แต่ว่า แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกับเขา?
ฟู่ซือหานเมินเฉยใส่เธอก่อนจะเดินตรงออกไปทันที
กู้ชิงเกอล้างหน้าล้างตาเสร็จออกมา ฟู่ซือหานก็ไม่อยู่ในห้องนอนแล้ว เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ลงไปชั้นล่าง
ตอนที่เห็นคุณหญิงฟู่จากไกลๆ หัวใจของกู้ชิงเกอก็เต้นตึกตัก เธอยังไม่ได้ซักชุดเดรสสีขาวมุกตัวเมื่อคืนเลย
กู้ชิงเกอเดินไปที่โต๊ะอาหารด้วยจิตใจที่กระวนกระวาย ยืนก้มหัวอยู่ตรงนั้นด้วยความลนลานอยู่ไม่สุข ท่าทางเหมือนกับเด็กน้อยที่ทำผิด
“เป็นอะไรไป?”พอคุณหญิงฟู่เห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน ก็กวาดสายตามองไปหาฟู่ซือหาน ตอนที่กลับมาเมื่อคืนคงจะไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม?
น้าซูกลับเดินเข้ามา พูดถามเธอขึ้นมาอย่างสนิทสนม“คุณนายน้อย แผลที่เข่าของท่านไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?”
พอได้ยินแบบนี้ คุณหญิงฟู่ก็หันสายตาไปมองฟู่ซือหาน
ฟู่ซือหานรู้สึกถึงสายตาของเธอ จิ้มแซนด์วิชหนึ่งชิ้นใส่เข้าไปในปาก ท่าทางเหมือนกับไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน
คุณหญิงฟู่ทำได้แค่หันสายตากลับมองไปที่กู้ชิงเกอใหม่อีกครั้ง
“หนู หนูไม่เป็นไรค่ะ”พอเจอกับความเป็นห่วงของน้าซู กู้ชิงเกอก็แค่รีบแสดงออกมาว่าตัวเองไม่เป็นไรแล้ว
ไม่เป็นไรแล้ว?
ฟู่ซือหานที่ได้ยินคำพูดของเธอก็หลุดขำออกมา หัวเข่าสภาพเป็นแบบนั้นแล้ว ไม่คิดว่าเธอยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีก โกหกหน้าด้านๆจริงๆ
คุณหญิงฟู่ก็กวาดสายตามองไปอีกครั้ง ฟู่ซือหานกินอาหารเช้าต่อไปอย่างไม่แยแสสนใจใครทั้งนั้น
คุณหญิงฟู่กินอาหารเช้าเข้าไปหนึ่งคำอย่างช้าๆไม่รับไม่เร่ง หันสายตามองไปที่กู้ชิงเกอ ก่อนจะพูดถามขึ้นมาอย่างช้าๆ“ขาเป็นอะไร?”
“ไม่ ไม่เป็นไรค่ะ”กู้ชิงเกอส่ายหัว
น้าซูที่อยู่ข้างๆกลับหันไปเปิดปากพูดอธิบายกับคุณหญิงฟู่“คุณหญิง เมื่อคืนที่คุณนายน้อยกลับมา ไม่ทันได้ระวังเผลอหกล้มเข้า น่าจะเอาหัวเข่ากระแทกพื้นค่ะ”
พอได้ยินแบบนี้ คุณหญิงฟู่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร กวาดสายตามองเธอ ด้วยท่าทางช้าๆไม่รีบไม่เร่งเหมือนเดิม“นั่งลงทานอาหารเช้าเถอะ”
กู้ชิงเกอยืนกัดริมฝีปากอยู่ที่เดิม มือกำเสื้อผ้าของตัวเองอย่างกระวนกระวายใจ พูดขึ้นด้วยสีหน้าซีดขาว
“แม่ หนู……”
“มีอะไรเหรอ? ดูท่าทางแล้ว ทำอะไรผิดมาหรือไง?”
พอได้ยินแบบนี้ สีหน้าของกู้ชิงเกอก็ซีดขาวมากกว่าเดิม เธอแอบชำเลืองตามองไปที่ฟู่ซือหานอย่างเงียบๆ กัดริมฝีปากท่าทางเปิดปากพูดออกมาอย่างยากลำบาก
“คนของตระกูลฟู่ มีเรื่องอะไรก็พูดออกมาตรงๆมาแต่ไหนแต่ไร ถ้าพูดไม่ออก ก็นั่งลงกินข้าวซะ ไม่ต้องพูดแล้ว”
กู้ชิงเกอนึกว่าคุณหญิงฟู่โกรธแล้ว จึงทำได้แค่เงยหน้าขึ้น ฝืนพูดออกไปโดยที่ไม่สนใจแล้วว่าจะฟู่ซือหานอยู่ที่นี่ด้วยหรือไม่
“ขอโทษค่ะแม่ หนูทำชุดเดรสที่ท่านให้กับหนูตัวนั้นสกปรกแล้วค่ะ หนู……”
เธอได้ยินคนในงานเลี้ยงนั้นซุบซิบพูดคุยกันว่า ชุดเดรสตัวนั้นดูเหมือนว่าจะราคาหลายล้าน ตอนนั้นเธอรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่หลังจากที่ผ่านเรื่องพวกนั้นมาแล้ว เธอถึงรู้สึกได้ว่าถ้าตระกูลฟู่จะให้เธอออกหน้าให้ล่ะก็ จะต้องให้เธอสวมใส่เสื้อผ้าดีๆออกงานแน่นอน
ดังนั้นการที่ชุดเดรสชุดนี้จะราคาหลายล้าน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้
แต่เธอกลับทำชุดเดรสที่ราคาหลายล้านสกปรกไปแล้ว ตอนนี้ภายในใจของเธอรู้สึกประหม่าอย่างมาก
สาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้……รู้สึกประหม่าอยู่ตลอดเวลานั้น ก็เป็นเพราะว่าชุดเดรสตัวนั้นงั้นเหรอ?
