เผด็จรัก หัวใจซาตาน นิยาย บท 42

เอาแต่นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น

จนถึงตอนนี้ก็ร้องไห้มาครึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว

น้ำตาไหลลงมาจ๊อกๆ ตาบวมแดงเหมือนกระต่าย

นี่ทำให้เหล่าผู้ชายรู้สึกผิดอย่างลึกซึ้ง

ไม่รู้ว่าพูดอะไรผิดพลาดไป ถึงทำให้สาวน้อยผู้หัวแข็งมาโดยตลอดก็พลันร้องไห้ออกมาแบบนี้

ด้านนอกมีเสียงฝีเท้าสุขุมดังลอยมา

ร่างสูงใหญ่ของฟู่ซือหานปรากฏตัวที่ประตู

ในเมืองจิ่งมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่รู้จักฟู่ซือหาน ฉะนั้นเมื่อเห็นเขา ก็รีบเข้าไปต้อนรับทันที

“คุณชายฟู่”

ฟู่ซือหานเมินพวกเขา อ้อมไปด้านหน้ากู้ชิงเกอทันที

ผลสุดท้ายก็เห็นสาวน้อยคนนี้นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น ร้องไห้จนตาบวมหมดแล้วก็ยังไม่หยุด และเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าเขามาแล้ว ยังคงร้องไห้อยู่ตรงนั้นตลอด

ให้ตายเถอะ!

มือฟู่ซือหานที่ห้อยอยู่ข้างๆ กำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว ทั้งร่างแผ่กระจายกลิ่นอายชัดเจนที่อันตรายออกมา

“พวกนายพูดอะไรกับเธอ?”

ความกดขี่ในร่างกายเขาสูงมาก ทำให้อยากถอยออกไปสามฟุตอย่างอดไม่ได้

“เรา……ไม่ได้ทำอะไรนะครับ”

“ไม่ได้ทำอะไรเธอจะร้องไห้แบบนี้ไหม?” ฟู่ซือหานถามด้วยเสียงเย็นชา

“คุณชายฟู่ เราก็แค่ซักถาม ผู้ทำความผิดทุกคนก็ล้วนทำแบบนี้ พอเห็นว่าถามไม่ได้อะไรจริงๆ ก็จำใจถามเกี่ยวกับพ่อแม่เธอ ให้พ่อแม่เธอมาประกันเธอ ยืนยันตัวตนเธอแล้วก็กลับบ้านได้ ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆ สาวน้อยคนนี้ก็ร้องไห้ออกมา เราโน้มน้าวยังไงก็ไม่ได้”

ได้ยินดังนั้น ฟู่ซือหานก็หรี่ตา ราวกับไม่ค่อยเชื่อ

“คุณชายฟู่ เราพูดความจริงทั้งหมด ไม่ได้โกหกคุณแน่นอน ไม่งั้นคุณดูเธอสิ บนตัวมีแผลไหม?”

ดวงตาฟู่ซือหานจึงกวาดมองร่างกู้ชิงเกอ พบว่าร่างเธอไม่มีบาดแผลอะไรจริงๆ

ทว่าเมื่อเห็นเธอที่น้ำตานองหน้า เขาก็หงุดหงิดใจขึ้นมา เดินไปถามด้วยเสียงหยาบ “ร้องไห้ทำไม?”

กู้ชิงเกอเห็นฟู่ซือหานเดินมาตรงหน้าตนขณะที่ตาพร่ามัวด้วยน้ำตา แล้วพูดกับตนอย่างบุ่มบ่าม เธอก็ยิ่งน้อยใจอยู่ข้างใน

เขามาทำไมอ่ะ?

เขาเป็นคนแจ้งตำรวจพาเธอมาที่นี่ สุดท้ายตอนนี้เขาก็มาที่นี่เพื่อแสร้งเป็นคนดีเหรอ?

