เผด็จรัก หัวใจซาตาน นิยาย บท 41

ตัวเองโดนใส่ร้าย สามีตัวเองกลับยืนดูอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาเย็นชา

จะมีใครน่าเวทนากว่าเธออีกไหม?

กู้ชิงเกอตัดสินใจ ถึงแม้ว่าจะตาย ก็จะไม่เอ่ยปากรอความช่วยเหลือจากเขา

ฟู่ซือหานผู้ชายชั่วร้ายคนนี้ ถึงตอนนั้นคงจะไม่ช่วยเหลือเธอ และหัวเราะเยาะซ้ำเติมเธอด้วยซ้ำ

คิดถึงตรงนี้ กู้ชิงเกอก็กัดปากตัวเองแน่น

“งั้นก็ได้ แจ้งตำรวจสิ”

ได้ยินฟู่ซือหานบอกว่าให้พวกเขาจัดการ ชายชราไม่กี่คนในคณะกรรมการบริหารจึงให้ผู้ช่วยของตัวเองโทรแจ้งตำรวจ

โทรแจ้งตำรวจเสร็จจนกว่าตำรวจจะมา กู้ชิงเกอไม่พูดอะไรเลย รักษาท่วงท่าเดียวยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับเขยื้อน เหมือนรูปปั้น

สายตาฟู่ซือหานมักจะเหลือบมองร่างเธอ เห็นเธอทำท่าเดียวอยู่ตลอดเวลา ในใจก็แสยะยิ้ม

ดูเหมือนยัยนี่ยังมีความทระนงอยู่นะ

งั้นเขาจะรอดูว่าเธอจะสามารถหยิ่งได้ถึงเมื่อไร

ตำรวจมาถึงอย่างรวดเร็ว

“สหายตำรวจ จู่ๆ ยัยนี่ก็บุกเข้ามาในห้องประชุมเรา ขโมยความลับสำคัญที่เราคุยกัน”

ตำรวจสอบถามสถานการณ์กับกู้ชิงเกอ

กู้ชิงเกอปิดปากเงียบไม่พูดอะไร

ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร พวกเขาก็คงไม่เชื่อ ร้อยปากก็ยากที่จะเถียง ทำไมเธอต้องเปลืองน้ำลายด้วย

เห็นเธอไม่พูดอะไรเลย เหล่าสหายตำรวจก็ไม่มีทางเลือก จำใจพูดขึ้น “ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานชัดเจนพิสูจน์ว่าเธอแอบฟัง หรือขโมยความลับสำคัญอะไรของพวกคุณ เธอก็ไม่พูดด้วย ฉะนั้นเราตัดสินใจจะพาเธอกลับไปถามสักหน่อย”

“ได้ ต้องถามให้แน่ชัด ดูสิว่าใครเป็นคนส่งยัยนี่มา จะให้ความลับสำคัญของฟู่ซื่อ กรุ๊ปเรารั่วไหลออกไปไม่ได้”

ในใจฟู่ซือหานกลับแสยะยิ้ม

ความลับสำคัญ?

เนื้อหาการคุยในวันนี้ เป็นสถานการณ์ที่ล้มเหลวของคนเหล่านี้อยู่เสมอ มีความลับสำคัญอะไรให้กล่าวได้?

พวกเขาทำท่าทางสุภาพบุรุษมีคุณธรรม ต้องการรีบหาโอกาสปกปิดความผิดพลาดของพวกเขาเองล่ะสิ

แต่น่าเสียดาย ตอนสาวน้อยคนนั้นถูกนำตัวเองไปก็ไม่ได้เอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากเขาสักประโยคเดียว

เธอก้มหน้าถูกตำรวจพาออกไป ตอนออกไปจากห้อง เพราะแผลบนเข่าจึงเดินกะเผลก

เห็นฉากนี้ ฟู่ซือหานไม่คิดเลยว่าในใจตัวเองจะรู้สึกสงสาร?

สงสารเธอ?

อะไรวะ

เธอไม่ยอมแพ้ตน ไม่ขอความช่วยเหลือ ทำไมเขาต้องสงสารเธอด้วย?

ยัยบัดซบ!

คิดถึงตรงนี้ ฟู่ซือหานก็ยกมือขึ้นปัดสิ่งของที่อยู่ตรงหน้าออกไปด้วยอารมณ์ร้อน

โครม!

