บทที่ 9
ระหว่างที่ฟีเรนเทียกำลังเหม่อมองนอกหน้าต่างอย่างมีความสุข เครย์ลีบันอยู่ที่ห้องทำงานของรูลลัก
นอกจากหน้าที่สอนหนังสือเหล่าทายาทแล้ว เขาผู้มีหน้าที่ดูแลการเงินของคฤหาสน์ยังมีเรื่องที่ต้องรายงานให้ท่านเจ้าตระกูลทราบอยู่หลายเรื่อง
“…เรื่องที่ต้องรายงานวันนี้ก็มีเท่านี้ครับ”
“ลำบากเจ้าแล้ว นั่งลงดื่มชาก่อนแล้วค่อยไปเถอะ”
“ถ้าอย่างนั้น รบกวนด้วยนะครับ”
พอรูลลักเขย่ากระดิ่งอันเล็ก ผู้ดูแลที่รอรับใช้อยู่ด้านนอกก็ยกชาเข้ามาข้างในทันที
ใบชาชั้นยอดส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระตุ้นประสาทสัมผัสกลิ่น สมกับที่เป็นห้องทำงานของเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าคิดเห็นเช่นไรบ้าง”
มันเป็นคำพูดตัดทอนส่วนหน้าและส่วนหลังออกไป แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทั้งรูลลักและเครย์ลีบันทราบถึงความหมายที่ต้องการจะสื่อ
“…สามารถเข้าใจได้ว่าเพราะเหตุใดท่านเจ้าตระกูลถึงได้กล่าวเช่นนั้นครับ”
“ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ ก็ยังเข้มงวดเหมือนเคยเลยนะ เจ้าน่ะ”
แต่รูลลักทราบดีว่า ความดุดันที่มีต่อคนอื่นนั้น เครย์ลีบันคนนี้เข้มงวดต่อตัวเองมากยิ่งกว่าใคร จึงหัวเราะเสียงดังหึหึ
“จนถึงเมื่อไม่นานมานี้ยังเข้าใจว่าเป็นเพียงแค่เด็กอายุเจ็ดขวบธรรมดาอยู่เลย ช่างเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริงๆ”
“ตั้งใจว่าจะลองสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนั้นเพิ่มเติมอยู่เหมือนกันครับ”
เครย์ลีบันวางแก้วชาลงในขณะที่เอ่ยพูด
“ข้าได้ลองเรียกตัวเหล่าข้ารับใช้ที่คอยรับใช้คุณหนูฟีเรนเทียกับท่านแคลอฮันมาสอบถามดูแล้ว แต่ไม่มีใครทราบถึงความฉลาดเฉลียวของคุณหนูเลยครับ”
“ว่าแล้วเชียว”
“พอแจ้งว่าคุณหนูฟีเรนเทียมีสิทธิ์ที่จะได้เข้าเรียน ท่านแคลอฮันเองก็ดูจะตกใจมากเช่นกันครับ”
“อืม”
รูลลักลูบเคราที่ถูกตัดแต่งอย่างดีมันเป็นนิสัยที่เขามักจะทำทุกครั้งที่ครุ่นคิดอะไรบางอย่างโดยที่ตัวเองก็ไม่ทันได้สังเกต
เครย์ลีบันมองภาพดังกล่าว ก่อนจะเอ่ยพูดอย่างระมัดระวัง
“คงไม่ใช่ว่า คุณหนูฟีเรนเทียเก็บซ่อนความสามารถของตัวเองเอาไว้หรอกนะครับ”
“เก็บซ่อน…ความสามารถรึ”
“เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐานหนึ่งเท่านั้นครับ แต่ว่า…”
“ลองอธิบายมาซิ”
ข้างในนัยน์ตาสีน้ำตาลของรูลลักที่สีเข้มขึ้นเล็กน้อยตามระยะเวลา เหมือนกับสีของใบไม้แก่ มันมีอำนาจที่ทำให้คนที่สบตาต้องก้มหน้าลงโดยอัตโนมัติแฝงอยู่ด้วย
ใบหน้าของเครย์ลีบันเองก็จริงจังขึ้นตามสีหน้าของเจ้าตระกูล
“คุณหนูเป็นคนที่ฉลาดมากครับ คนเช่นนั้นย่อมเห็นอะไรที่เด็กทั่วไปไม่อาจสังเกตเห็น อย่างเช่น เรื่องฐานะของท่านแคลอฮันผู้เป็นบิดาในตระกูลลอมบาร์เดียแห่งนี้ครับ”
“ก็อาจจะเป็นไปได้”
บรรยากาศรอบตัวรูลลักพลันหนักหน่วงขึ้นอีกระดับ
เขาอาจจะเป็นคนที่นำพาให้ตระกูลลอมบาร์เดียประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่เหนือกว่าใคร แต่เรื่องการเลี้ยงดูบุตรกลับไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย
ไม่สิ ในชีวิตของรูลลัก ลอมบาร์เดียคนนี้ มันเป็นเรื่องที่ยากที่สุดเลยทีเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...