เผด็จรัก หัวใจซาตาน นิยาย บท 39

สือจินจูงมือของกู้ชิงเกอเดินออกไปข้างนอกตรงๆ

เขาพากู้ชิงเกอมาอยู่ข้างๆรถที่อยู่ข้างนอก

“ขึ้นรถสิ”

กู้ชิงเกอยังบาดเจ็บที่หัวเข่าอยู่ ถูกเขาพาเดินมาเร็วขนาดนี้ ก็รู้เริ่มรู้สึกเจ็บแผลที่หัวเข่าขึ้นมานิดๆแล้ว

“จะไปไหน เดี๋ยวผมไปส่งคุณเอง”

พอได้ยินแบบนั้น กู้ชิงเกอถึงได้ดึงสติกลับมา นึกถึงของที่ตัวเองอยากจะซื้อ เธอไม่สะดวกที่จะไปซื้อด้วยกันกับผู้ชายจริงๆ ก็เลยส่ายหัวปฏิเสธความหวังดีของเขาไป

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไปเองได้แล้ว”

พูดจบกู้ชิงเกอก็หันตัวเดินตรงไปที่ประตูใหญ่ เธอเตรียมที่จะไปเรียกรถแท็กซี่ด้วยตัวเอง

สือจินเดินตามเธอไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะคว้าแขนของเธอเอาไว้ทันที“คุณเป็นคนที่ผมพาออกมา ก็เท่ากับว่าผมต้องรับผิดชอบคุณ คุณจะไปไหน เดี๋ยวผมไปส่งคุณเอง จากนั้นก็ค่อยพาคุณกลับมาส่ง ได้ใช่ไหม?”

พอเห็นเธอยืนเหม่อลอยอยู่กับที่ สีหน้าอึ้งตะลึงเล็กน้อย เหมือนกับกระต่ายขาวที่ใสซื่อไร้เดียงสาตัวหนึ่ง

จู่ๆสือจินก็รู้สึกว่าเธอน่าแกล้งมากๆ ดังนั้นจึงพูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกสนใจ“ทำไม? หรือว่าคุณกลัวผมพาคุณไปขายเหรอ?”

จริง

ต่อให้เขาไม่พาตัวเองไปขาย แต่เธอก็ไม่รู้จักเขา จะไปด้วยกันกับเขาไม่ได้เด็ดขาด

พอคิดแบบนี้ กู้ชิงเกอก็พูดขึ้น“ฉัน……”

“เอาล่ะ รีบไปกันเถอะ”

พูดจบ สือจินก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงตรงเข้าไปหามเธอขึ้นมา จากนั้นก็เปิดประตูรถโยนเธอเข้าไปที่นั่งเบาะหลังทันที การกระทำป่าเถื่อนหยาบคาย ว่องไวไม่มีสะดุดแม้แต่นิดเดียว

ร่างกายที่เล็กกระจิริดของกู้ชิงเกอเกลือกกลิ้งอยู่บนเบาะหนังข้างหลัง ไม่ทันได้ระวังเผลอไปชนเข้ากับแผลที่หัวเข่าเข้า เจ็บจนเธอสีหน้าเปลี่ยนไป แล้วก็ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ

สือจินก็ตามเข้ามานั่ง ได้ยินเสียงร้องอุทานของเธอ

ถึงได้หันไปมองเธอด้วยความรู้สึกขอโทษ“ไม่เป็นไรใช่ไหม? เมื่อตะกี้ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

“……”กู้ชิงเกอชักมุมปากอย่างอดไม่ไหว ทำไมถึงรู้สึกว่าเขาพูดโกหกหน้าด้านๆอยู่กันนะ?

