บทที่ 666 : วัดหลิงเจี๋วย!
ที่ผ่านมานั้นมู่หลงเฟยจื่อมองหลิงหยุนไม่ดีสักอย่าง เขาจึงจำเป็นต้องแสดงความเก่งกาจของตนเองออกมาให้เธอได้เห็นบ้าง และเมื่อเห็นว่าเธอคิดว่าเขาเป็นเซียน ก็ย่อมหมายความว่าภารกิจของเขาประสบความสำเร็จแล้ว จึงได้แต่พยักหน้าและตอบกลับไปว่า
“ไม่ใช่แค่เซียน..แต่เก่งกว่าเซียนนิดหน่อย!” หลิงหยุนพูดยิ้มๆ
“เธอนี่จริงๆเลย!เรื่องการเรียนกลับไม่สนใจ เอาแต่สนใจเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติพวกนี้!”
มู่หลงเฟยจื่อนั้นจบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศอังกฤษแน่นอนว่าเธอย่อมจะไม่เชื่อในเรื่องพลังเหนือธรรมชาติพวกนี้ แต่เพราะความสามารถของหลิงหยุน ทำให้ความเชื่อมั่นของเธอเริ่มสั่นคลอน
และเมื่อเห็นว่าหลิงหยุนสามารถทำนายสีและแบบชุดชั้นในของเธอได้มู่หลงเฟยจื่อจึงได้แต่หวาดระแวงว่าหลิงหยุนจะสามารถคำนวณขนาดหน้าอกของเธอได้ด้วยเช่นกัน
“นี่หมายความว่าที่เธอรู้ว่าจูหย่งหวังกับฮู๋เย่าจงป่วยเป็นโรคอะไรนั้นก็เพราะความสามารถในการทำนายนี่น่ะเหรอ”
“แล้วยังหินดิบหยกที่เธอเลือกมาแต่ละก้อนอีกทุกอย่างล้วนเป็นเพราะ..” มู่หลงเฟยจื่อยิงคำถามใส่หลิงหยุนรัวๆ
แต่หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มและพยักหน้าเล็กน้อย..
“แม่นยำขนาดนี้เชียวเหรอ!”
มู่หลงเฟยจื่อร้องอุทานออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจดวงตาของเธอเบิกกว้างจ้องมองหลิงหยุนราวกับเห็นปีศาจ และแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
แต่เมื่อรู้สึกตัว..เธอก็พบว่าเวลานี้ใบหน้าของหลิงหยุนอยู่ห่างจากใบหน้าของเธอไม่ถึงหนึ่งฟุต จนสามารถได้ยินเสียงและสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขา แววตาของหลิงหยุนที่จ้องมองมานั้นทำให้มู่หลงเฟยจื่อถึงกับหัวใจเต้นรัว..
แต่ครั้งนี้เธอไม่ถามว่าหลิงหยุนจะทำอะไรและได้แต่แอบคาดหวังอยู่ในใจว่าเขาจะทำในสิ่งที่เธอคิด ดวงตาของมู่หลงเฟยจื่อจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากของหลิงหยุนที่ค่อยๆเคลื่อนเข้ามาใกล้..
“เอ่อ..”
เสียงกระซิบแผ่วเบาดังออกมาจากริมฝีปากแดงระเรื่อของมู่หลงเฟยจื่อคล้ายกำลังจะพูดอะไรสักอย่างแต่แล้วกลับถูกริมฝีปากของหลิงหยุนหยุดไว้เสียก่อน..
จากนั้นร่างของมู่หลงเฟยจื่อที่ดิ้นรนขัดขืนพอเป็นพิธีนั้นก็ถึงกับอ่อนระทวยอยู่ภายใต้ริมฝีปากเร่าร้อนของหลิงหยุน และนี่เป็นจูบแรกของเธอ เธอต้องการที่จะเก็บเกี่ยวความสุขและดื่มด่ำกับมัน..
หลังจากระดมจูบมู่หลงเฟยจื่ออยู่เนิ่นนานหลิงหยุนก็ถอนริมฝีปากร้อนผ่าวของเขาออกเพราะเกรงว่ามู่หลงเฟยจื่อจะหายใจไม่ทัน จากนั้นจึงยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า..
“ผมคิดว่าคุณจะโมโหผมซะอีก!”หลิงหยุนเย้าแหย่
มู่หลงเฟยจื่อจ้องหน้าหลิงหยุนพร้อมกับตอบไปว่า“มรกดกล้ำค่าประจำตระกูลก็ยกให้เธอไปแล้ว จะช้าหรือเร็วฉันก็ต้องเป็นของเธออยู่ดี แล้วจะต้องโมโหไปทำไมกัน!”
“แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะกล้าหาญชาญชัยแบบนี้!กล้ารังแกฉันกลางวันแสกๆ ไม่กลัวว่าท่านปู่จะมาเห็นเข้าหรือยังไง”
หลิงหยุนถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกับตอบไปว่า“ก็คุณสวยจนผมอดใจไม่ไหวนี่นา! อีกอย่างคุณลืมไปแล้วเหรอว่าตอนเปิดประตูรั้วเข้ามา คุณเป็นคนบอกผมเองว่าท่านปู่มู่หลงไปประชุม และจะกลับในวันพรุ่งนี้! ผมจำไม่ผิดใช่มั๊ย”
“หรือจะมาเป็นภรรยาของผมตอนนี้เลย..”หลิงหยุนถามหยอกเย้า
“เมื่อครู่เธอเพิ่งบอกเองว่าให้ฉันเป็นแฟนเธอไปก่อน!รอให้ฉันพบคนที่เก่งกว่าเธอแล้วค่อยไปแต่งงานกับเขา!” มู่หลงเฟยจื่อสวนกลับทันที
หลิงหยุนหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขแล้วจึงเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ถามจริงๆเมื่อครู่เธอทำให้ตราหยกจักรพรรดิหายไป แล้วก็กลับมาอีกครั้งได้ยังไง เธอทำยังไงเหรอ?” มู่หลงเฟยจื่อถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หลิงหยุนจึงอธิบายเรื่องแหวนพื้นที่ให้กับมู่หลงเฟยจื่อฟังแต่หลังจากที่ได้ฟังเธอก็ถึงกับร้องถามออกมา
“แล้วแหวนพื้นที่อะไรนั่น..มันเหมือนกับมิติอื่นหรือเปล่า”
“มิติอื่นงั้นเหรอ!”นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงหยุนได้ยินคำนี้ เขาจึงได้แต่ร้องถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ
“มันก็คล้ายๆกับพื้นที่คู่ขนานในจักรวาลไงล่ะ!พูดง่ายๆก็คือว่านอกจากโลกเราแล้ว ในจักรวาลที่กว้างใหญ่นี้ยังมีมิติอื่นๆทับซ้อนกันอยู่ น่าจะคล้ายๆหลักเกณฑ์ของแหวนที่ที่เธออธิบายให้ฉันฟังเมื่อครู่นี้..”
มู่หลงเฟยจื่อไปเรียนที่อังกฤษตั้งแต่ระดับมัทธยมปลายดังนั้นเมื่อหลิงหยุนเล่าเรื่องแหวนพื้นที่ของเขาให้ฟัง เธอจึงได้นำเสนอทฤษฎีเรื่องมิติคู่ขนานในจักรวาล..
แน่นอว่าในโลกยุคปัจจุบันนั้นเป็นโลกที่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตพัฒนาไปอย่างรวดเร็วเมื่อพูดถึงเรื่องทฤษฏีมิติคู่ขนานนั้น คนส่วนใหญ่จึงสามารถเข้าใจได้ไม่ยากนัก เพียงแต่เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครนำขึ้นมาพูดกันเท่านั้นเอง
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า..วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลกใบนี้ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถประมาทได้เลยแม้แต่น้อย เพราะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีบางอย่างของโลกใบนี้นั้น ก้าวหน้าและสามารถเทียบเท่ากับโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ได้ด้วย
“มันคล้ายคลึงกัน!”หลิงหยุนพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
มู่หลงเฟยจื่อจ้องมองหลิงหยุนอยู่ครู่ใหญ่และกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องพลังเหนือธรรมชาติที่หลิงหยุนแสดงออกมาในหลายๆเรื่อง และจู่ๆเธอก็ร้องอุทานออกมาอย่างชื่นชม
“หลิงหยุน..เธอช่างเป็นคนที่มหัศจรรย์จริงๆ มหัศจรรย์เหลือเกิน!”
และนี่เป็นความรู้สึกศรัทธาที่มู่หลงเฟยจื่อมีต่อหลิงหยุนเธอชื่นชมออกมาจากหัวใจ..
“แล้วชอบมั๊ยล่ะ!”หลิงหยุนถามยิ้มๆ
มู่หลงเฟยจื่อจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับถามเสียงดุ“ยังจะถามอีกเหรอ”
และจู่ๆมู่หลงเฟยจื่อก็ลุกขึ้นเดินตรงเข้าไปในห้องนอนของตนเองพร้อมกับร้องบอกหลิงหยุนว่า
“เธอคอยฉันอยู่ที่นี่ก่อนนะฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วจะพาเธอไปที่วัดหลิงเจี๋วย!”
