เราก็อยู่ของเราดีๆ จะมาโกรธให้เราทำไม เมขลาค่อยๆ ลุกขึ้น ตอนนี้ขาที่เพิ่งจะหายก็ซ้ำรอยเดิม ถ้าเขารับร่างเธอไว้อาจจะไม่เจ็บก็ได้
หญิงสาวทำความสะอาดห้องเครื่องดื่มเสร็จก็ออกมา ถ้าเธอนั่งทำงานอยู่แค่ที่โต๊ะคงไม่มีผลอะไร เพราะถ้าพี่ชายรู้ว่าเธอยังเจ็บขาคงให้คนกลับไปส่งที่บ้านอีกแน่
เย็นวันเดียวกัน..
"ขาเรายังเจ็บอยู่เหรอ" พุดตาลสังเกตตอนที่เมขลาเดินเข้ามาในบ้าน
"เปล่าค่ะ"
"จะเปล่าได้ยังไงแม่ยังเห็นว่าเดินไม่ถนัดอยู่เลย"
"เออ.."
"แม่ขอสั่ง ถ้ายังไม่หายขาดห้ามออกจากบ้าน"
ถ้าแม่ของเธอยังอยู่ท่านก็คงจะใจดีแบบนี้ แม่เห็นไหมว่ามีคนเป็นห่วงลูกสาวของแม่ด้วย
"ร้องไห้ทำไม เจ็บมากเลยเหรอลูก มีใครอยู่แถวนี้"
"คะคุณผู้หญิง" เอ๋รีบวิ่งเข้ามา
"มาดูคุณหนูหน่อยเร็ว"
"น้องเมย์ไม่ได้เจ็บขาค่ะ"
"ไม่เจ็บขาแล้วร้องไห้ทำไมล่ะลูก"
"เมย์ดีใจ"
พุดตาลมัวแต่เป็นห่วงจนลืมฟังว่าตอนนี้สรรพนามที่เมขลาพูดกับท่านเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว "ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่หาย แม่จะให้หมอมาดูอาการเราแล้วนะ"
เมขลาตื้นตันจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยิ้มให้กับท่าน
จนถึงเวลาค่ำ..
วันนี้รามสูรกับภรรยาพร้อมด้วยลูกชาย มาทานข้าวที่บ้านคุณย่า และเป็นครั้งแรกที่คุณอาเมขลาได้เห็นหน้าหลานชาย
"สวัสดีคุณอาสิครับรามิล"
"แกสวัสดีได้แล้วหรือคะ"
"เปล่าหรอกจ้า" สโรชาก็เลยยื่นรามิลมาให้กับคุณอาเมขลาได้ชื่นใจ
แต่เมขลาไม่กล้าอุ้มเพราะกลัวทำให้เด็กตกใจ
"แกไม่งอแงหรอกอุ้มเถอะ" คุณย่าพูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาหยอกหลาน
"ทีแรกเจ้าทศว่าจะมาทานข้าวเย็นด้วยครับ แต่เห็นว่าติดงานราชการด่วน ก็เลยโทรมาบอกผมใหม่" รามสูรชวนแม่คุยขณะที่เดินมานั่งร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน
"วันไหนว่างค่อยให้น้องมาทานด้วยกัน"
"ผมก็บอกไปแบบนั้นแหละครับ"
พอทานข้าวเสร็จทุกคนก็ไปนั่งคุยกันที่มุมรับแขก เมขลาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีครอบครัว แต่ในขณะเดียวกันเธอก็คิดถึงคุณน้าที่เลี้ยงดูเธอมา ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง ไม่ใช่ว่าไม่ได้ติดต่อไปเลย แต่มันก็ไม่เหมือนเจอหน้ากัน
สองวันต่อมา..
