น้าซูสีหน้าท่าทางลึกซึงเข้าใจยาก ก่อนจะพยักหน้า“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวดิฉันจะไปดูสักหน่อยแล้วกันค่ะ”
ฟู่ซือหานไม่ได้ตอบรับ สีหน้าและสายตาเย็นชา เหมือนกับคนอื่นติดค้างหนี้ของเขาอย่างไรอย่างนั้น
น้าซูคุ้นชินกับท่าทางแบบนี้ของเขาแล้ว จึงรู้สึกว่าไม่ได้อะไร หลังจากที่พูดกับเขาคำสองคำก็เดินจากไป
ฟู่ซือหานยืนอยู่ที่เดิม ดูเหมือนมีคำพูดอะไรที่อยากจะพูดแต่ก็เก็บเอาไว้ ผ่านไปสักพักเขาก็หัวเราะเยาะตัวเอง
ไม่ว่าเธอจะบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ เธอยิ่งบาดเจ็บสาหัสก็ยิ่งดี แบบนี้ถึงจะได้ให้เธอรู้สึกยากลำบากแล้วยอมถอยไปซะ
ตระกูลฟู่ไม่ใช่สถานที่ที่ผู้หญิงแบบเธอควรจะอยู่
ถ้ารู้ว่ามันยากลำบาก ก็จะได้รีบไสหัวออกไปซะ
ฟู่ซือหานคิดแบบนี้ ภายในใจก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาไม่น้อย
*
กู้ชิงเกอเกือบจะนอนหลับไปแล้ว จู่ๆก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตูจากข้างนอก เธอตกใจตื่นขึ้นมา ขณะที่กำลังลุกขึ้นไปเปิดประตูนั้น กลับรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองเปียก
เมื่อตะกี้เธอร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่แล้วงั้นเหรอ
กู้ชิงเกอยื่นมือออกมาเช็ดความเปียกชื้นที่หน้า จากนั้นก็ไปเปิดประตู
น้าซูยืนอยู่ข้างนอกประตู ตอนที่เปิดประตู ก็เห็นตาของเธอแดงเล็กน้อย
น้าซูก็ไม่กล้าถามไปตรงๆ แค่มองเธออย่างยิ้มนิ่งๆเท่านั้น
“คุณนายน้อย คุณหญิงให้ดิฉันมาถามท่านว่า แผลที่หัวเข่าเป็นยังไงบ้างแล้วเหรอคะ? สาหัสไหม? จะให้เชิญหมอมาที่บ้านไหม?”
เชิญหมอมาที่บ้าน?
กู้ชิงเกอตื่นตกใจ“ไม่ต้องแล้วค่ะน้าซู แผลไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย เดี๋ยวหนูไปทำแผลที่โรงพยาบาลเองก็ได้แล้วค่ะ”
“คุณนายน้อย เชิญหมอมา แค่โทรศัพท์ไปเองค่ะ ท่าน……”
“หมอเขาอาจจะยุ่งมากๆ ไม่คุ้มค่าที่จะให้มาเสียเวลากับเรื่องเล็กๆแบบนี้หรอกค่ะ น้าซู เดี๋ยวหนูไปโรงพยาบาลเองดีกว่าค่ะ”
น้าซูพยักหน้า“ถ้าอย่างนั้นดิฉันไปด้วยกันกับคุณนายน้อยก็แล้วกันค่ะ”
เธอเป็นคนที่นิสัยอ่อนโยน ที่ตัวก็ได้รับบาดเจ็บ ถ้าเกิดออกไปคนเดียวตามลำพัง แล้วถูกคนกลั่นแกล้งรังแกขึ้นมาจะทำยังไง?
น้าซูยังชอบสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าคนนี้มาก ผอมซูบตัวเล็ก ดูแล้วเหมือนกับลมแทบจะพัดปลิว สีหน้าก็ดูเหมือนจะไม่แข็งแรง แม้ว่าจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสวยของเธอก็ตาม
แต่เธอก็แต่งเข้ามาในตระกูลฟู่ตัวคนเดียว พอเห็นวันเวลาที่เธอใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลฟู่อย่างระมัดระวังแล้ว น้าซูก็รู้สึกเป็นห่วงเอ็นดูเธอ
“น้าซู ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ แค่แผลเล็กๆเท่านั้น ถ้าให้คนอื่นรู้ว่าทำตัวดัดจริตขนาดนี้ล่ะก็……”
“เอาเถอะค่ะ ในเมื่อคุณนายน้อยยืนหยัดขนาดนั้น ดิฉันก็ไม่พูดอะไรมากแล้วกัน เดี๋ยวดิฉันจะให้คนขับรถไปส่งคุณนายน้อยก็แล้วกันค่ะ”
น้าซูยอมถอยจำนนเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ กู้ชิงเกอก็ปฏิเสธไม่ลงแล้ว ทำได้แค่พยักหน้าตอบรับ
จากนั้นคนขับรถก็พากู้ชิงเกอออกไป เตรียมไปโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่ากู้ชิงเกอกลับพูดขึ้นว่า ไปร้านขายยาก็ได้แล้ว
ที่หัวเข่า แค่หนังถลอกเท่านั้น ไปซื้อยาครีมทารักษาหนังถลอกก็น่าจะได้แล้ว ไม่ได้หนักหนาสาหัสขนาดนั้น
แต่ดูเหมือนคนขับรถจะได้ยินคำสั่งกำชับของน้าซู ถ้าไม่ไปส่งเธอถึงโรงพยาบาลก็จะไม่ปล่อยเธอลงไป สุดท้ายก็พาเธอไปถึงโรงพยาบาล
กู้ชิงเกอยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าโรงพยาบาล คนทั้งคนอึ้งตะลึงไป เธอมองหัวเข่าของตัวเอง รู้สึกว่ายิ้มไม่ออกร้องไห้ก็ไม่ได้
อุตส่าห์วิ่งแจ้นมาถึงที่โรงพยาบาลเพียงแค่บาดแผลเล็กๆแค่นี้ นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เธอเกิดมา แม้ว่าจะแต่งงานเข้ามาในตระกูลฟู่ถูกเอารัดเอาเปรียบทางด้านจิตใจมามากมาย แต่น้าซูกับคนขับรถก็ปฏิบัติต่อเธอไม่เลวเลยจริงๆ
โดยเฉพาะน้าซู เป็นเหมือนกับผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่ง
พอคิดถึงตรงนี้ กู้ชิงเกอก็นึกถึงแม่ที่เสียชีวิตไปแล้วของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง ภายในใจเกิดความซาบซึ้งขึ้นมาทันที
แต่มายืนดัดจริตอยู่ตรงประตูใหญ่ของโรงพยาบาลก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร เธออดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ก่อนจะรีบก้าวเท้าเดินเข้าไปต่อคิวในโรงพยาบาลทันที
มองแถวยาวเฟื้อยที่อยู่ตรงหน้า กู้ชิงเกอก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ใครบอกว่าอยากจะมาโรงพยาบาลกัน? แค่แผลเล็กๆเท่านั้น ไปซื้อยาจากร้านขายยามาใช้เอง จากนั้นก็พักผ่อน จะต้องดีขึ้นอย่างรวดเร็วแน่นอน
จำเป็นต้องวิ่งแจ้นมาต่อแถวยาวเฟื้อยแบบนี้เหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เผด็จรัก หัวใจซาตาน