เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 9

สรุปบท ตอนที่ 9.1: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

สรุปตอน ตอนที่ 9.1 – จากเรื่อง เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet

ตอน ตอนที่ 9.1 ของนิยายแฟนตาซีเรื่องดัง เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล ตอนที่ 9.1
ตอนที่ 9.1

บทที่ 9

ระหว่างที่ฟีเรนเทียกำลังเหม่อมองนอกหน้าต่างอย่างมีความสุข เครย์ลีบันอยู่ที่ห้องทำงานของรูลลัก

นอกจากหน้าที่สอนหนังสือเหล่าทายาทแล้ว เขาผู้มีหน้าที่ดูแลการเงินของคฤหาสน์ยังมีเรื่องที่ต้องรายงานให้ท่านเจ้าตระกูลทราบอยู่หลายเรื่อง

“…เรื่องที่ต้องรายงานวันนี้ก็มีเท่านี้ครับ”

“ลำบากเจ้าแล้ว นั่งลงดื่มชาก่อนแล้วค่อยไปเถอะ”

“ถ้าอย่างนั้น รบกวนด้วยนะครับ”

พอรูลลักเขย่ากระดิ่งอันเล็ก ผู้ดูแลที่รอรับใช้อยู่ด้านนอกก็ยกชาเข้ามาข้างในทันที

ใบชาชั้นยอดส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระตุ้นประสาทสัมผัสกลิ่น สมกับที่เป็นห้องทำงานของเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียจริงๆ

“ถ้าอย่างนั้น เจ้าคิดเห็นเช่นไรบ้าง”

มันเป็นคำพูดตัดทอนส่วนหน้าและส่วนหลังออกไป แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทั้งรูลลักและเครย์ลีบันทราบถึงความหมายที่ต้องการจะสื่อ

“…สามารถเข้าใจได้ว่าเพราะเหตุใดท่านเจ้าตระกูลถึงได้กล่าวเช่นนั้นครับ”

“ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ ก็ยังเข้มงวดเหมือนเคยเลยนะ เจ้าน่ะ”

แต่รูลลักทราบดีว่า ความดุดันที่มีต่อคนอื่นนั้น เครย์ลีบันคนนี้เข้มงวดต่อตัวเองมากยิ่งกว่าใคร จึงหัวเราะเสียงดังหึหึ

“จนถึงเมื่อไม่นานมานี้ยังเข้าใจว่าเป็นเพียงแค่เด็กอายุเจ็ดขวบธรรมดาอยู่เลย ช่างเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริงๆ”

“ตั้งใจว่าจะลองสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนั้นเพิ่มเติมอยู่เหมือนกันครับ”

เครย์ลีบันวางแก้วชาลงในขณะที่เอ่ยพูด

“ข้าได้ลองเรียกตัวเหล่าข้ารับใช้ที่คอยรับใช้คุณหนูฟีเรนเทียกับท่านแคลอฮันมาสอบถามดูแล้ว แต่ไม่มีใครทราบถึงความฉลาดเฉลียวของคุณหนูเลยครับ”

“ว่าแล้วเชียว”

“พอแจ้งว่าคุณหนูฟีเรนเทียมีสิทธิ์ที่จะได้เข้าเรียน ท่านแคลอฮันเองก็ดูจะตกใจมากเช่นกันครับ”

“อืม”

รูลลักลูบเคราที่ถูกตัดแต่งอย่างดีมันเป็นนิสัยที่เขามักจะทำทุกครั้งที่ครุ่นคิดอะไรบางอย่างโดยที่ตัวเองก็ไม่ทันได้สังเกต

เครย์ลีบันมองภาพดังกล่าว ก่อนจะเอ่ยพูดอย่างระมัดระวัง

“คงไม่ใช่ว่า คุณหนูฟีเรนเทียเก็บซ่อนความสามารถของตัวเองเอาไว้หรอกนะครับ”

“เก็บซ่อน…ความสามารถรึ”

“เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐานหนึ่งเท่านั้นครับ แต่ว่า…”

“ลองอธิบายมาซิ”

ข้างในนัยน์ตาสีน้ำตาลของรูลลักที่สีเข้มขึ้นเล็กน้อยตามระยะเวลา เหมือนกับสีของใบไม้แก่ มันมีอำนาจที่ทำให้คนที่สบตาต้องก้มหน้าลงโดยอัตโนมัติแฝงอยู่ด้วย

ใบหน้าของเครย์ลีบันเองก็จริงจังขึ้นตามสีหน้าของเจ้าตระกูล

“คุณหนูเป็นคนที่ฉลาดมากครับ คนเช่นนั้นย่อมเห็นอะไรที่เด็กทั่วไปไม่อาจสังเกตเห็น อย่างเช่น เรื่องฐานะของท่านแคลอฮันผู้เป็นบิดาในตระกูลลอมบาร์เดียแห่งนี้ครับ”

“ก็อาจจะเป็นไปได้”

บรรยากาศรอบตัวรูลลักพลันหนักหน่วงขึ้นอีกระดับ

เขาอาจจะเป็นคนที่นำพาให้ตระกูลลอมบาร์เดียประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่เหนือกว่าใคร แต่เรื่องการเลี้ยงดูบุตรกลับไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย

ไม่สิ ในชีวิตของรูลลัก ลอมบาร์เดียคนนี้ มันเป็นเรื่องที่ยากที่สุดเลยทีเดียว

คนที่เดินเข้ามาพร้อมกับคำอนุญาตของรูลลักที่สั่งให้เข้ามาได้คือเบเจอร์

“ท่านพ่อ คนของกลุ่มการค้าดิวรักมาครับ”

“ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวก่อนนะครับ”

ทันทีที่เบเจอร์ย่างกรายเข้ามาในห้องทำงาน เครย์ลีบันก็คำนับลารูลลักพลางเอ่ย

เบเจอร์ที่เพิ่งจะรับรู้ถึงการมีตัวตนของเครย์ลีบันขมวดคิ้วแน่น เผยให้เห็นถึงความไม่พอใจออกมาอย่างเปิดเผย

“เจ้าอยู่ด้วยนี่เอง”

“ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะครับ ท่านเบเจอร์”

เครย์ลีบันเคยพูดจาตรงไปตรงมาต่อหน้าเบเจอร์ว่า เบเจอร์นั้นไม่มีวันเหมาะที่จะเป็นเจ้าตระกูลได้อย่างเด็ดขาดดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะดีต่อกัน

“ท่านพ่อต้องพบคนสำคัญ เจ้ารีบหลบไปเสีย”

“ไม่เป็นไร นั่งต่ออีกสักพักแล้วค่อยไปเถอะ เครย์ลีบัน”

“ท่านพ่อ! ”

เบเจอร์แสดงท่าทางฮึดฮัดไม่พอใจ แต่รูลลักไม่แม้แต่จะสะทกสะท้าน

เครย์ลีบันไม่อาจขัดคำสั่งเจ้าตระกูลได้ เขาจึงยักไหล่ไม่สนใจอีกฝ่าย ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง

“เรียกคนของกลุ่มการค้าดิวรักเข้ามา”

“…ครับ”

ถึงแม้จะไม่ชอบใจสถานการณ์นัก แต่เบเจอร์ก็ยอมขยับกายอย่างว่าง่าย และลอบถลึงตาจ้องเครย์ลีบันเขม็งก็ตาม

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]