ทันใดนั้นสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะก็หล่นพื้นทั้งหมด

ทุกคนตกใจมากกับการกระทำกะทันหันของเขา มองเขาด้วยใบหน้าหวาดกลัว

“ประ ประธานฟู่??”

สือหยวนเห็นฉากนี้ ก็เบ้ปากถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ ถึงจะไม่ค่อยแน่ใจว่าทำไมจู่ๆ คุณชายฟู่ถึงได้อารมณ์เสีย แต่ในใจเขาคิดว่าจะต้องเกี่ยวกับคุณนายน้อยแน่ๆ

ไม่รอให้หุ้นส่วนชรากลุ่มนั้นมาสนใจ ฟู่ซือหานก็ลุกขึ้นอย่างคล่องแคล่ว แล้วก้าวขาเรียวยาวออกไป

สือหยวนเห็นดังนั้น ก็รีบตามฝีเท้าเขาไป

*

เวลาค่ำสองทุ่ม

นอกประตูสถานีตำรวจมีรถลินคอล์นยาวคันหนึ่งจอดอยู่

กระจกรถดำขลับปิดสนิท ลินคอล์นจอดอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบงัน ราวกับจะผสมผสานกับความมืดยามราตรี

สายตาฟู่ซือหานกำลังมองประตูใหญ่สถานีตำรวจนอกกระจก ใบหน้าไม่มีความรู้สึกใดๆ ใบหน้าเย็นชาเฉียบคมเหมือนมีดเฉือน

สือหยวนที่นั่งด้านหน้าอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามขึ้น “คุณชายฟู่ ไม่งั้น……ผมเข้าไปพาคุณนายน้อยออกมาดีไหมครับ?”

ทันทีที่สิ้นเสียง สือหยวนก็ได้รับแววตาเหมือนมีดของฟู่ซือหาน ตกใจกลัวจนเขากลืนน้ำลาย ไม่กล้าพูดอีก

ก็ได้ คุณมันซึนเดระที่สุดแล้ว

เห็นคุณนายน้อยถูกเอาตัวไป สุดท้ายก็ตามก้นมาด้านหลัง จากนั้นก็นั่งอยู่ที่นี่สองสามชั่วโมงแล้ว แต่ไม่ลงจากรถไปดู

สือหยวนไม่รู้ว่าคุณชายฟู่เป็นอะไร……

กลายเป็นแปลกประหลาดมากๆ ……

อยากช่วยใครสักคน เป็นเรื่องที่ง่ายมากไม่ใช่หรือไง?

แค่ลงไปรับตัวมา อธิบายกับสหายตำรวจว่าคุณนายน้อยไม่ได้ขโมยความลับสำคัญ ก็สามารถพาเธอออกมาได้แล้ว

สิ่งที่คุณชายฟู่พูด จะมีใครไม่เชื่อด้วยเหรอ?

ทว่าเรื่องที่ง่ายเช่นนี้ ไม่คิดว่าเขาจะไม่ทำมัน

ต้องรออยู่ที่นี่สองสามชั่วโมง

เฮ้อ หัวใจผู้ชายคือเข็มในมหาสมุทร!

ผ่านไปอีกเกือบสิบนาที ในที่สุดฟู่ซือหานก็ทนไม่ไหว หรี่ตาพูดด้วยเสียงเย็นชา “นายเข้าไปดูหน่อยว่าข้างในสถานการณ์เป็นยังไง อย่าเผยตัวตนของฉัน และอย่าให้เธอรู้ด้วย”

“ครับ”

ในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้วสินะ!

ในใจสือหยวนแอบแขวะหนึ่งประโยค จากนั้นก็เปิดประตูรถลงจากรถอย่างรวดเร็ว

การเคลื่อนไหวนั้นเร็วเหมือนจะรีบไปเกิดใหม่

ในใจฟู่ซือหานหงุดหงิด เอนหลังพิงเบาะ เอื้อมมือไปดึงเนกไทตัวเอง

เธอไม่อยากขอความช่วยเหลือจากเขา งั้นเขาก็จะปล่อยให้เธอเกิดเองตายเอง

แต่ทำไมเขายังรีบตามหลังมาอยู่ที่นี่??

น่าขำสิ้นดี

ทั้งๆ ที่เป็นแค่ผู้หญิงใจง่าย และหยิ่งยโสคนหนึ่ง……

ฟู่ซือหานหลับตา พิงเบาะหลังพักผ่อน

ผ่านไปประมาณสองนาที สือหยวนกลับมา ให้คนขับรถลดกระจกรถลง จากนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยความประหม่า “คุณชายฟู่……”

เขาหายใจกระหืดกระหอบ สีหน้าและน้ำเสียงกระสับกระส่ายมาก

ฟู่ซือหานลืมตาทันที มองเขาด้วยความอันตราย

“เกิดอะไรขึ้น? คนพวกนั้นทำร้ายเธอใช่ไหม?”

“เปล่าครับ ไม่ได้ทำ” สือหยวนปฏิเสธ

“แล้วเป็นไง?” เขาหรี่ตาอย่างอันตราย เหมือนเสือดาวที่นอนจำศีลในยามค่ำคืน

“คุณนายน้อยไม่ยอมพูดอะไรทั้งนั้น พวกตำรวจพูดกันจนน้ำลายแห้งหมดแล้วเธอก็ยังไม่ยอมพูด นั่งอยู่ตรงนั้นไม่กระดุกกระดิกไปไหน ต่อมา……”

พูดถึงตรงนี้ สือหยวนก็หายใจเข้าลึกๆ อย่างหนักหน่วง

ฟู่ซือหานอยากเอื้อมมือไปบีบคอเขาให้ตาย พูดก็พูดมา ต้องหายใจเข้าลึกๆ แบบนี้เลยเหรอ?

บัดซบจริงๆ!

เขาไม่เอ่ยปากถามเขา แค่สีหน้าอึมครึมน่ากลัว

สือหยวนรู้สึกว่าถ้าตัวเองไม่พูดต่อเนื่องอีก เดาว่าชีวิตตัวเองจะตกอยู่ในอันตราย จึงรีบพูดออกมารวดเดียว

“ต่อมาพวกตำรวจก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ ถามอีกว่าครอบครัวเธอเป็นใคร ให้ครอบครัวเธอมาประกันเธอ จากนั้นคุณนายน้อยก็ขอบตาแดง ตอนนี้กำลังร้องไห้อยู่ข้างใน”

ร้องไห้?

ฟู่ซือหานตกตะลึง

ผู้หญิงคนนั้นร้องไห้จริงเหรอ?

เพราะกลัว?

หรือเพราะอะไร?

ตอนเธอถูกนำตัวไป ยังดื้อรั้นอยู่เลยไม่ใช่หรือไง? ทำไมต้องร้องไห้?

ฟู่ซือหานไม่พูดอะไรอีก ถอดเนกไทโยนไว้ข้างๆ จากนั้นก็เปิดประตูรถ

สือหยวนตกตะลึง “คุณชายฟู่ คุณจะเข้าไปเองเหรอ? เมื่อกี้บอกว่าห้ามเปิดเผยตัวตนคุณไม่ใช่เหรอ?”

พูดจบก็รู้สึกถึงแววตาดุดัน สือหยวนคอหดโดยไม่รู้ตัว

เป็นอะไรของเขา? ทำไมปากนี่ถึงไม่รู้จักพูด?

อยู่กับคุณชายฟู่มาตั้งหลายปี ยังไม่รู้เหรอว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด?

ทึ่มจริง!

ฟู่ซือหานก้าวเท้าเดินเข้าไปในสถานีตำรวจอย่างรวดเร็ว

ในห้องสอบสวน

กู้ชิงเกอนั่งร้องไห้เสียงเบาอยู่ที่เดิมตลอด น้ำตาไหลออกมาเหมือนก๊อกแตก ไหลลงมาไม่หยุดหย่อน

ผู้ชายจำนวนหนึ่งเห็นหญิงสาวร้องไห้อย่างน้อยอกน้อยใจแบบนี้ ก็รีบเร่งจนทำอะไรไม่ถูก

ยังไงเธอก็ดูเหมือนยังไม่บรรลุนิติภาวะ ยังเด็กขนาดนี้ หน้าตาก็น่ารักแบบนี้ ไม่เหมือนคนที่ทำเรื่องชั่วร้ายเลย

แต่มันก็อีกเรื่องหนึ่ง ตราบใดที่ให้เธอแจ้งพ่อแม่ออกมา ก็กลับบ้านได้

ผลสุดท้ายเธอก็ไม่ยอม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เผด็จรัก หัวใจซาตาน