ฟู่ซือหานไม่ได้รู้สึกประทับใจชุดเดรสที่เธอสวมใส่เมื่อคืนเท่าไร แค่รู้ว่าชุดเดรสตัวนั้นมันดูเหมือนว่าจะเหมาะสมกับเธอเท่านั้น
“ใครบอกว่าฉันเป็นคนจัดเตรียมชุดเดรสเมื่อคืนนั้นให้กับเธอ”คุณหญิงฟู่พูดถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย กวาดสายตามองเธออย่างเยือกเย็น
พอถูกสายตาของเธอมองขนาดนี้ กู้ชิงเกอก็รู้สึกเย็นหลังวาบขึ้นมาทันที เธอเงยหน้าขึ้นมามอง คุณหญิงฟู่ ก่อนจะพูดถามขึ้นมาด้วยความไม่เข้าใจ“แม่ไม่ได้เป็นคนจัดเตรียมให้กับหนูเหรอคะ?”
คุณหญิงฟู่ยื่นมือออกมาเล่นผมของตัวเองอย่างไม่สะทกสะท้าน ยิ้มอย่างนิ่งเฉย“ฉันยุ่งมาก จะเอาเวลาที่ไหนมาสนใจกับเรื่องเล็กน้อยพวกนี้”
แม้ว่าภายในใจของกู้ชิงเกอจะรู้สึกไม่สบายเกินกว่าจะรับไหว แต่ก็ไม่ได้ปัดเลี่ยงอะไรอีก นั่งลงกินข้าว
คุณหญิงฟู่กวาดสายตามองไปที่หน้าของฟู่ซือหาน หลังจากผ่านไปสักพักก็หันมองไปที่หน้าของกู้ชิงเกอ จากนั้นก็เปิดปากพูดขึ้นอย่างเอ้อระเหย“ดูท่าเมื่อวานจะไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงอย่างราบรื่นแน่ๆ”
พอได้ฟังแบบนี้ การกระทำทั้งหมดของกู้ชิงเกอก็หยุดชะงักลงทันที เงยขึ้นมองคุณหญิงฟู่ด้วยความตกใจ จากนั้นก็กัดริมฝีปากของตัวเอง
ขี้ขลาด!
ฟู่ซือหานพูดขึ้นอยู่ภายในใจ
สาวน้อยคนนี้จำเป็นต้องกลัวคนของตระกูลฟู่ขนาดนี้เลยเหรอ?
เดิมทีนึกว่าเธอแค่กลัวตัวเองเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะกลัวแม้กระทั่งแม่ของเขาด้วยเหมือนกัน
ก็ใช่แม่ของเขาใบหน้าไม่ยิ้มแย้มตลอดทั้งวัน ตอนที่พูดก็นิ่งเฉยเย็นชา ไม่สะทกไม่สะท้าน มาดเคร่งน่าเกรงขาม แล้วก็ไม่ค่อยสนิทใกล้ชิดกับคนอื่นเหมือนกัน
“แม่ หนู……”
คุณหญิงฟู่กลับยกมือขึ้นมายับยั้งคำพูดของเธอเอาไว้“จริงๆแล้ว ฉันก็เดาได้แล้วว่ามันจะไม่ราบรื่น ถึงยังไงงานเลี้ยงแบบนั้นก็ไม่ใช่งานที่สาวน้อยแบบเธอจะเอาอยู่อยู่แล้ว เอาแบบนี้สิ คืนนี้ก็เริ่มต้นจากการที่ไปเข้าร่วมทำความคุ้นเคยจากงานเลี้ยงเล็กๆก่อนก็แล้วกัน”
พอได้ยินแบบนั้น ใบหน้าเล็กๆของกู้ชิงเกอก็เผยให้เห็นถึงใบหน้าที่เศร้าหมอง
ถ้าเป็นไปได้ล่ะก็ เธอจะต้องปฏิเสธอย่างแน่นอน
เธอไม่อยากจะไปงานเลี้ยงแบบนั้นเลย พวกบุคคลในสังคมชั้นสูงเหล่านั้นในสายตาของเธอนั้น ล้วนแต่ดูถูกดูแคลนคนธรรมดาทั่วไปแบบเธอทั้งนั้น
เธอไปแล้ว ก็มีแต่ถูกพวกเธอมองว่าเป็นคนที่หลงใหลในชื่อเสียงเกียรติยศเห็นแก่เงินทอง มีเป้าหมายจุดประสงค์แอบแฝงเท่านั้น ภายในงานจะต้องไม่มีใครเต็มใจที่จะเป็นเพื่อนกับเธออย่างแน่นอน
ต่อให้เป็นเพื่อนกันแล้ว พวกเธอก็จะนึกว่าตัวเองอยากที่จะเข้าไปตีสนิทเท่านั้น
“เธอจำเอาไว้ ว่าต่อไปเธอเป็นคนของตระกูลฟู่ ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ก็ล้วนแต่เป็นคนที่อยู่เหนือกว่าใครทั้งนั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เผด็จรัก หัวใจซาตาน