เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 19

ขณะนี้ก้นบึ้งจิตใจของสวีซุ่ยหนิงรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เธอไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บของเจียงเจ๋อเป็นอย่างไรบ้าง เธอคิดจะแก้แค้นเจียงเจ๋อ แต่ทว่าสวีซุ่ยหนิงไม่คิดว่าจะพาลเดือดร้อนถึงตัวเอง

ฟางเส้นสุดท้ายของชีวิตขาดสะบั้น ร่างกายของสวีซุ่ยหนิงสั่นสะท้าน

เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ด้านข้างมองเห็นภาพเด็กสาวคนหนึ่งกอดตัวเองไว้แน่น ดวงตาแดงก่ำ ช่างน่าสงสาร

แต่เขาทำได้เพียงแค่ซักถามเธอตามหน้าที่ : "เธอกับผู้บาดเจ็บเกี่ยวข้องกันยังไง?"

"เป็นแฟนเก่าของเขาค่ะ วันนี้เขา...จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้น ฉุดกระชากไม่ให้ฉันไป ฉันรู้สึกว่าตัวเองถูกคุกคามจากอันตราย ฉันจำใจต้องแทงเขา พวกคุณสามารถตรวจสอบกล้องวงจรปิดได้" สวีซุ่ยหนิงเช็ดจมูกของเธอและเอ่ยตามความจริง "ฉันปฏิบัติตามกฎหมาย พวกคุณจะไม่ใส่ร้ายป้ายสีผู้บริสุทธิ์ ใช่หรือเปล่าคะ?"

"แน่นอน"

"คุณตำรวจคะ ฉันยังกลัวว่าคนในครอบครัวของเขาจะมารังควานฉัน ครอบครัวของเขา ค่อนข้างมีอำนาจค่ะ"

"เราปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่หวั่นเกรงต่ออำนาจ" ท่าทีของเธอดูไม่มีความน่าสงสัย ให้ความร่วมมือในการสอบปากคำเป็นอย่างดี เจ้าหน้าที่ตำรวจกลัวว่าเธอจะตกอยู่ในสภาวะจิตตก เขาจึงรินน้ำใส่แก้วให้เธอหนึ่งแก้ว

เขาเห็นเธอถือแก้วน้ำไว้ในมือ จากนั้นน้ำตารินไหลและร่วงหล่นลงไปภายในแก้วน้ำ

เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนร้องไห้ได้เงียบและสงบนิ่งขนาดนี้มาก่อน เขาไม่อาจทนได้ หยิบกระดาษทิชชู่แผ่นหนึ่งให้เธอ "ไม่ต้องกังวล หากว่าเป็นจริงเหมือนที่เธอพูด มันจะต้องไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน"

สวีซุ่ยหนิงส่ายศีรษะ เธอเช็ดน้ำตาบริเวณแก้มและกล่าว "คุณตำรวจคะ ฉันแค่ผิดหวัง มีคนคนหนึ่ง คำพูดของเขาไม่อาจเชื่อถือได้"

ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่คาดคิดว่าเฉินลู่จะเย็นชาได้ถึงเพียงนี้

เธอคิดว่าระหว่างเธอและเขานั้นใกล้ชิดสนิทสนม ไม่ว่าจะมากน้อยเท่าไรก็ไม่น่าจะเป็นเช่นนี้

ค่ำคืนนั้นสวีซุ่ยหนิงอยู่ในสถานีตำรวจกระทั่งเที่ยงคืน ในขณะที่เธอกำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทรา เธอได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านนอก เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น เธอเห็นโจวอี้

"ฉันมาพาเธอออกไป" เธอสวมรองเท้าส้นสูง กวาดสายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า

เวลานี้สวีซุ่ยหนิงตกระกำลำบากเป็นอย่างมาก ผมเผ้าของเธอยุ่งเหยิง เสื้อผ้าของเธอถูกเจียงเจ๋อฉีกขาด