เห็นๆอยู่ว่าเขาโยนตัวเองเข้ามาอย่างป่าเถื่อนหยาบคายขนาดนั้นแท้ๆ น่าจะรู้ได้ก่อนแล้วว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บสิถึงจะถูก แต่เขากลับบอกว่าไม่ได้ตั้งใจเนี่ยนะ

“จะไปที่ไหน?”สือจินเสียบกุญแจ สตาร์ทเครื่อง

กู้ชิงเกอคิดที่จะปฏิเสธ แต่กลับหาเหตุผลไม่ได้ ทำได้แค่พูดขึ้น“ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนคุณไปส่งฉันที่ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใกล้ที่สุดแล้วกัน”

“ไม่มีปัญหา”

รถสตาร์ท สือจินกลับมองเธอผ่านกระจกมองหลังอย่างอดไม่อยู่

นี่ก็คือภรรยาที่ฟู่ซือหานแต่งงานด้วยอย่างนั้นเหรอ? ดูแล้วยังเด็กมากอยู่เลย แถมยังดูผอม ตัวเล็กกระจิริดด้วย ตอนที่นั่งก้มหน้าก้มตาไม่พูดไม่จาอยู่ตรงนั้น ก็เหมือนกับสัตว์เลี้ยงที่น่าสงสารตัวหนึ่ง

“อื้อ”กู้ชิงเกอพยักหน้า เสียงเบา“ฉันจะไปซื้อของนิดหน่อย”

รถแล่นไปตามถนนอย่างไม่มีเสียง มุ่งตรงไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตในละแวกใกล้ๆ

มาถึงจุดหมายแล้ว หลังจากที่กู้ชิงเกอกล่าวขอบคุณกับสือจินไปแล้ว ก็เปิดประตูลงไปจากรถอย่างรวดเร็ว

จากนั้นกู้ชิงเกอก็ไปยังแผนกของใช้ ในที่สุดก็หาของที่ตัวเองต้องการเจอ ก่อนจะหยิบมาสองสามห่อทันที

ตอนที่ขึ้นมาบนรถอีกครั้ง สือจินก็กำลังรอเธออยู่อย่างเบื่อหน่าย พอเห็นเธอขึ้นมา ก็พูดขึ้น“คุณจะไปที่บริษัทของซือหานไหม ผมจะพาคุณไปดูที่บริษัทของซือหานสักหน่อยแล้วกัน”

กู้ชิงเกอเหม่อลอยไป กว่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา

พาเธอไปที่บริษัทของฟู่ซือหานเหรอ?

เธอไม่ต้องการ

พอคิดถึงตรงนี้ กู้ชิงเกอก็ปฏิเสธเขาออกมาตรงๆ

“ฉันไม่ไป”

พอได้ฟังแบบนี้ สือจินก็มองเธอผ่านกระจกมองหลัง“ไปมาแล้วเหรอ?”

“ไม่เคยค่ะ”กู้ชิงเกอเม้มปาก เขาออกคำสั่งกักบริเวณเธอ ไม่ให้เธอก้าวเท้าออกนอกประตูใหญ่ แต่ปรากฏว่าเธอแอบหนีออกมาซื้อของไม่เท่าไร ถ้าตอนนี้ยังวิ่งแจ้นไปเรียกร้องความสนใจต่อหน้าของเขาอีกล่ะก็ ไม่แน่ว่าต่อไปอาจจะถูกขังอยู่ในห้องเลยก็เป็นได้

“ในเมื่อไม่เคย ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพาคุณไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อยแล้วกัน”

พูดจบ สือจินก็เลี้ยวรถทันที กู้ชิงเกอไม่ทันได้ห้ามเขา ก็เห็นรถเปลี่ยนทิศทางไปอีกทางเรียบร้อยแล้ว

เธอมองท้ายทอยของสือจินอย่างหมดคำพูด

หลังจากที่ทั้งสองคนมาถึงจุดหมาย สือจินจอดรถเสร็จแล้ว กู้ชิงเกอก็เปิดประตูรถออกลงไปจากรถด้วยกัน

“ไปกันเถอะ!”