น้ำตากู้ชิงเกอไหลไม่หยุด แค่หันหน้าหนีอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่มองฟู่ซือหาน

“……” ศักดิ์ศรีความเป็นชายของฟู่ซือหานถูกโจมตีอย่างรุนแรง เอื้อมมือไปบีบกรามเธอทันที บีบจนหน้าเล็กของเธอเกือบจะผิดรูปทรง

“ฉันกำลังถามเธอ”

“……” น้ำตากู้ชิงเกอเปื้อนฝ่ามือเขา ก็ยังไม่พูดอะไรสักคำ

“ไม่พูดเหรอ? อยากแกล้งเป็นคนใบ้เหรอ?” ฟู่ซือหานพบว่าเมื่อสบตาบริสุทธิ์สะอาดของเธอคู่นั้น ยิ่งไม่มีเรี่ยวแรงต่อต้าน โดยเฉพาะตาคู่นี้ยังมีหมอกคละคลุ้งในเวลานี้

ต้องบอกเลยว่า ดวงตาเธอสวยจริงๆ

ฟู่ซือหานใจเหม่อลอยในชั่วขณะนั้น จากนั้นความตึงเครียดในก้นบึ้งจิตใจก็อ่อนโยนลงตาม

จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงตรงหน้าเธอ เสียงไม่มุทะลุเหมือนเมื่อกี้แล้ว

“บอกฉัน เธอได้รับความไม่ยุติธรรมใช่ไหม?”

เธอได้รับความไม่ยุติธรรม?

ความไม่ยุติธรรมที่เธอได้รับมันเกิดจากน้ำมือเขาสร้างขึ้นไม่ใช่หรือไง?

ดังนั้นกู้ชิงเกอจึงใช้ดวงตาใสแจ๋วจ้องเขม็งเขา เม้มปากแดงไม่พูดอะไร

ดวงตานี้มองไปถึงก้นบึ้งจิตใจฟู่ซือหาน เหมือนกระแสคลื่นซัดของน้ำในฤดูใบไม้ร่วง ฟู่ซือหานรู้สึกเหมือนหัวใจถูกอะไรบางอย่างกระแทกอย่างรุนแรง จนกลายเป็นสะเทือนใจเพิ่มขึ้น

“ยังไม่พูดเหรอ?” ฟู่ซือหานเห็นเธอยังปิดปากเงียบ คิ้วก็ขมวดแน่นขึ้น แววตาเผยความรำคาญ

“ได้ ในเมื่อเธอไม่พูด งั้นเรากลับบ้านกัน”

พูดจบ ฟู่ซือหานก็ยืนขึ้นทันที คว้าข้อมือขาวราวหิมะของเธอ จะลากเธอเดินออกไปข้างนอก

“ไม่!!!” กู้ชิงเกอกรีดร้องออกมาเหมือนถูกบีบคอชีวิตแขวนบนเส้นด้าย เสียงนี้ทำให้ทุกคนตกใจกลัวกันหมด

ฟู่ซือหานหันศีรษะกลับไป มองเธอด้วยแววตาไม่เข้าใจ

เกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนี้กันแน่? ทำไมจู่ๆ ทำท่าเหมือนเห็นผี?

ผู้ชายสองคนที่อยู่ข้างๆ ก็ตกใจมากเช่นกัน ในขณะเดียวกันก็ไม่เข้าใจสถานการณ์ เพราะผู้หญิงคนนี้พาตัวมาจากฟู่ซื่อ กรุ๊ป

บอกว่าขโมยความลับสำคัญ แต่สถานการณ์ตรงหน้านี้ เหมือนคุณชายฟู่มีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับผู้หญิงคนนี้นะ……

ฉะนั้น……นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?

ฟู่ซือหานหรี่ตา มองเธอด้วยความรำคาญมาก

กู้ชิงเกอรู้ว่าเขาไม่มีความอดทน เขาไม่มีทางอดทนกับตน จึงจำใจรีบพูดขึ้น “นาย นายให้พวกเขาออกไปก่อน”

ฟู่ซือหานยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ แต่เมื่อสือหยวนที่อยู่ด้านนอกได้ยินประโยคนี้ ก็รีบเข้ามาพูดสองสามประโยคกับชายสองคน จากนั้นก็ตบบ่าอีกฝ่ายอย่างเกรงใจ ต่อมาคนพวกนั้นก็ออกไปด้วยกัน

ส่วนกู้ชิงเกอยังนั่งเก้าอี้ ฟู่ซือหานหมดความอดทนสุดท้ายอันน้อยนิดแล้ว ปล่อยมือเธอแล้วเดินตรงไปแบกเธอขึ้นมา

“กรี๊ด! ไม่เอา!” กู้ชิงเกอตกใจยื่นมือไปผลักเขา ร่างเล็กบอบบางถอยหลังเช่นกัน เท้าหดอย่างรวดเร็ววางบนเก้าอี้ แต่เธอตระหนักถึงอะไรบางอย่าง จากนั้นก็วางลงมาอย่างรวดเร็ว

ฟู่ซือหานสังเกตเห็นการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของเธอ สายตาที่มองใบหน้าเธอก็มองไปที่เท้าเธอ “แผลเจ็บเพิ่มเหรอ?”