"เจียงเจ๋อฟื้นแล้ว เขาบอกว่าไม่เอาเรื่องเธอ ให้พวกเรามาพาเธอกลับไป" โจวอี้พูดอย่างเฉยเมย "หลังจากนี้หากต้องการความช่วยเหลือ เธอสามารถมาหาฉันได้ แต่อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับเฉินลู่ หากฉันไม่ยินยอม เขาไม่มีทางสนใจเธอหรอก"

สวีซุ่ยหนิงนิ่งเงียบ เธอเพียงแค่เดินตามเธอออกไปด้านนอกโดยไม่พูดสิ่งใด

จากนั้นเธอเห็นว่าเฉินลู่ยืนอยู่หน้าประตู เขาสวมชุดสูทและรองเท้าหนัง ยืนอยู่ข้างรถ อาจจะกำลังรอพวกเธออยู่

สวีซุ่ยหนิงสัมผัสได้ว่าสายตาของเขานั้นมองมาทางเธอ จากนั้นก็เบือนหน้ากลับไป

ความแตกต่างระหว่างเธอและเขาในเวลานี้ช่างห่างกันไกลเหลือเกิน ตอนนี้ราวกับว่าเธอเพิ่งคลานออกมาจากถังขยะ

โจวอี้ชำเลืองมองเธอครั้งหนึ่งอย่างกึ่งตั้งใจ เธอเอ่ยกับเฉินลู่ "ส่งเธอกลับเถอะ"

เฉินลู่ตอบรับ 'อืม' จากนั้นละสายตาไปจากสวีซุ่ยหนิงและขึ้นรถ

โจวอี้นั่งเบาะข้างคนขับ

สวีซุ่ยหนิงผ่อนคลายลงแล้ว เธอรู้สึกปวดช่วงท้องเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะขึ้นรถ โทรศัพท์ของเธอดังขึ้นอีกครั้ง เป็นหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรับสาย เธอพบว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาคือลั่วจือเห้อ

"เธอออกมาแล้วเหรอ?"

สวีซุ่ยหนิงเหลือบมองเข้าไปภายในห้องโดยสาร ไม่รู้ว่าเฉินลู่กำลังครุ่นคิดอะไรด้วยท่าทีเหม่อลอย เธอละสายตากลับมาและเอ่ย "เปล่า"

"เจียงเจ๋อให้ฉันมารับเธอ เขาดื่มมากไป" ลั่วจือเห้อกล่าว "ข้างกายเฉินลู่มีโจวอี้ เธอไปกับเขาไม่ค่อยสะดวกเท่าไรหรอก"

เมื่อสวีซุ่ยหนิงตอบรับเรียบร้อย เธอเดินไปยังกระจกรถและเคาะมัน เธอเอ่ยกับโจวอี้ "ฉันไม่ไปกับพวกคุณแล้ว ลั่วจือเห้อมารับฉันแล้ว"

โจวอี้ชะงักไปชั่วขณะ เอ่ยอย่างคลุมเครือว่า "ดูเหมือนว่าพวกเธอจะสนิทสนมกันนะ"

เฉินลู่เหลือบมองเธออีกครั้งและกล่าว "กว่าเขาจะมาก็คงอีกสักพัก ไปกับเราเถอะ"

"ไม่ต้องหรอก" เธอยิ้มและเอ่ยด้วยคำพูดเหินห่าง "ฉันไม่รบกวนพวกคุณแล้ว"

เฉินลู่ไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่จ้องมองเธอ

โจวอี้จ้องมองเขา รอยยิ้มของเธอราวกับว่าไม่ได้ยิ้ม เธอเอ่ย "ในเมื่อเธอมีคนอื่นมารับแล้ว ทำไมนายจะต้องยืนกรานไปส่งเธอด้วย? ให้ลั่วจือเห้อไปส่งเธอเถอะ เราไปกัน"

เฉินลู่ไม่ลังเลอีกต่อไป

หลังจากที่พวกเขาจากไป สวีซุ่ยหนิงปวดช่องท้องจนแทบทนไม่ไหว เธอนั่งยองๆบนพื้นอยู่นาน เมื่อลั่วจือเห้อมาเห็นเธอในสภาพนั้น เขาขมวดคิ้วในทันที

"สาวน้อยหน้าอกใหญ่ เธอโอเคหรือเปล่า?"

สวีซุ่ยหนิงเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า เธอไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

ลั่วจือเห้อหยุดชะงัก เดิมทีอยากจะอุ้มเธอท่าเจ้าหญิง ทว่าเมื่อเธอขดตัวแล้วเธอปวดช่วงท้องหนักยิ่งกว่าเก่า ทำได้เพียงแค่อุ้มเธอไว้ราวกับอุ้มเด็กน้อย

เขาสูงมาก เมื่อเขาอุ้มเธอแล้วเธอดูเหมือนเด็กน้อยจริงๆ

ในที่สุดสวีซุ่ยหนิงก็รู้สึกปลอดภัยขึ้น เธอและเขายังไม่สนิทสนมคุ้นเคยกัน เธอปฏิเสธที่จะเอาศีรษะพิงซบไหล่เขา

"ไม่เป็นไร พิงมาเถอะ" ลั่วจือเห้อสัมผัสศีรษะของเธอ "รู้สึกเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?"

สวีซุ่ยหนิงชะงัก แขนทั้งสองข้างของเธอคล้องคอเขาและเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "ลั่วจือเห้อ ฉันเจ็บมาก"

"เจ็บตรงไหน?"

เธอหลั่งน้ำตาเนื่องจากความเจ็บปวด น้ำตาทั้งหมดรินไหลจากช่วงคอและเปื้อนคอปกเสื้อของเขา เขาแข็งทื่อชั่วขณะและเอ่ยปลอบโยน "ไม่เป็นอะไรแล้ว"

"ช่วงท้อง ถูกเจียงเจ๋อชกเข้าหลายครั้ง"

เดิมทีลั่วจือเห้อจะพาเธอไปส่งที่บ้าน ทว่าขณะนั้นเขากลับพาเธอไปยังโรงพยาบาล

เธอต้องทำการอัลตราซาวด์ แต่เธอไม่กล้าอยู่คนเดียว ดังนั้นเธอจึงคว้าแขนเสื้อเขาแล้วพูดด้วยความระมัดระวัง "รุ่นพี่ลั่ว นายอยู่กับฉันหน่อยได้หรือเปล่า?"

หากเขาปฏิเสธ สวีซุ่ยหนิงก็ไม่เป็นไร อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ เพียงเพราะว่าเจียงเจ๋อฟื้นคืนสติแล้วตระหนักได้ว่าตัวเองกระทำผิด เขาจึงมาช่วยก็เท่านั้น

ลั่วจือเห้อยื่นมือให้กับเธอ เขายิ้มและเอ่ย "ถ้ากลัวก็จับไว้ได้ ไม่เป็นไร แน่นอนว่าหลังจากนี้ถ้าฉันมีแฟน เธอไม่สามารถจับได้อีกแล้ว"

สวีซุ่ยหนิงรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก

"รุ่นพี่ลั่ว นายเป็นคนดีจริงๆ"

ลั่วจือเห้อบีบฝ่ามือของเธอ ฝ่ามือเล็กๆของเธออยู่ภายใต้ฝ่ามือของเขา เขาเอ่ยอย่างเฉยเมย "ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร"

......

ทางด้านโจวอี้ เธอเอ่ยกับเฉินลู่ด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ "วันนี้ท่าทางของสวีซุ่ยหนิงเหมือนตัวตลกเลยว่าไหม?"

เฉินลู่เอ่ย "ไม่ได้สนใจ"

"ลั่วจือเห้อดีกับเธอมากเลยทีเดียว"

เฉินลู่เหลือบมองเธอและพูดอย่างเย็นชา "เธอสนใจด้วยเหรอ?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน