เจาะมิติพลิกชีวิตแม่หญิงชาวบ้าน นิยาย บท 44

กู้หมิงซวงหลังจากจัดการปลาตะปูกับแกงน้ำบ๊วยเปรี้ยวเสร็จแล้ว จึงนำบ๊วยดำที่เหลือไปต้มไฟอ่อนๆครึ่งชั่วโมง แล้วใส่ในถังขนาดใหญ่ จากนั้นจึงให้ซูเหิงจิ่งขุดหลุมลึกขนาดครึ่งคน แล้ววางถังลงไป ก่อนจะปิดหลุมจนมิดชิด

แกงน้ำบ๊วยเปรี้ยวถังหนึ่ง ก็ไม่ได้ใช้บ๊วยดำเยอะมาก นำไปดองไว้เช่นนี้ เก็บบ๊วยดำไว้นานเท่าไหร่ก็ไม่เน่าเสียง่าย

จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วกู้หมิงซวงจึงได้ล้างมือทานอาหารเย็น

สองวันมานี้ กู้หยวนเต้าก็สามารถเดินบนพื้นได้แล้ว ทว่าสองมือยังใช้การไม่ได้ ต้องอาศัยนางเฉาคอยป้อนอยู่ข้างๆ

เมื่อทั้งครอบครัวมาอยู่พร้อมหน้ากัน กู้หมิงซวงจึงถือโอกาสเอ่ยเรื่องสร้างเรือนหลังใหม่ขึ้น

“กระท่อมมุงหญ้าสองห้องนี้ต้านลมไม่อยู่ บังฝนก็มิได้ รูรั่วเต็มหลังคา ผนังทุกด้านก็ลมโกรก ยามนี้ยังดีที่เป็นฤดูร้อน แต่หากวันใดถึงยามหนาวจัดๆ แม้นจะห่มผ้านวมกี่ชั้นก็ต้านหนาวมิอยู่ ข้าคิดว่า มิสู้ตั้งใจเก็บเงินเอาไว้สร้างเรือนใหม่สักหลังดีหรือไม่เจ้าคะ?”

กระท่อมมุงหญ้าสองห้องนี้ เดิมก่อนจะแบ่งครอบครัวนั้นตระกูลกู้ใช้ที่นี่เป็นห้องโกโรโกโสไว้เก็บของเก่า เดิมทีก็หาใช่เรือนให้คนพักอาศัย

หลายปีมานี้ครั้นพอฝนตกพายุพัด กระท่อมหลังนี้ก็ยิ่งเก่าโทรมลงไปเรื่อยๆ ตีนรั้วก็เริ่มทรุดพังแล้ว หากเจอพายุหิมะเขา กระท่อมมุงหญ้าหลังนี้คงจักต้องถูกถล่มพังเป็นแน่

เรื่องจะสร้างเรือนใหม่นั้น สามีภรรยาทั้งสองก็เคยพิจารณามาก่อนเช่นกัน

เพียงแต่ต้องเลี้ยงดูลูกๆทั้งสาม กู้เหวินจูนก็กำลังร่ำเรียนหนังสืออยู่ ทั้งเลี้ยงดูลูกๆทั้งค่าเรืยนสึกษา เงินที่มีอยู่นั้นหาได้มีมากพอไม่

“สร้างกระท่อมเพียงสักหลังนั้น ก็ต้องใช้เงินราวๆสิบกว่าตำลึง ซวงเอ๋อร์ เราจักหาเงินเยอะขนาดนั้นมาจากไหนกันหรือ?”

