่นครั้งนี้ ย่อมต้องเป็นโอสถระดับสมบัติขั้นสูงสุด หลังจากที่หลอมกลั่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลิงหยุนจึงได้เก็บโอสถเหล่านั้นไว้ในขวดหยกสีเขียว พร้อมกับเก็บหม้อเสินหนง และอุปกรณ์ต่างๆกลับเข้าไปในแหวนดังเดิม
จากนั้นในช่วงยามเย็น หลิงหยุนจึงได้เดินทางไปยังจากเหนือจรดใต้ เป็นระยะทางกว่าหนึ่งพันกิโลเมตร ก่อนจะมาถึงเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งที่ไม่มีอะไรโดดเด่นสะดุดตา แต่กลับเคยเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จีน
เจาหลู่!
ดินแดนแห่งอดีตจักรพรรดิหวงตี้..
เจาหลู่เป็นเมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจีน และเป็นเมืองที่หลิงหยุนต้องการที่จะมาเยี่ยมเยียนนานมากแล้ว
กระบี่จักรพรรดิมังกรที่อยู่ภายในจุดซือไห่ของหลิงหยุนเวลานี้นับวันยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และเวลานี้ ได้พัฒนาเป็นยุทธภัณฑ์ระดับเต๋าสูงสุดแล้วด้วย
แต่นี่ยังไม่ใช่ที่สุดเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น!
หลิงหยุนรับรู้ได้ว่ากระบี่จักรพรรดิมังกรของเขานั้น ยังคงสามารถพัฒนาขึ้นอยู่ได้อีกเรื่อยๆ และรวดเร็ว
ในเมื่อกระบี่จักรพรรดิมังกรเป็นยุทธภัณฑ์ระดับเต๋าขั้นสูงแน่นอนว่าย่อมมีดวงจิตอยู่ภายใน และดวงจิตนี้เองที่เร่งเร้าหลิงหยุนให้มาที่นี่
กระทั่งในระหว่างที่ต่อสู้กับจิตวิญญาณเทพธิดาในร่างของหนิงหลิงยู่อยู่นั้นกระบี่จักรพรรดิมังกรยังเฝ้าคะยั้นคะยอให้หลิงหยุนมาที่นี่โดยเร็ว จนทำให้หลิงหยุนไม่อาจฝึกฝนได้อย่างสงบ
แม้แต่พู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์และสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพ เมื่อครั้งที่ได้พบกับหลิงหยุนคราแรก ก็ได้กำชับให้เขาเดินทางมาสถานที่แห่งนี้โดยเร็วที่สุดเช่นกัน
และที่หลิงหยุนเดินทางมาวันนี้ก็เพราะรู้สึกว่าถึงเวลาอันควรแล้ว นอกจากจะถูกดวงจิตของยุทธภัณฑ์ทั้งสามเร่งเร้าแล้ว สถานที่แห่งนี้ ยังเป็นสถานที่ที่หลิงหยุนเลือกที่จะพัฒนาเข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานอีกด้วย!
และทันทีที่มาถึงสถานที่แห่งนี้หลิงหยุนก็รู้ได้ทันทีว่า ตนเองได้เลือกสถานที่ได้ถูกต้องอย่างยิ่ง..
หลิงหยุนถึงกับตกใจอย่างที่สุด!
นั่นเพราะสถานที่แห่งนี้อุดมไปด้วยพลังชีวิตที่หนาแน่นในบรรดาพลังชีวิตทั้งหมดนั้น ปราณมังกรและปราณจักรพรรดินับว่าบริสุทธิ์ที่สุด แต่ที่รุนแรงดุร้ายดูเหมือนจะเป็นพลังภูติผี!
เมืองหวงตี้หรือที่เรียกกันว่าเมืองซวนหยวนนี้ เป็นเมืองหลวงแห่งแรกที่จักรพรรดิหวงตี้ก่อตั้งขึ้น..
ในยุคสมัยของอดีตสามจักรพรรดิที่นี่คือสนามรบที่จักรพรรดิหวงตี้ และจักรพรรดิเหยียนตี้ใช้สู้รบกัน แต่หลังจากที่จักรพรรดิหวงตี้รบชนะจักรพรรดิเหยียนตี้ กองทัพของจักรพรรดิเหยียนตี้ก็ได้เข้าร่วมกับกองทัพของซือโหยว! หนึ่งในสงครามที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์จีนก็คือการต่อสู้ที่จูลู่หลังจากที่จักรพรรดิเหยียนตี้ร่วมมือกับกองทัพซือโหยวแห่งเผ่าจิ่วหลี่ และได้พ่ายแพ้อย่างย่อยยับ จึงได้ล่าถอยไปทางด้านใต้ ซึ่งเวลานี้คือดินแดนของชนเผ่าเหมี่ยวนั่นเอง
หลังจากสิ้นสุดสงครามแห่งประวัติศาสตร์นี้นับแต่นั้นเป็นต้นมา จักรพรรดิหวงตี้จึงได้รับการยกย่องให้เป็นบรรพบุรุษของชนชาติจีน!
พลังวิญญาณในบริเวณนี้หนาแน่นมากก็จริงแต่คนธรรมดาทั่วไปย่อมไม่อาจรับรู้ได้ แต่ด้วยขอบเขตพลังของหลิงหยุนในเวลานี้ ทำให้เขาสามารถมองเห็นพลังวิญญาณเหล่านั้นได้ว่า ได้มีการเปลี่ยนรูปร่างเป็นมนุษย์ในรูปแบบต่างๆ และตรงเข้าต่อสู้กันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ แต่หลังจากพ่ายแพ้ถูกสังหาร ก็จะสลายกลายเป็นพลังวิญญาณอีกครั้ง แต่จากนั้น ก็จะก่อตัวเป็นรูปร่างขึ้น และเริ่มต่อสู้ใหม่อีกครั้ง หลิงหยุนซึ่งยังคงอยู่ในภวังค์เขาได้ยินเสียงการสู้รบ เสียงร้องคำราม เสียงอาวุธที่ปะทะกันอยู่ในสนามรบโบราณ และเสียงม้าที่วิ่งไปมาอย่าโกลาหล!
แม้จะไม่ใช่ความจริงแต่ก็เสมือนจริงยิ่งนัก!
รังสีสังหารแผ่ซ่านไปทั่วทั้งบริเวณแม้พลังวิญญาณเหล่านั้นจะสู้รบอย่างหนักหน่วงเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถบุกเข้าประตูเมืองซวนหยวนได้
และในเวลานี้กระบี่จักรพรรดิมังกรที่อยู่ภายในจุดซือไห่ของหลิงหยุน ก็เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง เสียงร้องคำรามของกระบี่ดังก้องอยู่ภายในจุดกึ่งกลางหว่างคิ้ว ราวกับจะบอกว่า มันพร้อมที่จะพุ่งออกมาได้ทุกเมื่อ!
ภายในจุดตันเถียนของหลิงหยุนก็เช่นกันมังกรห้าเล็บที่ก่อร่างสมบูรณ์แล้ว ได้กางกรงเล็บทั้งห้าออกมา พร้อมกับเหาะวนเวียนไปมาด้วยความตื่นเต้นอย่างไม่อาจปกปิดไว้ได้ หลิงหยุนยังจำได้แม่นยำว่าหลังจากที่เงามังกรนับหมื่นตัวได้พุ่งเข้าร่างของเขา นับจากนั้นเป็นต้นมา กระดูกสันหลังของตนเองก็ได้กลายเป็นมังกรสีทอง และกระบี่จักพรรดิมังกรก็ได้ถือกำเนิดขึ้นกลางหว่างคิ้ว พร้อมกับมังกรทองก็ถือกำเนิดขึ้นในจุดตันเถียนของเขาเช่นกัน
ปราณมังกรและปราณจักรพรรดิที่รุนแรงของเมืองซวนหยวน ปลุกเร้าพวกมันมากเหลือเกิน จนแม้แต่หลิงหยุนเองยังยาที่ยับยั้งควบคุมพวกมันไว้ได้
แต่ในเวลานี้หลิงหยุนยังไม่อาจปล่อยให้พวกมันออกมาได้ เพราะเขาได้วางแผนมานาน เพื่อการพัฒนาขั้นพลังให้เข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐาน หลิงหยุนได้เตรียมการมาเนิ่นนาน เขาจึงไม่มีเหตุการณ์อื่นเข้ามาขัด
ด้วยสถานที่ที่มีพลังชีวิตหลากหลายอัดแน่นอยู่เช่นนี้หลิงหยุนจึงไม่ต้องรีบร้อนนัก การจะพัฒนาพลังบ่มเพาะเข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานนั้นง่ายดาย.. กระทั่งขั้นจินตันก็ย่อมสามารถทำได้!
ด้วยเหตุนี้หลิงหยุนจึงยังไม่รีบร้อนนัก เขายิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังและไปปรากฏตัวอีกครั้งที่ข้างสระน้ำ
ตามตำนานเล่าว่าสระน้ำแห่งนี้เป็นสถานที่ซึ่งมังกรของจักรพรรดิหวงตี้จะมาชำระกาย ชาวบ้านจึงเรียกขานกันว่าสระมังกรดำ!
สระน้ำแห่งนี้มีความน่าอัศจรรย์ยิ่งฤดูหนาวไม่แข็งตัว ฤดูร้อนไม่เน่าเหม็น ยามแล้งไม่แห้งเหือด ยามน้ำหลากไม่ไหลเอ่อล้น และที่สำคัญ อุณหภูมิของน้ำจะคงที่อยู่ตลอดปี
น้ำในสระมังกรดำแห่งนี้เมื่ออยู่ในสระจะเห็นเป็นสีดำราวกับหมึก แต่เมื่อตักขึ้นมากลับใสราวกับแก้ว อีกทั้งยังมีรสชาติหอมหวาน และได้ก่อกำเนิดมานานกว่าห้าพันปีแล้ว
ไม่เพียงเท่านั้นจากข้อมูลที่หลิงหยุนรู้มา น้ำในสระน้ำมังกรดำแห่งนี้ ยังช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น และช่วยรักษาโรคเรื้อรังได้อีกด้วย หลังจากที่ได้มาเห็นกับตาตัวเองหลิงหยุนถึงกับหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข นั่นเพราะน้ำภายในสระมังกรแห่งนี้ มีปราณมังกร และพลังชีวิตธาตุน้ำอัดแน่นอยู่
เวลานี้อยู่ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงเมื่อท้องฟ้ามืดครึ้มลง ในยามค่ำคืนจึงเย็นเยียบ และเงียบสงัดยิ่ง รอบกายไร้ซึ่งเงาของผู้คน
และทันทีที่หลิงหยุนมาถึงสระน้ำมังกรดำพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ และสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพ ก็มิอาจนิ่งเฉยต่อไปได้อีก ทั้งคู่พุ่งทะยานออกมาจากจุดซือไห่ และจุดตันเถียนของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว
“หลิงหยุนก่อนที่เจ้าจะเข้าสู่การพัฒนาขั้นพลัง เจ้าควรจะต้องลงไปแช่ตัวในสระน้ำมังกรดำแห่งนี้ รับรองได้ว่า เจ้าจะได้ประโยชน์อย่างมากมายนับไม่ถ้วนทีเดียว!”
สมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพเอ่ยบอกหลิงหยุนในขณะที่พู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ได้แต่ยืนนิ่งเงียบ สีหน้าดูกระวนกระวายใจอย่างมาก แต่หลิงหยุนกลับส่ายหน้าไปมาช้าๆพร้อมเอ่ยตอบกลับไป “ข้าเกรงว่าจะเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะไม่ควร! สระมังกรดำแห่งนี้ เป็นสถานที่ชำระกายของมังกรแห่งจักรพรรดิหวงตี้ หากข้าทำเช่นนั้นจะมิเป็นการบังควร!”
“อีกทั้งการปรากฏตัวของมังกรดำ ได้ช่วยชีวิตของจักรพรรดิหวงตี้ไว้ นับแต่นั้นมา กระทั่งจักรพรรดิหวงตี้เอง ยังไม่ยอมลงอาบน้ำในสระแห่งนี้อีกเลย ไฉนข้าจะกล้าทำเช่นนั้นเล่า..”
อีกหนึ่งเหตุผลที่หลิงหยุนปฏิเสธไม่ยอมลงไปชำระกายานั้นก็เพราะว่าปัจจุบัน ชาวบ้านหลายพันชีวิตที่อยู่บริเวณโดยรอบ ได้อาศัยน้ำศักดิ์สิทธิ์ในสระดื่ม เขาจึงกระอักกระอ่วนใจที่จะลงไปอาบ
แต่ในเมื่อเห็นว่าหลิงหยุนไม่ต้องการที่จะลงไปชำระกายาในสระเขาจึงไม่ต้องการที่จะคะยั้นคะยอเช่นกัน
แต่ฉางเฟิงกลับเอ่ยขึ้นว่า“เฮ้อ! มาถึงขั้นนี้แล้วเจ้ากลับ..” หลิงหยุนตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“ข้าให้ความเคารพจักรพรรดิผู้เสมือนบุตรแห่งสวรรค์ คงจะมิได้ทำอะไรผิดกระมัง”
“แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีหนทางให้พวกเราสามคนอาบน้ำในสระได้นี่”
หลังจากกล่าวจบหลิงหยุนก็ได้ถอยห่างออกจากสระมังกรดำไปไกลกว่าหนึ่งกิโลเมตร
“ต้องรบกวนอาวุโสทั้งสองแล้ว..”
ฉางเฟิงและโฉวเปิ่นพยักหน้าอย่างเข้าใจและได้ทำการสร้างโลกใบเล็กขึ้นอีกครา..
หลังจากนั้นหลิงหยุนจึงได้ใช้วิชาใต้ปฐพีดำดิ่งลงไปที่ผืนดินเบื้องล่าง จนกระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ ผืนดินในบริเวณนั้นจึงได้กลายเป็นสระน้ำที่ลึกกว่าเก้าเมตร กว้างกว่าสามสิบเมตร และยาวนับร้อยเมตร
หลิงหยุนใช้วิชาคลื่นคงคาควบคุมมวลน้ำจากสระมังกรดำให้พุ่งลงสู่สระที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นมา ลักษณะของสระน้ำแห่งนี้ราวกับจำลองย่อส่วนลงมาจากสระน้ำมังกรดำเลยทีเดียว!
และเวลานี้น้ำจากสระมังกรก็ได้พวยพุ่งขึ้น ประหนึ่งอาชาที่วิ่งตรงเข้าใส่รางของหลิงหยุน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร