ลู่ซีเจ๋อรีบมาทันทีที่ได้ยินและพยุงตัวหญิงสาวที่ร้องด้วยความเจ็บปวดขึ้นมา “เสวี่ยเอ๋อ! เสวี่ยเอ๋อ! ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
เฉินชิงเสวี่ยเอนกายเข้าไปในอ้อมแขนของลู่ซีเจ๋อ “ซีเจ๋อ พี่เขา...ฉันคิดไม่ถึงเลย คิดไม่ถึงเลยจริง ๆว่าพี่เขาจะตามมาที่นี่...”
ลู่ซีเจ๋อมองเฉินมู่ด้วยความรังเกียจ อารมณ์ที่ไม่ดีมาตลอดเช้าล้วนถูกระบายใส่เธอจนหมด “เฉินมู่! คุณเป็นคนตอบตกลงที่จะถอนหมั้นเองนะ ตอนนี้คนที่ทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปหมดก็คือคุณ! นี่คุณไม่ดูสารรูปตัวเองหน่อยเหรอ! ช่วยละอายแก่ใจหน่อยได้ไหม!”
เฉินมู่โมโหจนปวดศีรษะ เธอโบกมือไปมาแล้วกล่าวว่า “คุณชายลู่ ฉันแค่นั่งทานข้าวเฉย ๆเองนะคะ จะไปทำเรื่องวุ่นวายอะไรนั่นได้อย่างไรกัน?”
ลู่ซีเจ๋อก้าวขายาว ๆ ไปด้านหน้ากำข้อมือของเฉินมู่ไว้อย่างแน่นหนาพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูลำพองใจอยู่บางส่วน “เฉินมู่ อีกนิดผมก็เกือบจะเชื่อเรื่องที่คุณตอบตกลงถอนหมั้นไปแล้วเชียว ดูท่าตอนนี้ คุณมันก็แค่ปรับเปลี่ยนกลอุบายในการก่อเรื่องวุ่น ๆ เท่านั้นเอง!”
เขารู้อยู่แล้ว เฉินมู่รักเขามานานตั้งหลายปี จะมาบอกว่าไม่ชอบก็คือไม่ชอบแล้วได้อย่างไร? ที่แท้ก็แค่เล่นละครตบตาให้ตายใจนี่เอง!
ข้อมือของเฉินมู่ถูกบีบอีกครั้ง ในขณะนั้นเองปากแผลที่ถูกเย็บไว้อย่างยากลำบากได้ปริออกมาจนได้ เลือดไหลซึมผ่านผ้าพันแผลออกมา เฉินชิงเสวี่ยหดตัวเข้าไปในอ้อมกอดของลู่ซีเจ๋อ “ซีเจ๋อ...เลือด...”
ลู่ซีเจ๋อชะงักงัน รีบสลัดตัวเฉินมู่ออกไปทันควัน เขาหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาเช็ดมือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย
“เสี่ยวมู่ คุณตัดใจซะเถอะ ไม่ว่าอย่างไรผมก็รักแค่เสวี่ยเอ๋อเพียงคนเดียว ไม่ว่าคุณจะใช้สารพัดกลอุบายอะไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดผมได้หรอก”
เฉินมู่กุมข้อมือของตัวเองไว้ นี่คือการบาดแผลจากการกรีดข้อมือ เลือดไหลออกมามากขนาดนี้คงต้องตายแน่ ๆ เธอไม่มีกะจิตกะใจที่จะไปทะเลาะกับพวกเขาอีกแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือต้องไปที่โรงพยาบาลก่อน
ในตอนนั้นเอง ประตูห้องอาหารก็ถูกผลักออกอย่างรุนแรง มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งล้อมรอบชายที่สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีม่วงเข้มเดินเข้ามาพร้อมกัน…
ใบหน้าชายหนุ่มช่างดูสง่างามสมบูรณ์แบบ หางตางอนสวยงามอย่างบอกไม่ถูก เส้นผมที่ยุ่งเหยิงยิ่งขับให้เขาดูเหนื่อยหน่ายและเกียจคร้านมากยิ่งขึ้น มันดูกลับตาลปัตรแตกต่างกันกับคนส่วนมาก
ทันทีที่ฮั่วหยุนเฉินเข้ามาหย่อนก้นนั่งลงตรงที่นั่ง เขาก็ดึงคอเสื้อไปมาพร้อมกับพูดออกคำสั่งไปด้วย “จับพวกมันสองคนโยนออกไปซะ!”
บอดี้การ์ดนิ่งไปนานมาก ไม่รู้ว่าสองคนที่ว่าคือสองคนไหน ฮั่วหยุนเฉินหงุดหงิดจนแทบจะพ่นไฟได้ มือหนาดึงคอเสื้อไปมาอีกครั้ง และชี้ไปที่คราบเลือดบนพื้นแล้วถาม “ใครเป็นคนทำ?”
เฉินมู่ยกมือขึ้นอย่างเงียบ ๆ “ฉันเองค่ะ...”
ฮั่วหยุนเฉินมองพินิจพิเคราะห์เฉินมู่อย่างจริงจัง ในใจบอกว่านี่คือหญิงสาวที่ฮั่วหยุนเซียวยอมทานข้าวเช้าด้วยเป็นกรณีพิเศษ เขามองเธอด้วยความชื่นชมอยู่ครู่หนึ่ง
จากนั้นจึงโบกมือให้เฉินมู่ “อย่ามัวยืนสร้างปัญหา คุณหลีกไปซะ!”
เสียงเข้มว่าก่อนหันไปมองเฉินชิงเสวี่ยอีกครั้งหนึ่ง “คุณเป็นคนทำใช่ไหม?”
เฉินมู่ “.....”
“เขียนบิลให้เธอซะ! พื้นของคุณชายนั้นมีมูลค่าไม่ต่ำไปกว่าสองแสน! ให้เธอชดใช้มา!”ฮั่วหยุนเฉินโบกมือใหญ่ ๆ ของเขา เป็นเชิงว่าสองแสนนะ ตกลงตามนั้นแหละ
“นี่คุณ!”เฉินชิงเสวี่ยใบหน้าแดงก่ำ “ทำไมคุณถึงไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย? นั่นฉันไม่ได้เป็นคนทำนะ! เป็นเธอต่างหาก!”
ฮั่วหยุนเฉินไม่สนใจ เขาตะโกนขึ้นโต้กลับ “พอแล้ว เอาตัวออกไปซะ ฉันเคยพูดไว้ว่ายังไง ถ้ายังไม่ได้มีการนัดหมายล่วงหน้าแล้วใครมันปล่อยให้พวกคุณเข้ามาได้ห๊ะ!”
เฉินชิงเสวี่ยตะโกนขึ้นทันที “พวกฉันรู้จักกับเจ้าของร้านแห่งนี้! คุณจะมาไล่พวกฉันออกไปได้ยังไง?”
ฮั่วหยุนเฉินส่งสายตาเย็นชาออกมาแล้วเปล่งเสียงเหอะออกมาทางจมูก “ผมคือเจ้าของร้าน คุณล่ะเป็นใคร?”
“ฉัน...ฉัน...”เฉินชิงเสวี่ยตะลึงงัน ผู้ชายเฮ็งซวยที่อยู่ตรงหน้าคือเจ้าของร้าน? งั้นคนที่ลู่ซีเจ๋อรู้จักล่ะคือใคร?
เป็นเพราะว่าเธอเห็นนามบัตรในกระเป๋าของลู่ซีเจ๋อ ถึงได้มั่นใจว่าลู่ซีเจ๋อรู้จักกับเจ้าของร้านเซียวเซียงซวนแห่งนี้! จนกระทั่งถึงขั้นเคยเอาไปโอ้อวดในกลุ่มเพื่อนว่าตนเองเข้าออกเซียวเซียงซวนได้อย่างอิสระ!
ฮั่วหยุนเฉินยิ้มตาหยีพลางตอบ “คนที่คุณรู้จักคือใคร ไปเรียกผู้จัดการล็อบบี้มา ตอนนี้พวกคุณทั้งสองคนช่วยทำให้ผมอิ่มอกอิ่มใจหน่อยเถอะ ไสหัวไปซะ!”
ลู่ซีเจ๋อกับเฉินชิงเสวี่ยถูกพวกบอดี้การ์ดลากตัวออกไปจากร้านเซียวเซียงซวนแล้ว
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเก้าโมง ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เดินผ่านมาได้เห็นฉากนี้เข้าแล้ว พวกเขากำลังพูดคุยกันว่า เห็นพวกเขาแต่งตัวดูดีขนาดนี้ คาดไม่ถึงว่าจะถูกไล่ออกมาจากร้านอาหาร
ด้านนอกมีเสียงดังเอะอะของการไล่คน ภายในห้องวีไอพี ฮานเฉิงก้มศีรษะลงต่ำกล่าวต่อคนเป็นหัวหน้า “บอสครับ คุณชายรองมาแล้ว”
ฮั่วหยุนเซียวพยักหน้า เขาลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องวีไอพีโดยเร็ว ฮั่วหยุนเฉินลุกขึ้นยืนทันทีและเปลี่ยนท่าทางจากที่ดุร้ายเมื่อสักครู่เป็นรอยยิ้มไร้เดียงสาเหมือนเด็กผู้ชายตัวโต “พี่ชาย!”
พี่ชาย?? เฉินมู่มองฮั่วหยุนเซียวด้วยสีหน้างุนงง สายตามองไปที่ชายหนุ่มเสื้อเชิ้ตสีม่วงอีกครั้ง คนหนึ่งหล่อราวกับเทพบุตร อีกคนประณีตดุจมารร้าย ที่แท้เป็นพี่น้องกันอย่างนั้นเหรอ?
ฮั่วหยุนเซียวเดินเข้ามา ในสายตาเขามีเพียงแต่เลือดสีแดงสดบนข้อมือของหญิงสาวที่หยดลงบนพื้นหยดแล้วหยดเล่า
ใบหน้าของเขาซีดเผือด ก่อนจะรีบโน้มตัวลงอุ้มเฉินมู่ขึ้นมา “ฮานเฉิง ไปที่โรงพยาบาล โทรหาโอวจินด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่