“ไม่ ไม่ใช่เรื่องนี้……”

กู้ชิงเกอกัดปากตัวเอง แก้มแดงปลั่ง ทำท่าทางอับอายมาก

ถ้าไม่ได้อยู่ในห้องสอบสวน ฟู่ซือหานคิดว่าเธอจิตใจโดนปลุกเร้าแล้ว

แต่ท่าทางเธอที่น้ำตาคลอ แก้มสองข้างแดงเปล่งปลั่ง ทำให้ร่างกายเขาร้อนผะผ่าวขึ้นมา

เขามองไปรอบๆ พบว่าที่นี่ปิดสนิท ไม่แปลกใจที่มันจะร้อนขนาดนี้

“แล้วเรื่องอะไร? รีบพูด” เขาปลดกระดุมเสื้อท่อนบนอย่างรำคาญ

กู้ชิงเกอก้มศีรษะ ยังคงไม่มีทางที่จะพูดออกมา

เธอจะพูดยังไงอ่ะ??

เธอไม่ได้สนิทกับฟู่ซือหาน พูดสิ่งเหล่านี้ออกไป จะไม่ทำให้เขาหัวเราะเยาะเหรอ?

ฟู่ซือหานไม่อดทนรอต่อไปแล้ว เดินเข้าไปหา กู้ชิงเกอตกใจจนรีบเงยหน้า

“ประ ประจำเดือนฉันมา!”

ได้ยินดังนั้น ฝีเท้าฟู่ซือหานก็หยุดทันใด นิ่งอยู่ที่เดิม

ผ่านไปสักพัก เขาก็ขมวดคิ้ว

“เกี่ยวกับฉันเหรอ?”

“แน่นอนว่า……เกี่ยวสิ” กู้ชิงเกอกำมุมเสื้อตัวเอง แล้วกัดฟันพูดขึ้น “ฉัน……ทะลัก!”

สองประโยคหลังเธอทุ่มสุดตัว

หากเธอไม่รีบอธิบาย ไม่แน่ด้วยนิสัยของฟู่ซือหาน จะต้องแบกเธอออกไปทันที

ทะลัก……??

ฟู่ซือหานไม่ตอบสนองเป็นเวลานานสักพักว่าประโยคที่ว่าทะลักของเธอมันหมายความว่ายังไง จึงจ้องเธออย่างเงียบสงบ

กู้ชิงเกอถูกเขามองจนหน้ายิ่งแดง

ก่อนเธอออกจากบ้านแค่ใส่ผ้าอนามัยชิ้นเล็กๆ เท่านั้น เตรียมซื้อของใช้นิดหน่อยแล้วจะกลับไป ไม่คิดว่าจะถูกพามาที่นี่

ระหว่างทางเธอจิตใจเหม่อลอย จนกระทั่งเธอรู้สึกอะไรอุ่นๆ จำนวนมากไหลออกมาจากสักที่ เธอถึงได้รู้ว่า……ประจำเดือนตัวเองมา

และมันก็……ดูเหมือนจะมาเยอะมาก

ด้วยเหตุนี้กู้ชิงเกอจึงเริ่มกระวนกระวาย เธออยากไป แต่คนกลุ่มนั้นไม่ให้เธอไป

เนื่องจากมันทะลักมากขึ้นเรื่อยๆ เธอไม่ต้องลุกขึ้นก็รู้ว่ากางเกงตัวเองมันแดงหมดแล้ว

ถ้าตอนนี้เธอลุกขึ้นมา จะต้องขายหน้าแน่นอน

คิดสักพักหนึ่ง กู้ชิงเกอก็เอ่ยปากขอร้องอย่างแผ่วเบา “นาย ขอยืมเสื้อโค้ตนายให้ฉันหน่อยได้ไหม?”

ได้ยินดังนั้น ในที่สุดฟู่ซือหานก็เข้าใจว่าทะลักที่เธอกล่าวมันหมายถึงอะไร จึงหัวเราะขำขันออกมาทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เผด็จรัก หัวใจซาตาน