“เรื่องเงินๆทองๆนั้น พวกท่านมิต้องกังวลเจ้าค่ะ ข้าจักคิดหาวิธีเอง ท่านแม่ ช่วงนี้ท่านช่วยออกไปสืบดูที หมู่บ้านเรามีใครใคร่ขายที่ดินหรือไม่ ถ้าทำเลเหมาะเจาะ เราก็ซื้อที่นั่นเสีย”

“มิใคร่อยู่ที่นี่แล้วหรือ?” นางเฉาเอ่ยถามอย่างแปลกใจ

“ที่นี่คับแคบเกินไปเจ้าค่ะ”

กู้หมิงซวงส่ายหน้าอย่างรังเกียจขยะแขยง

นางมีแผนในใจมาแต่แรกแล้ว ถ้าจะสร้างก็สร้างเรือนใหญ่กว้างขวางไปเลย หาใช่กระท่อมมุงหญ้าหลังเล็กๆไม่ อีกทั้งต้องสร้างด้วยอิฐหินทนทาน

กู้หยวนเต้ากับนางเฉามองหน้ากัน ทั้งสองก็มิได้เอ่ยอันใด

ตั้งแต่กู้หมิงซวงหายโง่เขลาแล้ว ทั้งสองก็สังเกตได้ว่า สูกสาวนับวันยิ่งมีความคิดขึ้นเรื่อยๆ

“ได้สิ” นางเฉาพยักหน้าตกลง “วันพรุ่งแม่จะเข้าหมู่บ้านไปสืบดูสักหน่อย”

……

เช้าวันรุ่งขึ้น กู้หมิงซวงจัดแจงปลาเผ็ดกับแกงน้ำบ๊วยเปรี้ยวเพิ่มอีกอย่างถัง เข้าเมืองชิงสือไป ฟ้าเพิ่งสว่าง นางก็ตั้งร้านขึ้น รอการเปิดขาย

ทั้งสามตื่นเช้าเกินไป ลุกตื่นก่อนไก่ขันเสียอีก แม้แต่ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้ทานมา

กู้หมิงซวงกับซูเหิงจิ่งยังพอไหว แต่ทว่ากู้เสี่ยวซานนั้นหิวจนจะไม่ไหวอยู่แล้ว ทั้งลูบพุงทั้งเลียปาก

เขาหิวโหย แต่มิกล้าเอ่ยปาก เพราะกลัวจะเสียเวลาขายของ ใจแข็งทนเอาไว้

ดีที่กู้หมิงซวงได้ยินเสียงท้องเขาร้องจ๊อกจ๊อก จึงตบกระบาล กล่าวโทษตน “ข้านี่ช่างเลินเล่อเสียจริง คิดแต่จะขายของ แต่กลับลืมกินข้าวเช้าไปเสียได้ พวกเจ้ารอหน่อยนะ ข้าจักไปซื้อของกินมาให้”

“ท่านพี่หญิงไม่ต้องหรอกขอรับ ข้าไม่หิว” กู้เสี่ยวซานก้มหน้าเอ่ย “กินข้าวข้างนอก มันเปลืองเงินนะขอรับ”

แต่ก่อนเขามิรู้ความ วันๆเอาแต่จะซื้อซาลาเปาเนื้อซื้อลูกอมกิน

แต่เมื่อสองวันมานี้หลังจากติดตามกู้หมิงซวงมาค้าขาย ถึงได้รู้ว่าผู้เป็นพี่นั้นหาเงินอยู่นอกบ้านลำบากไม่น้อย

“ควรซื้อก็ต้องซื้อบ้าง มิอาจทรมานตัวเองได้หรอก”

กู้หมิงซวงลูบหัวผู้เป็นน้องชาย แล้วจึงหันหลังไปนับเอาเหรียญทองแดงยี่สิบเหรียญจากกระด้งมา แล้วไปซื้อซาลาเปาเนื้อกับแป้งทอดที่ร้านตรงข้าม

“ซาลาเปาเนื้อลูกอวบๆร้อนๆ แป้งทอดหอมๆจ้า ลูกค้าท่านถือดีๆ ระวังร้อนนะเจ้าคะ”

กู้หมิงซวงเอ่ยขอบน้ำใจ กำลังจะหันหลังกลับ ด้านหลังกลับส่งเสียงเอ่ยขึ้น

“เอ้อยา เป็นเจ้าจริงๆหรือ?”

