เจาะมิติพลิกชีวิตแม่หญิงชาวบ้าน นิยาย บท 43

ยังมิทันถึงตอนเที่ยง แกงน้ำบ๊วยเปรี้ยวกับปลาเผ็ดที่กู้หมิงซวงนำมาขายนั้นก็ถูกกระหน่ำซื้อจนหมดถังเสียแล้ว

ก็ช่วยมิได้ กู้หมิงซวงก็ทำได้แค่รีบเก็บของกลับบ้าน

“หมดแล้ว หมดแล้ว ปลาเผ็ดกับแกงน้ำบ๊วยเปรี้ยวขายหมดเกลี้ยงแล้ว”

“ว่าอย่างไรนะ?”

คนที่ต่อแถวอยู่ด้านหลังต่างพากันบ่นขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

“พวกเรายังไม่ทันได้ซื้อเลย ใยจึงหมดเกลี้ยงเสียแล้วล่ะ?”

“ขายของประสาอะไรกันเนี่ย พวกข้าก็รอกินอยู่นะ จู่ๆใยจึงไม่ขายเสียแล้ว นี่จะทำพวกข้าอยากกินจนขาดใจตายหรือไงกัน?”

กู้หมิงซวงก็คิดไม่ถึงว่าทุกคนจะพากันกระตือรือร้นซื้อถึงเพียงนี้ นางจึงปาดเหงื่อบนสองเม็ดบนหน้าผาก แล้วยกมือเอ่ย “หมดแล้วจริงๆจ้า หมดเกลี้ยงก้นถังเลย วันนี้ขออภัยทุกท่านด้วย วันพรุ่งยามเช้า ข้าก็มาตั้งร้านขายที่นี่เหมือนเดิมหนา”

พอพูดจบกู้หมิงซวงก็ยกถังไม้ว่างเปล่าขึ้นมาให้ทุกคนดู

เมื่อผู้คนพากันมองเห็นถังอันเกลี้ยงเปล่าแล้ว ก็ต่างพากันไม่สบอารมณ์ แต่ก็ไร้หนทาง

อย่างไรเสียก็มิอาจจะแบกถังเปล่าเอากลับไปกินที่บ้านได้

จึงทำได้แค่รีบมาซื้อพรุ่งนี้ตอนเช้าอย่างเดียวแล้ว

กว่าจะพูดเกลี้ยกล่อมให้ทุกคนถอยจากไปนั้นช่างไม่ง่ายเลย กู้หมิงซวงปาดเหงื่อบนหน้าผากอย่างอับจนหนทาง ซูเหิงจิ่งก็เข้ามาลากรถให้ แล้วกลับเรือนไปพร้อมๆกัน

นางยุ่งมาตลอดทั้งเช้า จนปวดหลังเจ็บเอวไปหมด ระหว่างทางกลับไม่ว่าจะอย่างไรซูเหิงจิ่งก็ไม่ยอมให้นางเดินเอาเอง ดึงดันจะให้นางนั่งบนรถลากให้จงได้

ด้วยน้ำหนักเช่นนี้ของกู้หมิงซวงใยจะกล้านั่งบนรถลาก นางกลัวทำเอาซูเหิงจิ่งเหนื่อยแย่

จึงส่ายหัวปฏิเสธ ต่อให้ต้องตายกู้หมิงซวงก็ไม่ยอมนั่งรถลาก

ขณะที่นางกำลังจะเดินไปนั้น ทันใดชายหนุ่มก็ใช้มือกอดที่เอวนางแล้วยกตัวนางขึ้น

กู้หมิงซวงหน้าแดงก่ำขึ้นทันใด แล้วร้องเอ่ย “ซูเหิงจิ่งเจ้ามันบ้าไปแล้วหรือ รีบปล่อยข้าลงบัดเดี๋ยวนี้!”

“จะยอมนั่งบนรถได้หรือยัง?”

ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น แล้วส่งสายตาข่มขู่เข้ามาใกล้ๆ หากในอ้อมแขนซูเหิงจิ่งเปลี่ยนเป็นสาวงามสักนาง คงนับเป็นภาพฉากอันงดงามอย่างยิ่งเลยทีเดียว แต่ขณะนี้ เพียงกู้หมิงซวงนึกถึงน้ำหนักตัวกว่าสองร้อยชั่งของตน ก็อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว

นางรีบหลีกเลี่ยงความอับอาย จึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าตกลง

“ข้านั่งก็นั่งสิ รีบปล่อยข้าลงเถิดนะ”

ซูเหิงจิ่งดวงตาฉายแววพออกพอใจ แล้วจึงค่อยๆวางนางลงบนรถเข็นอย่างนุ่มนวลเบามือ

ทางด้านกู้เสี่ยวซานก็อ้าปากกลมค้าง “พี่จิ่งเก่งเสียจริงเลยขอรับ แข็งแกร่งยิ่งนัก”