หญิงสาวพักอีกสองวัน จนขาหายดีคุณแม่พุดตาลถึงยอมให้มาทำงาน
"วันนี้ไม่ต้องยกน้ำนะเดี๋ยวพี่จะทำเอง"
"ฉันทำได้ค่ะ"
"พี่กลัวเราเจ็บขาอีกน่ะสิ"
"เออ.. ไม่เจ็บแล้วค่ะ" ถ้าไม่เพราะมีเรื่องกับเขา เธอก็คงไม่ดูอ่อนแอในสายตาทุกคนแบบนี้หรอก
เมขลาก็เลยเข้าไปจัดเตรียมน้ำในห้องเครื่องดื่ม จังหวะเอื้อมขึ้นไปหยิบแก้ว หญิงสาวสะดุ้งจนหันกลับไปมองด้านหลังแต่ก็ไม่เห็นมีใคร เราเป็นบ้าอะไร..เพราะความรู้สึกตอนยื่นมือขึ้นไปเหมือนว่ามีเขาเอื้อมมาหยิบให้เหมือนวันนั้น
แต่เมขลาต้องรีบเรียกสติตัวเองให้กลับมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว เขาทำอะไรกับเธอกันแน่
พอจัดเครื่องดื่มเข้าไปให้กับผู้บริหารเสร็จ เมขลาก็กลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน เธออดแปลกใจไม่ได้ ตั้งแต่วันนั้นวันที่เขาโกรธก็ไม่เห็นมาที่นี่อีกเลย ยังถามตัวเองอยู่ทุกวันว่าเขาโกรธเรื่องอะไร
"ไม่มีอะไรหรอกแค่ถามดู ออกไปทานข้าวกับพี่ไหม"
"ไม่ค่ะ"
"หึ" มือหนาของผู้เป็นพี่เอื้อมไปขยี้ผมน้องสาวเบาๆ แต่ขณะนั้นก็ได้มีผู้บริหารหลายคนเดินผ่าน บางคนกำลังจะลงไปทานข้าว บางคนเพิ่งออกจากห้องประชุม ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาจะคิดยังไง ยิ่งเมขลาหน้าตาน่ารักขนาดนั้น คิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลย
เย็นวันเดียวกันที่บ้านจัดสรร
"ทำไมมาถึงที่นี่ได้" คุยกับเอวาแต่สายตาแอบมองดูคนที่นั่งอยู่บนรถ
"ได้ยินโรสบอกว่าลูกของพี่ไม่สบายเหรอคะ" สโรชาออกมาไม่ได้ก็เลยโทรคุยกับเอวาเพื่อจะถามว่าได้มาหาพี่เกวลินบ้างไหม เพราะรามสูรสามีเล่าให้ฟัง
"ใช่จ้ะ แกมีไข้"
"แล้วตอนนี้ดีขึ้นหรือยังคะ"
"ดีขึ้นมาหน่อยแล้ว"
"ฉันว่าพาไปโรงพยาบาลดีกว่า"
"พี่แวะหาหมอมาแล้ว"
"วันนี้พี่จะให้ฉันค้างเป็นเพื่อนไหมล่ะ"
"ไม่ต้องหรอกเราไม่ต้องเข้าไปข้างในนะ เดี๋ยวหลานจะเอาไข้มาฝาก" เกวลินกลัวว่าเอวาจะติดไข้ ยิ่งกำลังท้องกำลังไส้อยู่ "แล้วนี่คุณทศกัณฐ์ล่ะ" เพราะเห็นว่าคนที่พามาก็คือเพลิง
"ติดงาน เห็นบอกว่าอีกสองวันจะมีงานเลี้ยงอะไรไม่รู้"
"ดูท่าคุณเพลิงคงรีบ เรากลับไปเถอะ" เพราะถ้าเขาไม่รีบป่านนี้คงลงจากรถแล้ว
"ฉันยังไม่กลับหรอก ว่าจะไปเยี่ยมน้องหน่อย.." เอวาลืมเลยว่าเรื่องนี้ตกลงกันไว้แล้วว่าจะไม่บอกเกวลิน
"เรามีน้องที่ไหนอีก"
"ไม่มีอะไรหรอกถ้างั้นฉันไปนะ" ยังไงก็ออกมาแล้ว ไปแวะดูเมขลาหน่อยก็ดี เพราะตั้งแต่เมขลาเจ็บเท้าเอวายังไม่ได้ไปเยี่ยมเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เพลิงร้ายซ่อนรัก