เผด็จรัก หัวใจซาตาน นิยาย บท 40

กู้ชิงเกอกำลังใช้สมองครุ่นคิด สือจินพ่อหนุ่มคนนั้นก็ไม่รู้เป็นอะไร จู่ๆก็เอนตัวมาข้างหน้า ชนเข้ากับหลังของเธอ

ดังนั้นกู้ชิงเกอจึงสูญเสียการควบคุมอยู่ชั่วขณะ ชนเข้ากับประตูของห้องประชุมไปตรงๆ

ปึง!

ประตูของห้องประชุมถูกชนจนเปิดออก ร่างกายที่เล็กกระจิริดของกู้ชิงเกอก็ล้มตามเข้าไป

เจ็บจัง……

หลังจากที่กู้ชิงเกอล้มลงไปบนพื้นแล้ว ก็เจ็บปวดจนขมวดคิ้ว หัวเข่าที่เดิมทีดีขึ้นมาบ้างแล้วก็ถูกกระแทกอีกครั้ง เจ็บจนเธอลุกไม่ไหว

สือจินคนนี้เป็นอะไร?

อยู่ดีๆทำไมจู่ๆก็ชนเข้ามา

ทำเอาเธอล้มเข้ามาข้างใน

แม้ว่าจะล้มจนเจ็บ แต่กู้ชิงเกอเพิ่งจะสังเกตเห็นว่า มีเรื่องที่สำคัญมากกว่าเรื่องที่เธอล้มจนเจ็บอีกหลายเท่า

นั่นก็คือ……

ที่นี่คือห้องประชุม

ฟู่ซือหานก็อยู่ข้างในนี้ด้วย ขณะที่พวกเขากำลังเจรจาพูดคุยกันจนบรรยากาศตึงเครียด เธอก็ดันล้มเข้ามาในเวลาแบบนี้……

แย่แล้ว

กู้ชิงเกอรู้สึกเหมือนกับกระโดดเข้าไปในหลุมไฟ

ในห้องประชุมเงียบสงัด

ตอนที่สือหยวนได้ยินเสียงประตูห้องประชุมถูกเปิดออก คิดในใจว่าใครกันที่มันรนหาที่ตาย แต่ปรากฏว่าพอมองแล้วกลับเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง

พอมองดูดีๆอีกครั้ง แม่เจ้า นี่มันคนคนนั้นไม่ใช่เหรอ?

คุณ……นายน้อย……

เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?

สือหยวนรู้สึกว่าสีหน้าของตัวเองเปลี่ยนไปทันที จากนั้นสายตาก็ชำเลืองมองไปหาฟู่ซือหานที่อยู่ข้างหน้าโดยอัตโนมัติ รู้สึกว่าความหนาวเย็นที่ตัวของเขามันแรงกล้ามากขึ้นไม่น้อย

จบแล้ว……

เหล่าผู้คนก็มองเด็กสาวที่จู่ๆก็ล้มเข้ามาคนนี้เช่นเดียวกัน อึ้งตะลึงอยู่กับที่อย่างทำอะไรไม่ถูก

นี่คือใครกัน? ทำไมจู่ๆถึงโผล่เข้ามาในนี้?

ที่สำคัญคือ ที่นี่ยังเป็นห้องประชุมด้วยนะ

ทันใดนั้น ก็มีคนที่ค่อนข้างอายุน้อยคนหนึ่งในนั้นลุกขึ้นมา เดินไปอยู่ตรงหน้าของเธอ ก่อนจะชี้หน้าตะโกนออกมาเสียงดัง

“เธอคือใคร? วิ่งแจ้นเข้ามาทำอะไรที่ห้องประชุม? เธอคิดจะมาขโมยความลับใช่ไหม?”

คำตำหนินี้ทำให้เหล่าผู้คนต่างพยักหน้าอย่างคล้อยตาม

“ใช่ๆ ดูแปลกตามาก ไม่ใช่พนักงานของฟู่ซื่อ กรุ๊ปสินะ? ทำไมถึงวิ่งแจ้นมาที่นี่ได้ล่ะ?”

“หรือว่าคิดจะมาขโมยความลับจริงๆ? ถ้าอย่างนั้นเมื่อตะกี้นี้เธอได้ยินไปมากเท่าไรแล้ว?”

พอได้ยินเสียงซุบซิบพูดคุยของคนพวกนี้ กู้ชิงเกอก็อดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ลุกขึ้นมาจากพื้น หลังจากที่ยืนขึ้นมาแล้ว ก็รู้สึกว่านิ้วของคนคนนั้นจิ้มมาที่หน้าผากของเธอเรียบร้อยแล้ว

เธอไม่ได้มาด้วยตัวเอง สือจินเป็นคนพาเธอมา

พวกเขาไม่รู้จักเธอ แต่น่าจะรู้จักสือจินสินะ?