หลิงหยุนร้องถามออกมาด้วยใจที่สั่น“คุณจะไปทำอะไรที่นั่น”
ตอนนี้หลิงหยุนรู้แล้วว่าฉินจิวยื่อเก็บเขามาจากวัดหลิงเจี๋วยหลิงหยุนอยากจะไปที่วัดแห่งนี้หลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปที่นั่นเสียที คิดไม่ถึงว่าวันนี้มู่หลงเฟยจื่อจะเสนอตัวพาเขาไปที่นั่นเอง
“ไปวัดหลิงเจี๋ยวจะไปทำอะไรล่ะถามได้! ก็ต้องไปไหว้พระน่ะสิ! พระพุทธรูปที่นั่นศักดิ์สิทธ์มากเลยรู้มั๊ย?”
คนเจียงหนานส่วนใหญ่จะนับถือพุทธและไม่ว่าจะเป็นงานมงคลอย่างงานแต่งงาน หรือเรื่องน่าเศร้าอย่างงานศพ ทุกคนต่างก็จะพากันไหว้พระเพื่อขอพรที่วัดหลิงเจี๋วยแห่งนี้!
หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า“คุณดูไม่น่าจะเป็นคนเชื่อเรื่องพวกนี้นี่! ว่าแต่คุณไปขอพรเรื่องอะไรไว้”
มู่หลงเฟยจื่อไม่สนใจหลิงหยุนอีกเธอรีบเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า หลิงหยุนอยากจะส่องดูแต่ก็หยุดความคิดนั้นไว้
มู่หลงเฟยจื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกมานอกห้องหลิงหยุนเห็นก็ได้แต่คิดในใจว่า ‘โอ้โห.. นี่เจ้ามาในชุดแดงเพลิงเลยรึ!’
“ทำไม..ชุดนี้ไม่สวยหรือยังไง”
ชุดของมู่หลงเฟยจื่อนั้นแดงราวกับชุดแต่งงานของเจ้าสาวก็ไม่ปาน..
“มันแดงไปหน่อยแต่ผมก็ชอบ!” หลิงหยุนยืนตะลึงเล็กน้อยขณะที่ร้องตอบ
มู่หลงเฟยจื่อหัวเราะเธอเดินตรงเข้าไปหาหลิงหยุนพร้อมกับโอบแขนของเขาไว้แล้วพูดขึ้นว่า
“แล้วของขวัญที่ให้ไปเธอเก็บไว้ดีหรือยัง”
แทบไม่ต้องถาม..หลิงหยุนจัดการเรียกกล่องหยกจักรพรรดิเข้าไปเก็บไว้ในแหวนพื้นที่เรียบร้อยแล้ว
“ฉันก็ไปไหว้พระขอพรที่นั่นน่ะสิ!ฉันขอให้ได้แต่งงานก่อนอายุยี่สิบสี่ แล้วเธอก็คือผู้ชายคนนั้น! ตอนนี้ฉันก็ได้ตามที่ขอแล้ว ก็ต้องกลับไปไหว้น่ะสิ!”
หลิงหยุนจึงถามขึ้นระหว่างที่รอมู่หลงเฟยจื่อล็อคประตูบ้าน“คุณเกิดวันที่เท่าไหร่”
“12ธันวาคม.. จำให้ได้ด้วยล่ะ!”
“ผมจำได้อยู่แล้ว!”
หลังจากทั้งคู่ขึ้นรถไปแล้วหลิงหยุนก็ทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้กับมู่หลงเฟยจื่อ ทั้งคู่ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังชานเมืองทางด้านทิศตะวันตก..
“แถบนี้มีวัดอยู่มากมาย..มีทั้งวัดหลิงเจี๋วย วัดฝ่ากวง วัดซื่อเยวี่ย แล้วก็วัดโพธิ์ แต่วัดที่คนมากราบไหว้เยอะที่สุดก็คือวัดหลิงเจี๋วยที่เชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนี่ล่ะ!”
มู่หลงเฟยจื่อนั่งอยู่ในรถมองดูต้นไม้สีเขียวตลอดเส้นทางอย่างมีความสุขและคอยบอกทางหลิงหยุนอยู่เป็นระยะจนลืมไปว่าเขาเองก็เกิดที่จิงฉู
แต่มีหรือที่หลิงหยุนจะสนใจฟังสิ่งที่มู่หลงเฟยจื่อพูดในเมื่อตอนนี้เขากำลังสัมผัสได้ถึงพลังพุทธะที่แข็งแกร่ง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร