แต่พอมองเธออย่างละเอียดแล้ว กู้ชิงเกอตัวเล็กอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ
ใบหน้าเท่าฝ่ามือ รูปร่างเล็กกระจิริด ไหนจะสองตาที่ใสแป๋วไม่มีพิษไม่มีภัยคู่นั้นอีก เหมือนกับเด็กนักเรียนมัธยมปลายจริงๆ
เมื่อเทียบกับเขาแล้ว เธอก็เหมือนกับน้องสาวคนหนึ่งจริงๆ
แต่ว่า……เมื่อคืนตอนที่ฉินม่อเห็นเธออยู่ด้วยกันกับฟู่ซือหาน ทำไมถึงไม่รู้สึกว่าทั้งสองคนมีช่วงอายุที่ต่างกันมากเลยล่ะ?
หรือว่าเขาแก่แล้วจริงเหรอ? ฉินม่อยื่นมือออกมาลูบคาง
“บาดเจ็บตรงไหนเหรอ? ผมขอดูหน่อยครับ”หมอพูดถามกู้ชิงเกอขึ้นมาอย่างอ่อนโยน
กู้ชิงเกอจึงทำได้แค่เดินไปข้างหน้าสองสามก้าว นั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นก็ถกกระโปรงของตัวเองขึ้นมาข้างบนนิดหน่อย เผยให้เห็นถึงหัวเข่าที่เป็นแผลสีแดงเข้ม
ฉินม่อสูดหายใจหนึ่งเฮือก เดินไปข้างหน้าด้วยความประหม่า“ทำไมถึงบาดเจ็บหนักขนาดนี้?”
จากนั้นก็นั่งยองลงตรวจดูบาดแผลของเธอ ทำเอากู้ชิงเกอตกใจจนดึงกระโปรงลงทันที จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนถอยไปข้างหลัง
“เอ่อ……”หมอเห็นภาพนี้แล้วก็รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยความประหม่า“คุณชายฉิน ท่านทำแบบนี้จะทำให้น้องสาวของท่านตกใจแย่นะครับ ท่านให้ผมตรวจดูเองดีกว่าครับ”
พอได้ยินแบบนี้ ฉินม่อก็กวาดสายตามองเขาด้วยความไม่สบอารมณ์ น้ำเสียงดุดัน“ใครบอกกับคุณว่าเธอเป็นน้องสาวของผม?”
หมออึ้งตะลึงไป สายตากวาดมองไปที่ใบหน้าของเขากับกู้ชิงเกอไปมา
ไม่ใช่น้องสาวเหรอ?
ถ้าอย่างนั้นคือ……อ้อ?? ดูสีหน้าท่าทางที่เข้าข้างปกป้องเธอของฉินม่อแล้ว หรือว่าคุณชายฉินกำลังไล่ตามจีบสาวน้อยคนนี้อยู่งั้นเหรอ? แต่ว่า……สาวน้อยคนนี้ก็เด็กเกินไปไหม? ดูทรงแล้วยังไม่รู้เลยว่าบรรลุนิติภาวะแล้วหรือยัง
เห้อ คุณชายฉินที่ขึ้นชื่อเรื่องความกะล่อนเจ้าชู้ ไปเย้าแหย่สาวสวยมากมายนับไม่ถ้วน
คิดไม่ถึงว่าแม้แต่สาวน้อยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะก็ยังไม่เว้น แต่หมอกล้าพูดขึ้นมาที่ไหนกัน คำพูดพวกนี้ทำได้แค่คิดอยู่ภายในใจเท่านั้น
“ไม่ต้องกลัว ผมเห็นคุณได้รับบาดเจ็บก็เลยใจร้อนไปหน่อยเท่านั้น คุณไม่ต้องประหม่า นั่งลงให้หมอตรวจดูให้เถอะ”
ฉินม่อพอเห็นว่ากู้ชิงเกอมองตนเองอย่างระแวดระวัง ภายในใจก็รู้สึกเจ็บปวดอยู่นิดหน่อย
พอคิดว่าในเรื่องของความรัก ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนต่างก็ยอมสยบอยู่ในมือของเขาฉินม่อคนนี้ทั้งนั้น แต่สาวน้อยตรงหน้าคนนี้กลับมีท่าทางหวาดกลัวเขา
สิ่งนี้มันทำให้เขา……เหมือนกับถูกโจมตีเข้าอย่างจัง
กู้ชิงเกอพอเห็นว่าเขาก็ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไร แถมใบหน้าก็เผยให้เห็นถึงสีหน้าที่ดูเหมือนกับเจ็บปวด ถึงตระหนักได้ว่าการกระทำเมื่อตะกี้นี้ของตัวเองมันรุนแรงเกินไปหน่อย เธอยิ้มด้วยความรู้สึกขอโทษ กัดริมฝีปากของตัวเองก่อนจะนั่งลงมา
หมอตรวจแผลให้กับเธอ ฉินม่อเห็นเธอใส่กระโปรงแล้วดูไม่สะดวก จึงถอดเสื้อสูทตัวนอกของตัวเองออกไปคลุมให้กับเธอ ให้เธอดึงไว้แน่น
เสื้อตัวนอกที่อบอุ่นปกคลุมบนขาของกู้ชิงเกอ เธอก็รู้สึกขอบคุณเสื้อตัวนอกตัวนี้มาก จึงเงยหน้าขึ้นไปพูดขอบคุณกับฉินม่อ
มุมปากยิ้มแย้มบางๆ แก้มทั้งสองข้างเผยให้เห็นถึงลักยิ้มที่สวยดูดี
ฉินม่อพอเห็นรอยยิ้มนี้ ก็รู้สึกใจสั่นไหวอยู่ไม่น้อย
ในเวลานี้ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก ข้างนอกมีคนกำลังถือโทรศัพท์ถ่ายภาพตรงหน้านี้อยู่
หลี่ซิงอ้ายถ่ายรูปนี้ไปหลายรูป จากนั้นก็เก็บโทรศัพท์ลงไปแอบซ่อนอยู่ข้างๆ
“เป็นยังไง?”หลี่ซือหยุนแนบอยู่ที่กำแพง พอเห็นหลี่ซิงอ้ายถ่ายรูปไปแล้วหลายรูป ก็พูดถามขึ้นมา
“พี่ ดูสิ”หลี่ซิงอ้ายยื่นโทรศัพท์ให้กับเธอ“นี่เป็นรูปที่ฉันถ่ายมาเมื่อกี้ พี่ดูสิว่าเป็นยังไงบ้าง?”
หลี่ซือหยุนรับโทรศัพท์มา หลังจากที่มองดูอยู่สักพัก ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
“รูปพวกนี้พอได้อยู่ แต่ว่า……เอารูประดับแค่นี้ไปให้คุณชายฟู่ดู คุณชายฟู่จะเชื่อไหม?”
พอได้ยินแบบนั้น หลี่ซิงอ้ายก็ดึงโทรศัพท์กลับไปดู ก่อนจะเอามือเกาหัว“ดูเหมือนว่าระดับแค่นี้มันจะไม่พอจริงๆ”
พูดจบหลี่ซือหยุนก็เหมือนกับนึกถึงอะไรขึ้นมาได้ จู่ๆก็เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มปลิ้นปล้อน
“พี่ ฉันมีวิธีแล้ว!”
หลี่ซือหยุนพอเห็นท่าทางเจ้าเล่ห์ของเธอ มุมปากก็ยกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ดูแล้วน้องสาวของเธอคิดแผนการชั่วร้ายได้อีกแล้วสินะ
*
หลังจากที่หมอตรวจให้กับกู้ชิงเกอเสร็จแล้ว ก็เงยหน้าขึ้นมาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“แค่บาดเจ็บที่เนื้อหนังเท่านั้น ไม่ได้บาดเจ็บไปถึงกล้ามเนื้อกระดูก ไม่มีปัญหาใหญ่อะไรหรอกครับ”
การเรียกแบบนี้ ทำไมฟังแล้วมันถึงดูแก่กันนะ?
ใครๆต่างก็เรียกเขาว่าคุณชายฉิน มีแค่เธอคนเดียวที่เรียกตนเองว่าคุณฉิน
พอคิดแบบนี้ ฉินม่อก็ยกริมฝีปากพูดขึ้นมาเบาๆอย่างช่วยไม่ได้“คุณฉิน คำเรียกนี้ฟังแล้วมันดูแก่ไปหน่อย ถ้าคุณไม่รังเกียจล่ะก็ เรียกชื่อของผมตรงๆเลยได้ไหม?”
เรียกชื่อของเขาไปตรงๆเลยเหรอ? กู้ชิงเกอกะพริบตา เรียกฉินม่อออกไปตรงๆเลยงั้นเหรอ?
ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกไม่ค่อยชินอยู่นิดหน่อย
ก่อนหน้านี้นอกจากโม่จี้เทียนแล้ว เธอก็ไม่เคยสนิทสนมกับผู้ชายคนคนอื่นเลย
แต่ต่อให้เป็นโม่จี้เทียน เธอกับเขาอย่างมากที่สุดก็แค่เดินจับมือกันเท่านั้น เขาไม่เคยแตะต้องตัวของเธอ มักจะบอกว่าจะรักและทะนุถนอมเธอเป็นอย่างดีอยู่ตลอดเวลา กู้ชิงเกอมองว่าเขามีความจริงใจต่อเธอ
คิดไม่ถึงว่าเขาจะไปแอบไปทำอะไรกับผู้หญิงลับหลังของเธอ
ต่อมา กู้ชิงเกอก็ถูกผู้ชายแปลกหน้าช่วงชิงครั้งแรกในห้องของโรงแรม พอต่อมาอีกก็เป็นฟู่ซือหาน
คิดไม่ถึงว่าของที่ตัวเองปกป้องรักษามาหลายปี จะ……หายไปอย่างง่ายดายแบบนี้
พอคิดถึงตรงนี้ แววตาของกู้ชิงเกอก็เศร้าโศกและขุ่นเคืองขึ้นมาไม่น้อย
ฉินม่ออ่านอารมณ์ความรู้สึกของเธอออก อึ้งตะลึงไปอย่างช่วยไม่ได้ ผ่านไปสักพักก่อนจะพูดขึ้น“การละเมิดล่วงเกินของผมทำให้คุณตกใจใช่ไหม? ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่ชินล่ะก็ เรียกคุณฉินก็ได้”
พอได้ยินแบบนั้น กู้ชิงเกอถึงได้ดึงสติกลับมาทันที ก่อนจะพูดอย่างยิ้มอ่อน“เปล่าค่ะ เมื่อตะกี้ฉันแค่เผลอใจลอยไปเท่านั้นเองค่ะ”
“งั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นคุณเต็มใจที่จะเรียกผมว่าฉินม่อใช่ไหม? ฉินจากคำว่าฉินฉื่อหวงตี้ ม่อของคำว่าซานสุ่ยม่อฮั่ว”พูดพลาง ฉินม่อก็ยกมุมปากไปพลาง ตายิ้มเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว
“ถ้ายอมเรียกผมแบบนี้ล่ะก็ ผมก็จะรู้สึกดีใจมากเลย”
แค่เรียกชื่อเท่านั้น กู้ชิงเกอก็ไม่ใช่คนที่ตระหนี่ขี้เหนียวอะไร จึงพยักหน้า
“ฉินม่อ”
สำหรับเธอแล้ว การเรียกชื่อมันใช้สำหรับเรียกเพื่อนเท่านั้น ถ้ามันทำให้เขารู้สึกสบายใจล่ะก็ เธอเรียกชื่อไปตรงๆก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เผด็จรัก หัวใจซาตาน