พอคิดถึงตรงนี้ กู้ชิงเกอก็เปิดปากพูดอธิบายขึ้น“ฉันเปล่านะคะ ฉันไม่ได้มาขโมยความลับ เพื่อนของฉันเป็นคนพาฉันมาค่ะ”

“เพื่อน? เพื่อนของเธอคือใครกัน? อยู่ไหน?”

คนที่ตำหนิเธอคนนั้นพูดถามขึ้นมาเสียงดัง

กู้ชิงเกอชี้นิ้วที่ขาวผ่องไปหลังประตู ตอนที่กำลังคิดจะบอกว่าสือจินเป็นคนพาเธอมานั้น กลับพบว่าตรงประตูนั้นไม่มีใครอยู่แล้ว

เกิดอะไรขึ้น? สือจินล่ะ?

“ใคร? ทำไมถึงไม่เห็นใครเลย?”คนคนนั้นพูดตะคอกใส่เธอเสียงดัง

กู้ชิงเกอถูกเขาตะคอกใส่จนหดตัวอย่างช่วยไม่ได้ คิดในใจว่าเสียงในลำคอของคนคนนี้ดังมากจริงๆ ถ้าเกิดให้เขาพูดใส่โทรโข่ง เสียงมันจะดังไปไกลขนาดไหนกันนะ?

“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อตะกี้ฉันยังเห็นคนคนนั้นอยู่ตรงนี้อยู่เลย เขาน่าจะวิ่งไปตรงนั้นแล้ว เดี๋ยวฉันจะไปหาตัวเขามาก่อน”กู้ชิงเกอพูดจบก็หันตัวจะเดินออกจากประตู

ไอ้คนเลวนี่

จะต้องก่อเรื่องเอาไว้แน่ๆ ไม่กล้าเจอหน้าใคร ตัวเองก็เลยหลบหนีไป

พอคิดถึงตรงนี้ กู้ชิงเกอก็เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น อยากที่จะรีบไปหาตัวเขาออกมาให้โดยเร็ว

แต่ในสายตาของคนอื่น การกระทำแบบนี้มันกลายเป็นว่าเธอคิดที่จะหนีหัวซุกหัวซุน ดังนั้นผู้ชายที่ตะคอกใส่เธอคนนั้น ก็ตรงเข้าไปคว้าแขนที่เล็กบางของเธอเอาไว้

“คิดจะหนีงั้นเหรอ? มาแอบฟังความลับแล้วคิดจะหนี ไม่มีทางซะหรอก!”

ตอนที่ผู้ชายคนนั้นคว้าแขนที่เล็กบางของเธอเอาไว้ ฟู่ซือหานที่นั่งอยู่ก็แววตาเย็นยะเยือก ยิงตรงไปหาผู้ชายคนนั้นทันที

ผู้ชายคนนั้นรู้สึกได้ว่าความเย็นยะเยือกเข้ามาโอบล้อมตัวเองเอาไว้ หันหน้าไปโดยสัญชาตญาณ ก่อนจะเห็นสายตาของฟู่ซือหานที่กำลังมองมาที่ตัวเอง เขาอึ้งตะลึงไปเกือบสามวินาทีถึงจะตอบสนองกลับมา

ดูเหมือนว่าตัวเองจะมองข้ามหัวของเขาไปซะแล้ว

ถึงยังไงประธานฟู่ก็เป็นเจ้าของของที่นี่ ส่วนเขา……

พอคิดถึงตรงนี้ ผู้ชายคนนั้นก็ยิ้มด้วยความอึดอัด“ประธานฟู่ ผู้หญิงคนนี้มาแอบฟังความลับในการประชุมของพวกเราแล้วคิดจะหนีไป ท่านมีความเห็นว่ายังไงครับ? จะให้แจ้งตำรวจมาจับเธอไหมครับ?”

พอได้ยินแบบนี่น กู้ชิงเกอก็สีหน้าซีดขาว

“อย่านะคะ”เธอเปิดปากพูดโต้เถียงให้ตัวเอง“ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่พวกคุณพูดเลย ฉันก็ไม่ได้ขโมยความลับอะไรของพวกคุณเลยด้วยเหมือนกัน แล้วฉันก็ไม่ได้ต้องการจะมาเลยด้วย”

“แล้วใครเป็นคนพาเธอมา? เธอพูดมาสิ!”