เขาเดินอยู่ข้างหน้า กู้ชิงเกอทำได้แค่เดินตามเขาไปด้วยความกระวนกระวาย

เดินขึ้นไปบนลิฟต์ ถึงห้องทำงานท่านประธานที่อยู่ชั้นบนสุด

บนพื้นปูด้วยพรมที่หรูหราสวยงาม สีทองที่ทั้งเด่นสะดุดตาและอบอุ่น ดูแล้วชั้นสูงไม่ธรรมดา

มองสำรวจดูอยู่สักพัก ดูเข้ากันกับนิสัยของฟู่ซือหานอย่างที่คิดเอาไว้

บนพรมถูกทำความสะอาดอย่างสะอาดหมดจด แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเจ้าของเป็นคนรักความสะอาด ถ้าเกิดมีพนักงานที่ฉลาด มาเจรจาเรื่องงาน ก็จะมองออกว่าเจ้าของของห้องทำงานนี้ เป็นคนชอบจับผิดรายละเอียดเล็กๆน้อยๆไม่ใช่แค่เรื่องงาน แต่ร่วมถึงการใช้ชีวิตด้วย

พรมขนเก็บเสียงฝีเท้าของพวกเขาเอาไว้จนหมด ดังนั้นที่นี่จึงเงียบสงบเป็นพิเศษ

สือจินพาเธอมาถึงห้องทำงานของฟู่ซือหาน

แต่กลับพบว่าห้องทำงานไม่มีใคร ดังนั้นสือจินจึงคว้ามือของเธอพร้อมกับพูดขึ้น“ต้องกำลังประชุมอยู่แน่ๆเลย เดี๋ยวผมพาคุณไปดูที่ห้องประชุมสักหน่อย”

กู้ชิงเกอก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าตอนที่ฟู่ซือหานประชุมจะเป็นยังไง ก็เลยตามหลังของเขาไปโดยปริยาย คิดในใจ ถึงยังไงเธอก็แค่ไปดู จากนั้นก็กลับ

ณ ห้องประชุม

เต็มไปด้วยความหนาวเย็น

ไม่มีใครกล้าส่งเสียงอะไร

ถึงยังไงใครๆต่างก็กลัวยมทูตเย็นชาคนนั้นทั้งนั้น แล้วก็ไม่กล้าไปยุแหย่เขาด้วยเหมือนกัน

แม้ว่าฟู่ซือหานจะยังอายุน้อย แต่ว่าเขาเก่งกาจอย่างมาก สุดยอดกว่าพวกคนเก่าคนแก่ที่ใช้ชีวิตมาเกินครึ่งชีวิตแล้วแบบพวกเขาเยอะ

นี่ก็เป็นสาเหตุที่เขามารับช่วงต่อฟู่ซื่อ กรุ๊ปทั้งที่อายุยังน้อยขนาดนี้

สือหยวนยืนอยู่ข้างหลังของฟู่ซือหาน ไม่กล้าขยับเขยื้อน

เขาบ่นพึมพำอยู่ภายในใจ ทุกคนต่างก็กลัวฟู่ซือหาน แต่เขาที่ยืนอยู่ข้างหลังของฟู่ซือหาน ดูเหมือนจะถูกลมหายใจเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของฟู่ซือหานแช่แข็งจนกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งไปแล้ว

“ทำไมถึงไม่มีใครบอกเรื่องนี้กับฉัน? หืม?”ฟู่ซือหานกวาดสายตาเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งมองเหล่าบรรดาผู้คน

เหล่าผู้คนราวกับนั่งอยู่บนกองไฟ

ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ

“พวกคุณมีความสามารถแค่นี้เหรอ? เยี่ยมไปเลย”ฟู่ซือหานสบถอย่างเย้ยหยัน จู่ๆก็เรียกชื่อของสือหยวนขึ้นมา

สือหยวนดึงสติกลับมาทันที“ครับ คุณชายฟู่”

“หักเงินเดือนของไตรมาสนี้ลงห้าสิบเปอร์เซ็นต์”

พอได้ยินแบบนั้น เหล่าผู้คนก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที แต่กลับไม่กล้าคัดค้านใดๆ

ส่วนสีหน้าท่าทางของสือหยวนกลับเฉยชาอยู่ไม่น้อย เหมือนกับเขาจะคุ้นชินไปแล้ว

หลังจากที่บันทึกเรื่องนี้แล้ว ก็เปิดปากพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงคุ้นเคย“พวกเราจะให้โอกาสพวกคุณชดเชยในความผิดพลาด เงินเดือนของไตรมาสนี้หักไปห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ผ่านไปอีกสองสามวันจะมีสัญญามาสองสามฉบับ ถ้าพวกคุณทุกคนสามารถจัดการสัญญาพวกนี้ให้เสร็จได้ เงินเดือนของทุกคนก็จะเพิ่มเป็นสองเท่า”

สือจินกับกู้ชิงเกอที่แอบฟังอยู่ข้างนอกแอบมองผ่านช่องประตูเข้าไปเห็นภาพตรงหน้านี้

พอเห็นฟู่ซือหานเที่ยงธรรมไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งนั้น นั่งท่าทางน่าเกรงขามอยู่ตรงนั้น เธอก็ถอนหายใจออกมา

ฟู่ซือหานคนนี้น่าจะใจจืดใจดำโดยกำเนิดสินะ

ไม่ใช่แค่ต่อเธอเท่านั้น แต่พนักงานและลูกน้องของเขา ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน

โชคดี ขอแค่คุณย่าของเขาอาการดีขึ้น เธอก็จะได้หย่ากับเขาแล้ว

เธอไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับผู้ชายที่ใจจืดใจดำโดยกำเนิดคนนี้ไปตลอดชีวิต

“สาวน้อย เคยเห็นฟู่ซือหานมีท่าทางแบบนี้ไหม? เขามักจะโมโหฉุนเฉียวแบบนี้เป็นปกติเลยนะ”

กู้ชิงเกอกะพริบตา พูดขึ้นอย่างนิ่งเฉย“ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันรู้จักเขาแล้วนะคะ”

สือจินรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย“คุณหมายความว่า……เขาทำตัวแบบนี้กับคุณเหมือนกันเหรอ?”

กู้ชิงเกอพยักหน้า

“คุณเป็นภรรยาของเขานะ”

ใช่น่ะสิ เธอเป็นภรรยาของเขา ภรรยาที่แม้แต่รูปแต่งงานก็ต้องตัดต่อ คืนแต่งงานวันแรกก็ถูกบังคับขืนใจ ด่าว่าเธอเป็นผู้หญิงปล่อยตัว เป็นภรรยาที่เซ็นสัญญาข้อตกลง พอถึงเวลาก็จะหย่าร้างกันทันที

แบบนี้ มันถือว่าเป็นภรรยาอะไรกัน?

กู้ชิงเกอยิ้มอย่างอมทุกข์อยู่ภายในใจ

ประมาณว่าทั้งชีวิตนี้ของเธอมันได้พังลงไปแล้วตั้งแต่วินาทีที่ผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นเข้ามาขืนใจตัวเองที่ห้องของโรงแรม

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เธอไม่แม้แต่จะรักษาสิ่งสุดท้ายที่แม่เหลือทิ้งไว้ให้กับเธอได้เลยด้วยซ้ำ

แล้วก็ไม่รู้ว่าสร้อยคอเส้นนั้นถูกผู้ชายคนนั้นเอาไปหรือไม่ด้วยเหมือนกัน ถ้าถูกเขาเอาไป แล้วเขาจะเอาสร้อยคอเส้นนี้ไปทำไม???

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เผด็จรัก หัวใจซาตาน