กู้หมิงซวงยิ่งอายแทบแทรกแผ่นดินเข้าไปอีก

ในขณะที่นางเขินอายอยู่นั้น ชายหนุ่มก็ใช้มือจับลงที่รถลาก แล้วลากออกมาไกลได้ระยะหนึ่ง

เมื่อเงยมองเห็นแผ่นหลังสูงๆกว้างๆของชายหนุ่ม พร้อมฝีเท้าที่ก้าวอย่างคงที่ ก็มิรู้ว่าเหตุใดมุมปากของสาวน้อยก็พลันยิ้มยกขึ้น

ชายหนุ่มผู้นี้……ทำให้คนอยู่ด้วยแล้วรู้สึกปลอดภัย

เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างไรเสียก็ไร้ทางปฏิเสธ กู้หมิงซวงจึงยอมนั่งอยู่นิ่งๆแต่โดยดี ก็ได้มีเวลาว่างนับดูเงิน

ครานี้ กลับได้มาตั้งห้าร้อยอีแปะ

หักเงินยี่สิบอีแปะที่ซื้อปลาตะปูเมื่อวานออก อีกทั้งวัตถุดิบอื่นๆอีกไม่เกินราวๆหนึ่งร้อยอีแปะ นั่นก็เท่ากับว่านางหาเงินมาได้สี่ร้อยอีแปะทั้งสิ้นในวันนี้

แม้นเงินสี่ร้อยอีแปะจะไม่ได้มากมาย แต่หากเก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อยๆ สักเดือนหนึ่งก็จะกลายเป็นเงินราวๆสิบตำลึงทีเดียวเชียว

สิบตำลึง……ก็สามารถเอามาสร้างเรือนไม้ในชนบทเล็กๆสักหลังได้แล้ว

กู้หมิงซวงใคร่อยากสร้างเรือนหลังใหม่มานานแล้ว เรือนหลังเดียวอยู่กันตั้งห้าคน อีกทั้งซูเหิงจิ่งต้องนอนขดอยู่ในกระท่อมมุงหญ้าหลังเล็ก หากนานไปคงไม่ดีแน่

……

ซูเหิงจิ่งสาวเท้าเดินอย่างว่องไว ชั่วเวลาหนึ่งมื้ออาหารก็กลับถึงหมู่บ้านต้าเฉียวแล้ว

ระหว่างก็มีชาวบ้าน มองเห็นกู้หมิงซวงผู้มีน้ำหนักตัวเช่นนี้ กลับกล้านั่งบนรถให้ซูเหิงจิ่งลาก ก็อดอ้าปากค้างไม่ได้

“เอ้อยา เจ้ามิกลัวทำเอาญาติผู้พี่เจ้าเหนื่อยตายหรอกหรือ?”

“นั่นน่ะสิ เจ้าจักเอาเขามาใช้แรงงานเป็นวัวเป็นควายเช่นนี้มิได้หนา?”

เมื่อได้ยินคำพวกนี้ อารมณ์เบิกบานของกู้หมิงซวงก็พลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย พลันแสดงสีหน้าอันซึ่งไร้คำพูดใดๆ

ในขณะเดียวกัน ซูเหิงจิ่งก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้ายินดีจะลากให้นาง เกี่ยวอันใดกับพวกเจ้ากัน?”

นี่เป็นครั้งแรกที่ชาวบ้านได้ยินซูเหิงจิ่งเอ่ยปากพูด น้ำเสียงของชายหนุ่มเย็นชาเรียบเฉย แววตาดุจดั่งหมาป่าราตรี ทำเอาคนใจสั่นหวาดเกรงไปหมด

แม้ว่าเขาจะมิได้ดุร้ายอันธพาลดั่งเช่นเหล่านักเลง แต่แววตาอันเย็นเฉียบเช่นนี้ ก็ทำเอาแต่ละคนต่างพากันเกรงกลัวไปหมด

ครั้นเมื่อชายหนุ่มเอ่ยขึ้นหนึ่งคำ ก็พลันทำเอาแต่ละคนหุบปากเงียบ ไม่กล้าเอ่ยปากพูดอันใดอีกเลย

ซูเหิงจิ่งคร้านใจไม่อยากสนใจพวกเขา จึงลากรถมุ่งหน้ากลับไปยังเรือนตระกูลกู้ทันที

พอชายหนุ่มให้หลังไปได้ไกลแล้ว หม่าซานเหนียงที่ซ่อนตัวอยู่กลางฝูงชนก็ถุยเสมหะลงบนพื้น

แล้วพูดจาพิกลขึ้น “กะแค่อีอ้วนยังหลับหูหลับตาเอามาทะนุถนอม พี่ชายญาติห่างๆอันใดกัน ข้าว่านางคงแต่งไม่ออก จึงได้ไปเชิญมาเป็นลูกเขยเองซะมากกว่า”

หนิวฝู้กุ้ยที่ยืนอยู่ด้านหลังเหลือกตาขึ้น แล้วบ่นเอ่ย “เจ้าอิจฉาเขา ก็เที่ยวให้ร้ายคนเขาไปทั่วเสียจริงหนอ”

“หนิวฝู้กุ้ย เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เจ้าหาว่าอิจฉาหรือ?”