“คือ……”หรือว่าเธอจะพูดชื่อของผู้ชายคนนั้นเหรอ? กู้ชิงเกอพูดไม่ออก

แม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนที่กระตือรือร้นอะไร แต่การที่ยกชื่อของคนอื่นออกมาพูดแบบนี้ เธอทำไม่ได้จริงๆ

พอคิดแบบนี้ กู้ชิงเกอก็พูดไม่ออกทันที

“พูดไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? เพราะว่ากำลังพูดโกหกอยู่ยังไงล่ะ”

ผู้ชายคนนั้นออกแรงบีบแขนของเธอแรงมากขึ้น เพราะว่าเธอใส่เสื้อแขนสั้น ผิวหนังที่แขนของเธอทั้งขาวทั้งเนียน ไม่นานแขนที่ขาวผ่องของเธอก็ถูกบีบจนช้ำเขียวช้ำม่วง

พอเห็นรอยช้ำเขียวช้ำม่วงนี้ ตาของฟู่ซือหานก็เยือกเย็นเพิ่มขึ้นไม่น้อย สายตาที่จ้องมองผู้ชายคนนั้นก็ดุดันมากขึ้นเรื่อยๆ

กู้ชิงเกอเจ็บจนขมวดคิ้ว หันมองไปยังทิศทางที่ฟู่ซือหานอยู่

พบว่าสายตาของเขาเย็นดุจน้ำแข็ง เย็นยะเยือกอย่างถึงที่สุด

ดูท่าเขาก็น่าจะคิดว่าตัวเองมาแอบฟังเหมือนกันสินะ? ถ้าเธอเปิดปากพูดขอร้องกับเขา เขาจะสนใจตนเองไหม?

ช่างเถอะ เดิมทีเขาก็ออกคำสั่งกักบริเวณของเธอไว้แล้ว แต่ปรากฏว่าเธอแอบหนีออกมา ทำให้การประชุมของพวกเขาเกิดความโกลาหลวุ่นวาย

ตอนนี้เขาจะต้องอยากจะฆ่าตนเองให้ตายจนแทบอดใจไม่ไหวแล้วแน่ๆ

พอคิดแบบนี้ กู้ชิงเกอก็มองต่ำลง ไม่ได้พูดอะไรอีก

สายตาของฟู่ซือหานยังคงมองอยู่ที่ตัวของเธอ ผู้หญิงที่สมควรตายคนนี้ เดิมทีคิดว่าที่เธอมองมาหาตัวเองนั้นก็เพราะว่าต้องการที่จะขอให้เขาช่วยเหลือ

แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่เธอแค่หันมองตัวเองแล้วก็มองต่ำลง

เธอคิดจะทำอะไร?

ดูถูกเหยียดหยามที่จะขอความช่วยเหลือจากตนเองอย่างนั้นเหรอ?

เหอะ ดี

ในเมื่อเธอดูถูกเหยียดหยามขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นเขาฟู่ซือหานคนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งอะไรเหมือนกัน

ปล่อยเธอไปตามยถากรรมของตัวเองแล้วกัน

สือหยวนตรงเข้ามาพูดกระซิบข้างๆ“คุณชายฟู่ เรื่องของคุณนายน้อย พวกเรา……”

ฟู่ซือหานนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่ขยับเขยื้อน น้ำเสียงเย็นชา

“ไม่ต้อง”

เขาอยากจะรู้ว่า อีกเดี๋ยวพอเธอถูกตำรวจพาตัวไปแล้ว จะมีสีหน้าท่าทางยังไง?

จะร้องไห้ฟูมฟาย? ยอมอ่อนข้อมาขอให้เขาช่วยไหม?

เหอะ ภาพนั้นจะต้องน่าสนใจมากอย่างแน่นอน

ฟู่ซือหานอยากจะเห็นภาพภาพนั้นจนแทบใจจะขาดแล้ว

ไม่ต้อง?

สือหยวนอึ้งตะลึงไป ใช้เวลาไปหลายวินาทีในการทำความเข้าใจกับความหมายของคำนี้ ผ่านไปนานกว่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา ความหมายของคุณชายฟู่ก็คือไม่ต้องช่วยเหลือเธออย่างนั้นเหรอ?

ดังนั้น……พวกเขาอยากที่จะเห็นคุณนายน้อยถูกพาตัวไปอย่างนั้นเหรอ?

พอคิดแบบนี้ สือหยวนก็เบะปากอย่างอดไม่ได้ คุณชายฟู่เอ๋ย ช่างใจจืดใจดำจริงๆ

การที่คุณนายน้อยมาแต่งงานกับเขา……ก็ช่างโชคร้ายเหลือเกิน

“คุณชายฟู่ ควรจะจัดการกับผู้หญิงคนนี้ยังไงดีครับ? ท่านพูดอะไรสักหน่อยสิครับ”มีคนส่งเสียงพูดขึ้นมา

ฟู่ซือหานมองคนคนนั้นอย่างนิ่งเฉย สายตาเย็นยะเยือกดุจใบมีด“พวกคุณตัดสินใจเองเลย ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม”

พอได้ยินแบบนั้น กู้ชิงเกอก็ไม่ได้อึ้งตะลึง เหมือนกับตัวเองเดาคำตอบไว้อยู่แล้ว

เธอแค่มองต่ำลง รู้สึกขมขื่นอยู่ภายในใจไม่น้อย

เธอน่าจะเป็นภรรยาที่โชคร้ายที่สุดในโลกนี้เลยสินะ……

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เผด็จรัก หัวใจซาตาน