เผด็จรัก หัวใจซาตาน นิยาย บท 12

กู้ชิงเกอกลับไปที่ห้องพร้อมสมุดรายชื่อ เธอเปิดออกดูพบว่ามีรายชื่อแขกเรียงอยู่เป็นแถว พวกเขาล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายทางฝั่งตระกูลฟู่

ส่วนด้านล่างเป็นชื่อพ่อของเธอและน้าชิว

เป็นเรื่องปกติที่พ่อและแม่จะต้องมาร่วมงานแต่งงาน กู้ชิงเกอนึกถึงใครอื่นไม่ออก

ช่างเถอะ ยังไงเธอก็ตั้งใจจะหย่าอยู่ดี งานแต่งจะถูกจัดขึ้นหรือไม่ก็ไม่ได้มีอะไรต่างไปจากเดิมสำหรับเธอ

จากนั้นกู้ชิงเกอจึงปิดสมุดรายชื่อเบาๆ

ในช่วงเย็น เธอยื่นสมุดรายชื่อคืนให้กับน้าซู อีกฝ่ายมองดูและพบว่าเธอเขียนชื่อเธอไม่ถึงครึ่ง จึงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ “คุณนายน้อยคะ นี่มัน...”

กู้ชิงเกอยิ้มจาง ๆ “แค่พ่อแม่ของฉันเต็มใจมาก็พอแล้วค่ะ เพื่อนคนอื่นๆ ของฉันอยู่ที่เมืองจิ่ง ไกลจากที่นี่มาก ฉันมีรบกวนพวกเขาดีกว่า”

เมื่อได้ยินดังนั้น น้าซูที่อยากจะพูดอะไรบางอย่างในตอนแรกก็พยักหน้ารับเมื่อนึกถึงคำพูดของคุณหญิงฟู่ “ในเมื่อคุณนายน้อยตัดสินไปแล้ว ดิฉันที่เป็นแค่คนนอกคงจะไม่โน้มน้าวต่อแล้วนะคะ”

“ขอบคุณค่ะ น้าซู”

ในตอนแย็น มีเพียงกู้ชิงเกอและคุณหญิงฟู่ที่รับประทานอาหารกันบนโต๊ะยาว

แต่ดูเหมือนว่าคุณหญิงฟู่จะคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่ถูกทิ้งร้างเช่นนี้ เธอนั่งทานอาหารอย่างสง่างาม กู้ชิงเกอเหลือบมองเธอเล็กน้อย

ท่าทางการกินและการเคี้ยวนั้นช่างสง่างามอย่างยิ่ง ราวกับว่าเธอเกิดมาเพื่อเป็นภรรยาของครอบครัวคนรวยโดยธรรมชาติ

“เวลาทานอาหารก็ทานสิ จะมามัวจ้องหน้ากันทำไม?”

ดวงตาของคุณหญิงฟู่กวาดมองไปที่เธอ กู้ชิงเกอตกใจ รีบถอนสายตาออกทันทีและลดสายตาลงด้วยความลำบากใจ

คุณหญิงฟู่หยิบทิชชู่ออกมาเช็ดมุมริมฝีปากเบา ๆ แล้วพูดว่า “มารยาทอย่างเธอในตอนนี้จะผ่านงานแต่งไปได้ยังไง?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ กู้ชิงเกอก็กัดริมฝีปากล่างเบา ๆ และพูดอย่างพิจารณา

“คุณแม่คะ หนูคิดว่าหนูกับซือหานงานยุ่งมาก งานแต่งครั้งนี้...ไม่ต้องจัดดีกว่าไหมคะ?”

วันนี้ตอนไปโรงพยาบาล ดูท่าทางคุณย่าฟู่แล้ว เธอน่าจะหายเร็วๆ นี้ใช่ไหม?

กู้ชิงเกอรู้สึกว่าอีกไม่นานเธอจะถูกไล่ออกจากคฤหาสน์ตระกูลฟู่

“ทำไมล่ะ? นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของลูกผู้หญิง เลยนะ เธอไม่ต้องการแม้แต่งานเลี้ยงตอนแต่งงานงั้นเหรอ?” คุณหญิงฟู่รู้สึกประหลาดใจ แต่ยังคงถามด้วยท่าทางสงบ

กู้ชิงเกอเม้มริมฝีปากแต่ไม่ตอบ

“เอาล่ะ นี่เป็นผลเอกฉันท์ของพ่อเธอกับย่าของเขา เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ เข้าใจไหม?”

เมื่อได้ยินดังนั้น กู้ชิงเกอก็เข้าใจในทันทีว่าตั้งแต่เธอยอมรับตั๋วเครื่องบินใบนั้น เธอได้สูญเสียอิสรภาพ และชะตากรรมของเธออยู่ในมือผู้อื่นไปเสียแล้ว

เธอทำได้เพียงยอมรับมันเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าเธอไม่ตอบ คุณหญิงฟู่ก็วางผ้าเช็ดปากไว้ข้างๆ จากนั้นมองไปที่น้าซูแล้วพูดว่า “พาเธอไปเปิดหูเปิดตาที่งานเลี้ยงคืนนี้สักหน่อย ตระกูลฟู่จะได้ไม่ต้องอับอายในงานแต่งที่จะจัดขึ้น”

หลังจากพูดจบคุณหญิงฟู่ก็ลุกขึ้นอย่างสง่างามและเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน

กู้ชิงเกอมองตามไป ก่อนที่น้าซูจะเดินเข้ามา “คุณนายน้อย ตามดิฉันมาหลังจากทานอาหารเสร็จนะคะ”

หลังอาหารเย็น กู้ชิงเกอเปลี่ยนเป็นชุดราตรีที่น้าซูเตรียมไว้ให้

เดรสเกาะอกสีขาวมุกและรองเท้าส้นสูงคริสตัลราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย

ทำให้กู้ชิงเกอลังเลที่จะใส่มันในตอนแรก

ต่อมาเธอเปลี่ยนไปตามคำยุยงของน้าซู

เธอยืนอยู่หน้ากระจกและมองดูผู้หญิงที่เหมือนเจ้าหญิงในกระจกด้วยความรู้สึกสงสัยเล็กน้อย

“ใช่ค่ะ คุณต้องทำความคุ้นเคยกับงานแบบนี้เข้าไว้ ฉันเดาว่าคุณควรเข้าร่วมงานเลี้ยงแบบนี้ทุกวันก่อนแต่งงาน”

จิตใจของกู้ชิงเกอว่างเปล่า ต้องเข้าร่วมทุกวันงั้นเหรอ?

ไม่จริงใช่ไหม?

“คุณนายน้อย ฉันจะเข้าไปเป็นเพื่อนคุณ แล้วฉันจะยืนรอที่ข้างนอก หลังจากงานเลี้ยงจบลง คุณค่อยกลับไปที่รถ”

กู้ชิงเกอต้องการที่จะปฏิเสธ แต่ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้เพียงพยักหน้า น้าซูยื่นบัตรเชิญให้กับสต๊าฟ หลังจากเห็นน้าซู พนักงานก็แสดงความเคารพทันที “น้าซู คุณ...”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ น้าซูก็ทำท่าทางให้เขาเงียบ จากนั้นพูดอย่างเฉยเมย “วันนี้ไม่ใช่ตระกูลฟู่ที่มางานเลี้ยง แต่เป็นแขกธรรมดาที่มีบัตรเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยง เข้าใจไหม?”

สต๊าฟมองไปที่ กู้ชิงเกอ ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เธอและเข้าใจทันที

“เข้าใจแล้วครับ”

น้าซูแสดงสีหน้าพึงพอใจจากนั้นเธอก็เดินไปที่ด้านข้างกู้ชิงเกอและกระซิบว่า “เข้าไปเลยค่ะ คุณนายน้อย ไม่ต้องประหม่า คืนนี้คุณสวยมาก”

สต๊าฟคนนั้นมองอย่างสับสน ดูเหมือนว่าเขาได้ยินคำว่าคุณนายน้อย ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนไป น้าซูมาจากตระกูลฟู่ และเธอมักจะเข้าร่วมงานเลี้ยงต่าง ๆ กับคุณหญิงฟู่ ดังนั้นทุกคนจึงรู้จักกัน

ตอนนี้เธอเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าคุณนายน้อย ก็แปลว่าเป็นตัวแทนไม่ใช่เหรอ?

พระเจ้า! ขาของสต๊าฟอ่อนระทวย แต่พวกเขาล้วนเคยชินกับเรื่องแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่เก็บความกังวลไว้ในใจ

กู้ชิงเกอเดินเข้าไปในงานเลี้ยง และมักจะคอยหันกลับไปมองทุกๆ สามก้าว จนกระทั่งน้าซูหายลับไปจากสายตา เธอจึงเดินเข้าไปในงานเลี้ยงด้วยตัวเอง

เธอทำได้เพียงพันผ้าคลุมไหล่ให้แน่น โดยหวังว่าคนอื่นจะไม่จับจ้องมาที่เธอ

แต่ไม่รู้ว่าทำไม ในค่ำคืนนี้มีคนจำนวนมากพากันจ้องมองเธอ จนเธอแทบทนกับความอึดอัดไม่ไหว

และไม่รู้ว่างานเลี้ยงนี้จะกินเวลานานแค่ไหน คงไม่ใช่หลายชั่วโมงหรอกนะ?ถ้าอย่างนั้นเธอต้องอยู่ที่นี่หลายชั่วโมงก่อนออกไปได้งั้นเหรอ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เผด็จรัก หัวใจซาตาน