กู้ชิงเกอรู้สึกอึดอัด เธอไม่ค่อยอยากจะตอบคำถามนี้เท่าไร แต่ไม่ตอบก็ไม่ได้ ทำได้แค่ยิ้มอ่อนๆ เผยให้เห็นลักยิ้มที่แก้มทั้งสองข้าง“งานของเขาค่อนข้างยุ่ง ฉันก็เลยไม่ได้ให้เขามาเป็นเพื่อน”
“อย่างนั้นเหรอ?”
ฉินม่อก็ไม่อยากหักหน้าของเธอต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ ก็เลยยิ้มตอบกลับไป“ก็ใช่นะ งานของเขาน่าจะยุ่งมาก แล้วตอนนี้คุณกำลังต่อคิวอยู่เหรอ?”
พอได้ยินแบบนั้น กู้ชิงเกอก็พยักหน้า
ฉินม่อจึงมองแถวที่ยาวเฟื้อย จู่ๆก็พูดกับกู้ชิงเกอ“คุณมากับผม”
“หะ?”กู้ชิงเกอตอบสนองกลับมาไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ ฉินม่อกลับยื่นมือออกไปคว้าข้อมือที่เล็กขาวของเธอทันที ลากเธอออกมาจากฝูงคน
กู้ชิงเกอคิดไม่ถึงว่าเขาจะลากตัวเอง ก้าวเท้าไป จากนั้นก็รู้สึกเจ็บชาที่หัวเข่า
เหมือนจะรู้สึกเจ็บที่แผล
เธอร้องออกมาเบาๆอย่างอดกลั้นไว้ไม่อยู่
ฝีเท้าของฉินม่อหยุดชะงักลง หันมาเห็นเธอเดินขากะเผลก ถึงได้แสดงความขอโทษออกมา“ขอโทษ ผมใจร้อนเกินไป คุณยังเดินได้ไหม?”
กู้ชิงเกอไม่ได้ดัดจริตขนาดนั้น เธอส่ายหัว“ฉันไม่เป็นไร ยังไหวอยู่”
ฉินม่อก็ไม่กล้าเร่งเร้าเธอ กู้ชิงเกอเดินตามข้างหลังของเขาตรงไปข้างหน้า พูดถามไปพลาง“ไม่ทราบว่าคุณจะพาฉันไปที่ไหนเหรอ?”
พอได้ยินแบบนั้น แววตาของฉินม่อก็ยิ้มแย้มอย่างอดไม่อยู่ ทำไมถึงรู้สึกว่าสาวน้อยคนนี้ใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนกับกระดาษขาวกันนะ?
ไม่รู้ว่าไปที่ไหน แต่พอเขาบอกให้ไป เธอก็ตามมาอย่างเชื่อฟัง
ตระกูลฟู่ มีคนที่ว่านอนสอนง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?
“คุณจะไปตรวจเข่าไม่ใช่เหรอ? ผมจะพาคุณไปหาหมอ ไม่ต้องต่อคิว”
พอได้ยินแบบนั้น ฝีเท้าของกู้ชิงเกอก็หยุดชะงักลงทันที“ไม่ต้องต่อคิว?”
ฉินม่อมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน“เท้าของคุณได้รับบาดเจ็บแล้ว มาต่อแถวอยู่ที่นี่อย่างน้อยก็สองชั่วโมง คุณรอไหวไหม? ดูคุณสิบาดเจ็บมากขนาดนี้”
กู้ชิงเกอคิดไม่ถึงว่าเขาจะมองสำรวจได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนขนาดนี้ เปลือกตาตกลงด้วยความรู้สึกอึดอัดอยู่ชั่วขณะ เสียงเล็กเสียงน้อย“จริงๆแล้ว นี่มันก็ไม่ใช่แผลที่หนักหนาสาหัสอะไร ฉันไปซื้อยาจากร้านขายยามาจัดการก็ได้แล้ว แต่……”
“แต่ตระกูลฟู่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ให้คุณมาโรงพยาบาล ใช่ไหม?”
พอได้ยินแบบนี้ กู้ชิงเกอก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ มองเขาด้วยความตกตะลึง“คุณ……คุณรู้ได้ยังไง?”
“คุณไม่ใช่คนของตระกูลฟู่ ใช่ไหม?”ฉินม่อพูดถามขึ้น
กู้ชิงเกอก้มหน้าลงอีกครั้ง เธอรู้ว่านิสัยใจคอของตัวเองแทบจะไม่เข้ากันกับรากเหง้าของคนตระกูลฟู่เลยสักนิด ไม่ว่าใครก็มองออกว่าความคิดการกระทำของเธอแทบจะไม่เหมาะสมกันกับตระกูลฟู่เลย
เห้อ ไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกันจริงๆ ดึงดันจะให้เบียดเสียดอยู่ด้วยกันมันก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากมากเหมือนกัน
กู้ชิงเกอพยักหน้า“ฉันไม่ใช่คนของตระกูลฟู่จริงๆ”
ฉินม่อก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะดูถูกดูแคลนอะไรเธอเหมือนกัน สีหน้าท่าทางเดาออกแล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้ เขาจูงเธอตรงไปข้างหน้า
ทั้งสองคนกำลังเดินตรงไปที่บันได ชั้นบนก็บังเอิญมีเด็กสาวเดินลงมาสองคน
“พี่ นั่นมันคุณชายฉินไม่ใช่เหรอ?”
หลี่ซิงอ้ายจูงมือของหลี่ซือหยุนลงมาจากบันได มองเงาหลังของฉินม่อเดินไปไกลแล้วพร้อมกับพูดขึ้น
“อื้อ”สายตาของหลี่ซือหยุนมองตามฉินม่อไป จากนั้นก็จับจ้องไปยังคนที่อยู่ข้างๆเขา
เงาหลังที่คุ้นเคย……
เคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ?
“หา? พี่ ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆของคุณชายฉินคนนั้น คือผู้หญิงที่พวกเราเห็นในงานเลี้ยงเมื่อคืนคนนั้นไม่ใช่เหรอ? คนที่มีความสัมพันธ์กับตระกูลฟู่คนนั้น”หลี่ซิงอ้ายยื่นมือออกมาชี้ไปที่เงาหลังของกู้ชิงเกอพร้อมกับพูดขึ้นด้วยความตื่นตัว พอร้อนใจบุ่มบ่ามเกินไป ก็ลามมาถึงแผลที่มุมปาก เจ็บจนเธอสูดหายใจเข้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เผด็จรัก หัวใจซาตาน