ส่วนใหญ่ก็เห็นเธอแล้วก็รู้สึกรำคาญ คุณหญิงฟู่พูดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
พูดจบ เธอก็วางมีดส้อมลง จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดปากออกมาเช็ดริมฝีปาก
พอน้าซูเห็นแบบนี้ก็รีบตรงเข้าไปพูดขึ้น“คุณหญิง วันนี้คุณหญิงของตระกูลหยูนัดท่านไปสถานเสริมความงามค่ะ”
พอได้ยินแบบนี้ คุณหญิงฟู่หยุดชะงัก เหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ ผ่านไปสักพักถึงพูดขึ้นมา“ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปเตรียมตัวสักหน่อยแล้วกัน”
พวกเธอจึงเดินขึ้นไปชั้นบน
ที่โต๊ะอาหารเหลือแค่กู้ชิงเกอกับฟู่ซือหานสองคน
ฟู่ซือหานกินอาหารเช้าของเขาอย่างไม่แยแสสนใจใคร แต่กู้ชิงเกอกลับไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่นิดเดียว นั่งถือส้อมจิ้มอาหารในจานด้วยสีหน้าซีดขาว ไม่ได้เอาเข้าไปในปากตั้งต้นจนจบ
ฟู่ซือหานสังเกตเห็นแล้ว หัวเราะเยาะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ไม่แปลกที่ตัวเล็กผอมขนาดนี้ เขาหรี่ตาลง จู่ๆก็รู้สึกอยากรู้อายุของเธอขึ้นมา
สาวน้อยคนนี้คงจะยังไม่บรรลุนิติภาวะใช่ไหม?
พอคิดแบบนี้ ฟู่ซือหานก็ขมวดคิ้ว เขาแต่งงานกับสาวน้อยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเหรอ?
พอคิดถึงตรงนี้ ฟู่ซือหานก็มองสำรวจใบหน้าของเธอ สายตาเลื่อนลงมองไปยังจุดที่มันนูนเด้งออกมา
เขาจำความรู้สึกสัมผัสที่มือในตอนนั้นได้ แม้ว่าสาวน้อยคนนี้จะดูแล้วตัวเล็กผอม แต่กลับมีของอยู่เหมือนกัน น่าจะบรรลุนิติภาวะแล้ว
กู้ชิงเกอถูกสายตาของเขามองจนรู้สึกอึดอัด ดังนั้นจึงเงยขึ้นมามองสบตากับฟู่ซือหาน แต่ปรากฏว่าเห็นเขายังคงมองตัวเองอยู่ ทำได้แค่สบตากับเขาไปตรงๆ
ฟู่ซือหานมองสำรวจเสร็จถึงได้พบว่าสายตาของสาวน้อยคนนั้นไม่รู้ว่าหันมามองที่ตัวเองตั้งแต่เมื่อไร แต่บังเอิญสบกับตาของเขาเข้าพอดี เขาพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน“มองพอแล้วยัง?”
พอได้ฟังแบบนั้น กู้ชิงเกอถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา ก้มหน้าลงด้วยความคับข้องใจ
ทำไมถึงว่าเธออีกแล้ว?
เห็นๆอยู่ว่าเขาเป็นฝ่ายมองเธอก่อน เธอจะมองกลับไปบ้างมันไม่ได้หรือไง?
“บ่นพึมพำอะไร? แอบด่าฉัน?”เสียงที่เยือกเย็นของฟู่ซือหานดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำเอากู้ชิงเกอสะดุ้งตกใจ เงยหน้าขึ้นมาทันที ก่อนจะส่ายหัว“เปล่านะ ฉันไม่ได้ด่าคุณ”
“เหอะ คาดว่าเธอก็ไม่กล้าเหมือนกัน”
ที่มองไปเมื่อตะกี้นี้ ภายในใจของฟู่ซือหานก็เริ่มสั่นสะเทือนขึ้นมานิดหน่อย ไม่มีกะจิตกะใจจะกินอีกแล้ว วางมีดส้อมลงก่อนจะลุกขึ้นเดินจากไปทันที
เหลือเพียงแค่กู้ชิงเกอนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารตามลำพัง แล้วก็สาวรับใช้ที่อยู่ข้างๆสองสามคน
กู้ชิงเกอรู้สึกคับอกคับใจ
รู้สึกว่าวันนี้ฟู่ซือหานแปลกประหลาดอยู่นิดหน่อย
แถมตระกูลฟู่ก็ใหญ่ขนาดนี้ ตอนเช้าก็กินอาหารเช้ากันไม่กี่คน บางครั้งก็แทบจะไม่เห็นตัวฟู่ซือหานเลย ที่สำคัญที่สุด เธอมานานขนาดนี้ กินอาหารเช้ามาหลายวันขนาดนี้ ไม่คิดว่าจะไม่ได้เห็นพ่อของฟู่ซือหานเลยสักครั้งเดียว
มีแค่เคยเจอกันหนึ่งครั้งตอนที่อยู่ในห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาลในวันนั้น หลังจากนั้นตอนที่ทำเรื่องทะเบียนสมรสก็เคยเจอกันอีกหนึ่งครั้ง จนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้เห็นอีกแล้ว
แต่นับดูแล้วช่วงวันเวลาที่เธอมาตระกูลฟู่ก็ถือว่าไม่เยอะ จะเจอแค่ไม่กี่ครั้งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
กู้ชิงเกอก้มหน้ากินอาหารเช้า แต่จู่ๆก็ได้ยินเสียงกระซิบของพวกสาวรับใช้ที่อยู่ข้างหลัง
“ดูสิ คุณชายทิ้งเธอเอาไว้ส่วนตัวเองเดินไปแล้ว”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว คุณชายของพวกเราไม่ได้ชอบเธอเลย จะให้มานั่งทานอาหารเช้ากับเธอได้ยังไง? ผู้หญิงแบบนี้ คุณชายขอพวกเราไม่เห็นอยู่ในสายตาอยู่แล้ว”
“ก็ใช่ ถึงยังไงคนที่มาจากเมืองเล็กๆ จะคู่ควรกับคุณชายของพวกเราได้ยังไง เธอดูสิคุณชายแม้แต่จะมองเธอตรงๆยังไม่มองเลย ฉันดูๆแล้ว อีกไม่นานผู้หญิงคนนี้ก็จะถูกไล่ออกจากตระกูลฟู่แน่ๆ”
“ชู่ว์ จะถูกไล่ออกจากตระกูลฟู่หรือเปล่ามันก็ไม่แน่หรอกนะ ได้ยินมาว่าเธอเป็นถึงคนที่คุณย่าฟู่เอ่ยปากเลือกออกมาด้วยตัวเองเลยนะ”
“ชิ แล้วมันสุดยอดตรงไหนกัน คุณย่าฟู่อายุมากแล้ว จะอยู่ปกป้องเธอได้อีกนานสักแค่ไหนกันเชียว?”
“ก็ใช่”
เหล่าพวกคนรับใช้พูดคุยซุบซิบกัน นึกว่ากู้ชิงเกอฟังไม่ได้ยิน
มือที่จับมีดส้อมของกู้ชิงเกอกลับกำแน่นแล้วแน่นอีก สีหน้าซีดเผือด พวกเธอนึกว่าตัวเองไม่ได้ยิน แต่ว่าคำพูดพวกนั้นกลับได้ยินเข้ามาในหูของเธอทุกคำทุกประโยค
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ ที่เธอมาที่ตระกูลฟู่ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเลย คนพวกนั้นไม่ใช่แค่ดูถูกเธอ แม้แต่คนรับใช้พวกนี้ ก็ยังดูถูกเธอเหมือนกัน
แม่
นี่คือสิ่งที่แม่คาดหวังอย่างนั้นเหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เผด็จรัก หัวใจซาตาน