หลิวชุนฮัวเดินออกมาจากร้านขายเสื้อ มองที่กู้หมิงซวงด้วยแววตาประหลาดใจ

ร้านขายเสื้อผ้าแห่งนี้นางกับกู้ต้าไห่ตั้งขึ้นมาด้วยกัน ทุกวันเมื่อกู้ต้าไห่ออกไปซื้อของนางก็จะอยู่ที่ร้านขายเสื้อผ้า

เมื่อครู่เหลือบเห็นรูปร่างหน้าตาดูคุ้นๆ นึกไม่ถึงพออกมาดูแล้วกลับเป็นกู้หมิงซวงจริงๆ

หลิวชุนฮัวนึกถึงเหตุการณ์ที่ตนจ่ายเงินไปคราก่อน แต่ไม่ได้สอนบทเรียนให้กู้หมิงซวง ในใจพลันนึกโมโหจนกัดฟันขึ้น จึงหลิ่วตายิ้มขึ้นบนใบหน้า

“เอ้อยา ใยเจ้าจึงเข้าเมืองมาอีกแล้วหรือ?”

“ข้าเข้าเมืองแล้วเกี่ยวอันใดกับเจ้าด้วย?”

กู้หมิงซวงหาได้มีไมตรีอันใดต่อป้าสะใภ้ใหญ่ผู้นี้ ไม่แม้แต่จะชายตามองนางด้วยซ้ำ จึงรีบหันหลังเดินกลับแผงขายของตนไป

หลิวชุนฮัวมองไปที่ของในมือของกู้หมิงซวง พลันนึกแปลกใจขึ้นเหตุใดนางถึงกล้าซื้อซาลาเปาเนื้อกับแป้งทอดไปเยอะขนาดนี้กัน อีกทั้งนึกสงสัยว่านางเข้าเมืองมาทำอันใดกัน จึงได้เดินตามไปดู

กระทั่งตามนางไปจนถึงแผงขายของ นางจึงได้คลายความสงสัยลง

“โอ้ เอ้อยา ที่แท้เจ้ามาทำการค้านี่เองหรอกหรือ อย่าหาว่าข้าพูดจาไม่น่าฟังเลยนะ มาค้าขายที่นี่มันขายไม่ดีสักเท่าไหร่หรอกนะ นับตั้งแต่เด็กๆเจ้าก็โง่เง่ากว่าใครๆ จะมีสมองที่ไหนมาทำการค้าขายไหวกัน อย่าเอาค่าโลงศพของพ่อแม่เจ้ามาขาดทุนทิ้งที่นี่เสียดีกว่า”

“ท่านชักจะกังวลเรื่องชาวบ้านเกินไปแล้วหนา”

กู้หมิงซวงเอ่ยอย่างเย็นชา

หลิวชุนฮัวพลันรู้สึกอับอายขายหน้าขึ้นทันใด จึงได้แค่โบกมือให้กู้เสี่ยวซาน “เสี่ยวซาน เจ้ายังจำป้าสะใภ้ใหญ่ได้หรือไม่ ไปกัน ไปกับป้า ป้าจักซื้อลูกอมให้เจ้ากิน”

ผ่านไปเป็นเวลานาน หลิวชุนฮัวก็ยังมิอาจเกลี้ยกล่อมกู้เสี่ยวซานให้ใจอ่อนลงได้สักที

กู้เสี่ยวซานหยีหน้าหยีตาน้อยๆของเขา ส่ายหัวปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้า

“ข้ามิไปกับท่านหรอก ลูกอมของท่านข้าก็ไม่กิน”

“เอ๊ะ ไอ้เด็กไม่รู้ความนี่……”

หลิวชุนฮัวถกแขนเสื้อขึ้นด้วยความโมโหจะตีก้นกู้เสี่ยวซาน แต่กลับถูกกู้หมิงซวงคว้าข้อมือเอาไว้

สาวน้อยเอ่ยขู่ขึ้น

“ท่านจะทำอันใดกัน? จะตีน้องชายต่อหน้าข้างั้นหรือ?”

หลิวชุนฮัวถูกนางจับจ้องด้วยสายตาอันโกรธเคือง ข้อมือก็ถูกคว้าไว้อย่างแน่น ได้แต่ตะโกนด่า

“กู้หมิงซวงเจ้ามันหัวขบถหรือไรกัน? อย่างไรเสียข้าก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่มีใครสั่งใครสอนมารยาทการปฏิบัติต่อผู้อาวุโสให้เจ้าหรือไง?”

“ถือโอกาสผลักท่านพ่อข้าตกบ่อหิน เจ้ามันผู้อาวุโสประสาอะไรกัน?”

กู้หมิงซวงสะบัดมือนางออกด้วยความขยะแขยง แล้วยื่นซาลาเปาเนื้อกับแป้งทอดให้ซูเหิงจิ่ง จึงเอ่ยขึ้นด้วยความเกลียดชังว่า “หากหมดเรื่องแล้วก็รีบถอยไปซะ เกะกะข้าจะขายของ”

หลิวชุนฮัวพลันยิ้มขึ้นด้วยความเคืองโกรธ ใช้นิ้วจิ้มบนจมูกของกู้หมิงซวง แล้วกล่าวเย้ยหยันขึ้นว่า“เฮอะ อีอ้วนขายของอะไรของเจ้า ข้ายืนอยู่นานสองนานแล้ว ผีสักตนก็ยังไม่เห็นผ่านมา กะแค่ของกะโหลกกะลาของเจ้า ขายออกสิถึงแปลก”

หลิวชุนฮัวพูดขาดคำ ก็มีเด็กน้อยสองคนวิ่งออกมาจากในตรอก ตรงเข้ามาที่ร้านของกู้หมิงซวง พลันรีบเอ่ยตะโกนเสียงดัง “ท่านพ่อ ท่านพ่อ แม่ค้าหญิงคนที่ขายปลาเผ็ดเมื่อวานมาอีกแล้วขอรับ!”

ชายที่อยู่ในตรอกครั้นได้ยินเสียง ทันใดก็วิ่งออกมาพร้อมเหรียญอีแปะทองแดงหนึ่งกำมือ พอมาถึงหน้าร้าน เห็นหลิวชุนฮัวที่ยืนอยู่หน้าร้านก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เจ้าจะซื้อไม่ซื้อ หากไม่ซื้อก็อย่ามายืนขวางข้าซื้อของกิน”

หลิวชุนฮัวตกใจขึ้นทันใด ยังมิทันได้สติก็ถูกชายผู้นั้นผลักออกไปอีกด้าน

“แม่ค้าหญิง วันนี้ช่างมาแต่เช้าเสียจริง ข้าเอาปลาเผ็ดสี่ชุดแล้วก็แกงน้ำบ๊วยเปรี้ยวอีกสองชุด”

“ได้เลยจ้า”

ครั้นกู้หมิงซวงห่อเสร็จแล้ว ก็ได้แถมปลาเผ็ดเพิ่มให้อีกสองตัว แล้วเอ่ยชม “ลูกเขย ลูกชายท่านนี่ช่างทั้งฉลาด ทั้งน่ารักเสียจริงหนา”

ชายผู้นั้นหัวเราะออกมาอย่างเบิกบานทันใด

เมื่อขายได้ครั้งแรกแล้ว ปลาเผ็ดไม่นานก็ถูกบอกต่อกันไป ต่อมาไม่นาน เหล่าคนที่ซื้อไม่ทันในเมื่อวานก็ต่างพากันย่างก้าวเข้ามาซื้อ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจาะมิติพลิกชีวิตแม่หญิงชาวบ้าน