"น้องบอกว่า จะกลับมาอีกทีตอนเย็น" เห็นลูกชายมองดูรถแบบแปลกใจ เพราะเขาก็รู้อยู่ว่าทศกัณฐ์มาเมื่อตอนกลางวัน
"ถ้างั้นเราเข้าไปคุยกันข้างในดีกว่าครับ" รามสูรก็เลยสั่งแม่บ้านไว้ให้บอกทศกัณฐ์ตามเข้ามาข้างใน
พอรถจอดสนิท แม่บ้านก็เดินมาบอกตามที่ได้รับคำสั่งมา
"รออยู่ข้างนอกนี่แหละ" ทศกัณฐ์หันไปสั่งลูกน้องทั้งสองก่อนที่จะเดินตามเข้าไปข้างใน
"นั่งก่อนสิ" เห็นว่าน้องชายเข้ามาแล้วรามสูรก็เลยบอกให้นั่ง
พอทศกัณฐ์นั่งลงสายตาของทั้งสามมองมาที่เมขลาแบบไม่ได้นัดหมาย
"หนูทำตัวตามสบายไม่ต้องคิดอะไรมาก เรื่องกำเนิดเราเลือกไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะดำรงชีวิตของเราได้ แม่อยากจะรับเลี้ยงหนู พวกพี่ๆ ก็เห็นชอบด้วย" นางหันไปดูลูกชายทั้งสอง เพราะถือว่าทศกัณฐ์เป็นลูกชายของนางแล้ว
"แต่หนูกลัวว่าจะมาทำความเดือดร้อนให้คุณท่านค่ะ" เพราะถ้าผู้ชายคนที่ทำให้เธอเกิดรู้เรื่องนี้ กลัวว่าทุกคนจะเดือดร้อนไปด้วย
"ไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้นเลย เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะมาตัดสินชีวิตคนอื่น"
เมขลาแปลกใจในคำพูดของพี่ชายคนโต เพราะประโยคที่พูดออกมาสื่อให้รู้เลยว่าเขาก็ไม่พอใจในตัวพ่อ
"ถ้าน้องอยู่ที่นี่แล้วทำให้ทุกคนเดือดร้อน ผมอยากจะขอพาน้องไปอยู่ด้วยครับ" ทศกัณฐ์เข้าใจหัวอกของเมขลาดี เขาก็เป็นลูกคนหนึ่งที่เกิดจากผู้หญิงชั่วคราวของพ่อ
เมขลารู้สึกซาบซึ้งใจมาก เธอไม่คิดว่าจะเห็นภาพนี้เลย ตอนที่ตัดสินใจมาเพราะหนีปัญหา แต่ไม่คิดว่าทุกคนพร้อมจะต้อนรับเธอขนาดนี้
"พี่ว่าให้น้องอยู่ที่นี่แหละ คุณแม่จะได้มีเพื่อน"
"แต่ผมกลัวว่าถ้าคุณพ่อรู้เรื่องนี้.." ทำไมทศกัณฐ์จะไม่รู้ว่าพ่อกำลังขลุกอยู่กับผู้หญิงคนไหน และรู้ด้วยว่าพ่อไม่ค่อยมีเวลาให้กับแม่ใหญ่ ยิ่งถ้ารู้ว่าทำอะไรไม่ถูกใจแล้วด้วย กลัวจะฟาดงวงฟาดงามาที่บ้านหลังใหญ่เสียมากกว่า
"แม่ไม่กลัวหรอก แม่ดีใจนะที่จะมีลูกเพิ่มมาอีกคน"
อึก อึก เสียงสะอื้นของหญิงสาวค่อยๆ ดังขึ้น เพราะความตื้นตันมันแน่นในอกจนกลั้นไม่อยู่ ทำไมทุกคนถึงดีขนาดนี้ ทั้งๆ ที่พวกเขาจะทำเป็นมองไม่เห็นเธอเลยก็ได้
"ไม่ร้องนะ" มือที่ดูอบอุ่นเอื้อมไปลูบหลังของเธอเบาๆ เพื่อปลอบใจ
"เอาแบบนี้แล้วกันเราเรียนจบอะไรมา" รามสูรก็เลยชวนเปลี่ยนเรื่อง และอยากจะรู้เรื่องการเรียนของน้องด้วย
"จบปวส.ค่ะ"
"เราอยากเรียนต่อไหม"
เมขลาส่ายหน้าตอบไปแบบไม่ต้องคิด เพราะเธอแก่เกินคำว่าเรียนแล้ว
"ถ้าไม่อยากเรียน หรืออยากทำงานล่ะ"
"ตอนนี้ฉันทำงานอยู่กับคุณน้าค่ะ" หญิงสาวก็เลยเล่าทุกอย่างให้พี่ชายฟัง เพราะเธอไม่คิดจะปิดบังอยู่แล้ว เล่าแม้กระทั่งความดีของน้าที่รับเลี้ยงเธอต่อจากแม่
"พี่คงไม่ปล่อยให้เรากลับไปทำงานแบบนั้นหรอกนะ" รามสูรไม่ได้ดูถูกงาน เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งทำไมจะไม่รู้ว่าผู้หญิงทำงานที่แบบนั้นต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวขนาดไหน "เอาเป็นว่าถ้าเราอยากทำงานก็ไปทำกับพี่"
พุดตาลก็เห็นด้วย ดีกว่าให้เด็กนั่งคิดมากอยู่ที่บ้าน
"แต่น้องจบแค่ปวส.นะครับ" เพราะปวส.คงทำอะไรในบริษัทใหญ่ขนาดนั้นมากไม่ได้
"จะเป็นไรไปในเมื่อเป็นน้องสาวของเจ้าของบริษัท"
ถึงแม้พ่อจะไม่ดีไม่เอาไหน พุดตาลก็ดีใจที่ผลผลิตของเขาไม่เดินตามรอยพ่อไป เพราะดูลูกๆ จะรักใคร่กันทุกคน
"แล้วเราว่ายังไงล่ะ" รามสูรอยากรู้ความคิดของน้องสาวให้มาก
"ตั้งแต่จบมาฉันยังไม่เคยทำงานพวกนั้น ช่วยแต่ในครัวกับเสิร์ฟอาหาร ไม่รู้ว่าจะช่วยงานคุณได้เยอะไหม"
"พี่ไม่ได้บังคับให้เราไปทำงาน แต่พี่กลัวว่าถ้าอยู่แบบนี้เราจะคิดมาก"
"ฉันอยากทำงานค่ะ"
"ถ้างั้นก็ตกลงตามนี้ พักผ่อนร่างกายให้หายดีก่อน แล้วค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกที"
บนรถ..
"อีกเรื่องที่ใช้ให้ทำไปถึงไหนแล้ว"
"พี่!" ชาติที่ทำหน้าที่ขับรถอยู่ สะกิดผู้กองเพลิงเพราะเห็นว่าไม่ตอบท่านผู้พัน
"อะไรของมึงไอ้ชาติ"
"ท่านผู้พันถามเรื่องงาน"
"ถามเรื่องงานเหรอครับ" เพลิงหันมองกลับไปด้านหลังของรถ
"มึงจะใจลอยไปถึงไหนไอ้เพลิง"
"เปล่าใจลอยครับผม"
"สงสัยไม่ได้วิดพื้นนานแล้ว"
"เมื่อสักครู่ท่านว่าอะไรนะครับ"
"มึงอยากจะฟังเรื่องไหนเรื่องวิดพื้นหรือเรื่องงาน"
"เรื่องงานสิครับ"
"ก็เรื่องที่กูให้มึงทำอีกเรื่องไง"
"ถ้าเป็นเรื่องนั้น คุณเกวลินไม่ยอมรับเงินครับ"
"เรื่องครอบครัวของเธอไปถึงไหนแล้วล่ะ"
"ตอนนี้คุณเกวลินรับลูกมาเลี้ยงเองครับ"
"เฮ้อ..คนเรานี่น้าาา" ทศกัณฐ์ก็แปลกใจทำไมถึงได้ใจแข็งนัก "แกก็พยายามต่อไปแล้วกัน"
"ยังจะให้พยายามอีกเหรอครับท่าน"
"เออสิวะ"
พอกลับไปส่งท่านผู้พันเสร็จ ผู้กองเพลิงก็เลยต้องได้ขับรถออกมา ทำงานให้ท่านผู้พันอีก ..นั่นก็คือภารกิจเงินล้าน
"ใครมาบ้านเรา" เกวลินเพิ่งพาลูกเข้านอนก็ได้ยินเสียงคนเรียกที่หน้าบ้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เพลิงร้ายซ่อนรัก