หนิวฝู้กุ้ยหน้าหนาหน้าทน ก่อนจะยิ้มตอบไป “เมื่อไม่กี่วันก่อนเจ้าเพิ่งโดนสามีเจ้าทุบตีมามิใช่หรือ ใยจึงออกมากระโดดโลดเต้นไวถึงเพียงนี้เล่า ด่าว่าร้ายเอ้อยาไม่พอ ยังมาแอบพูดจาไรสาระอยู่นี่อีก ข้าว่าเจ้ามันหน้าไม่อายที่สุดในหมู่บ้านแล้ว”

“หนิวฝู้กุ้ย อีนางสวรรค์สาปนี่……”

หม่าซานเหนียงจับได้จอบขึ้นก็ขว้างใส่ไปทีหนึ่ง หนิวฝู้กุ้ยพลันรีบหลบไปอีกด้าน จอบนั้นกระแทกเข้าที่ขาของสวีจิ้นหยวนอย่างจัง

ขณะที่หม่าซานเหนียงกำลังจะไปเก็บเอาจอบนั้น ก็เจอะเข้ากับสวีจิ้นหยวนยืนอยู่ตรงนั้น จ้องมองไปทางที่กู้หมิงซวงจากไปด้วยแววตาอันชั่วร้าย แววตาเช่นนั้นราวกับจะกินคนเข้าไปทั้งตัวได้อยู่แล้ว

หม่าซานเหนียงนึกหวาดกลัว ครั้นกำลังจะไปเก็บเอาจอบของตนขึ้นมานั้น สวีจิ้นหยวนก็กำหมัดทั้งสองแน่น สะบัดแขนเสื้อหันหลังจากไป

ฝีเท้าของเขาแต่ละก้าว เหยียบย่ำลงไปด้วยความคับแค้นอย่างรุนแรง

กู้เอ้อยา! อีอ้วน!

“มิน่าล่ะเจ้าถึงได้ถอนหมั้นข้า ที่แท้ก็แอบมีชายอื่นนี่เอง!”

พอนึกถึงร่างสูงกำยำของซูเหิงจิ่งขึ้น สวีจิ้นหยวนก็เผยยิ้มเยือกเย็นขึ้น “ร่างใหญ่มากพลังแล้วจะอย่างไรกัน ก็เป็นเพียงแค่คนบ้าบิ่นไร้ประโยชน์เท่านั้น รอภายหน้าข้าสอบได้ซิ่วไฉ ข้าจะให้พวกเจ้าทุกคนมากราบแทบเท้าข้าให้หมด กู้เอ้อยา เจ้าจักต้องเสียใจภายหลังแน่”

……

กู้หมิงซวงยังไม่รู้ความแค้นในใจของสวีจิ้นหยวน พอถึงหน้าเรือน นางก็พลันรีบกระโดดลงจากรถลากทันที แล้วเงยมองซูเหิงจิ่งอย่างร้อนใจ

เห็นซูเหิงจิ่งสีหน้าสงบนิ่ง บาดแผลบนตัวไม่ได้อักเสบฉีกขาด เขาจึงโล่งอกไปที

เมื่อเข้าไปในเรือนนางเฉาก็ได้ถามไถ่ถึงการค้าขายในวันนี้

กู้เสี่ยวซานสีหน้าแจ่มใส เล่าอย่างเติมไข่ใส่สีถึงเหตุการณ์ที่ผู้คนพากันเรียงคิวซื้อปลาเผ็ด และ

ยังบอกว่า “ท่านพี่หญิงบอกว่า วันนี้หาเงินมาได้ตั้งสี่ร้อยอีแปะเต็มๆแน่ะขอรับ!”

“ว่าอย่างไรนะ สี่ร้อยอีแปะหรือ?”

นางเฉาอึ้งตะลึงจนแทบลูกตาจะกระเด็น

นางตบมือเข้าหากัน ในใจปีติยินดียิ่ง

เมื่อวานนังยังกังวลอยู่เลยว่าปลาเผ็ดเยอะขนาดนี้จะขายอย่างไรไหว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่าถึงเพียงนี้

“ดีเลย ดีเลย ปลาตะปูที่พี่สะใภ้ซิ่งฮัวส่งมาวันนี้ข้าก็รับไว้หมดแล้ว”

ตั้งแต่กู้หมิงซวงตกลงรับปลาตะปูไว้หมดนั้น พี่สะใภ้ซิ่งฮัวก็ให้สามีนางจับปลาตะปูมาเยอะๆขึ้นอีกหน่อย ปลาตะปูที่ส่งมาวันนี้ยังเยอะกว่าเมื่อวานเสียอีก น้ำหนักราวๆสิบกว่าชั่งได้

ปลาตะปูสองถังเต็มๆนั้น นางเฉาก็ได้ชำแหละล้างสะอาดเรียบร้อยแล้ว วางไว้ตรงตีนรั้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจาะมิติพลิกชีวิตแม่หญิงชาวบ้าน