เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน นิยาย บท 15

คู่สร้างคู่สม คู่รักคู่ร้าย

เพียงแค่แปดพยางค์นี้ก็เพียงพอแล้วที่เกิดภาพจินตนาการระหว่างเฉินลู่และโจวอี้ภายในความคิดของสวีซุ่ยหนิง

เธอคิดว่ามีเพียงแค่ในทีวีเท่านั้นที่สามารถมีคู่รักที่รักกันได้ถึงขนาดนั้น

"โจวอี้สวยมากเลยเหรอ?"

"สวย สวยจนไม่อาจละสายตาหนีไปไหนได้เลย" ลั่วจือเห้อครุ่นคิดและเอ่ย "ความรู้สึกเย็นชาและความสูงส่งนั้นราวกับว่าเป็นสิ่งกระตุ้นทำให้คนปรารถนาอยากจะเอาชนะให้ได้"

"ดังนั้นแล้วเฉินลู่เลยคิดอยากเอาชนะเธองั้นเหรอ?"

ลั่วจือเห้อชำเลืองมองเธอด้วยสายตาล้ำลึก "เป็นเธอที่เข้ามาตามจีบเฉินลู่ก่อน เมื่อจีบติดแล้วเธอก็ไม่ต้องการเขา เฉินลู่ปล่อยเธอไปไม่ได้ เขาจึงกลับไปไล่ตามง้อตามจีบเธออยู่หลายปี เมื่อคบกันแล้วเขาตามใจเธอทุกอย่าง ครั้งนี้เธอกลับทอดทิ้งเขาอีกครั้ง"

เขาหยุดชะงักและกล่าว "เฉินลู่ตกอยู่ในโอวาท[1]อย่างสมบูรณ์ เรียกให้ไปหาก็ไป เมื่อบอกให้กลับก็กลับ"

สวีซุ่ยหนิงนั่งอยู๋อย่างเงียบๆ ร่างกายของเธอรู้สึกเหนียวเหนอะหนะจากการกระทำเรื่องต่างๆมา แรกเริ่มเฉินลู่โหดเหี้ยมและก้าวร้าวมาก

เธอคาดไม่ถึงเลยว่าเฉินลู่จะมีสถานะต่ำต้อยเช่นนั้นด้วย

เธอรู้สึกว่าในขณะที่ระหว่างเธอและเขาทำเรื่องต่างๆ เขาเองก็ยังเย็นชา

"นายรู้จักเฉินลู่เป็นอย่างดี ความสัมพันธ์ระหว่างนายกับเขาต้องดีมากเลยใช่ไหม?"

ลั่วจือเห้อกระตุกริมฝีปาก "ระหว่างฉันกับเฉินลู่ ไม่ค่อยดีเท่าไร"

สวีซุ่ยหนิงชะงักงัน เธอจ้องมองเขาอย่างเหนือความคาดหมาย

"ตอนนั้นโจวอี้และฉันเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ดังนั้น..."

แม้ว่าเขาจะเอ่ยไม่จบประโยค สวีซุ่ยหนิงเองก็เข้าใจความหมายของเขา

เฉินลู่นั้นเป็นคนขี้หวง เขาเป็นคนขี้หึงและเป็นปฏิปักษ์กับผู้ชายทุกคนที่ใกล้ชิดกับโจวอี้

.....

ยี่สิบนาทีถัดมา สวีซุ่ยหนิงก็ถึงบ้าน

เธอกล่าวขอบคุณลั่วจือเห้อ เธอส่งยิ้มและโบกมือให้กับเขา

เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอเห็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยโทรเข้ามานับครั้งไม่ถ้วน

สวีซุ่ยหนิงไม่ได้ใส่ใจ เมื่อเธอรับสายจึงรู้ว่าคือเจียงเจ๋อ เขาดุด่าเธอด้วยความโกรธเคือง "แพศยา! เธอคิดว่าตัวเองเป็นอะไรถึงได้กล้ามาแตะต้องพี่น้องของฉัน?"

"ฉันโสด ไม่มีอะไรที่ฉันแตะต้องไม่ได้ ฉันพอใจที่จะทอดสะพานหาพี่น้องของนาย"

"เธอกล้าพูดกับฉันแบบนี้งั้นเหรอ?" เขาเอ่ยด้วยความโกรธเคือง

เธอไม่รู้ว่าเจียงเจ๋อมีหน้ามาจากไหน

"บังเอิญสุดๆ ฉันกล้าพูดกับนายแบบนี้ รบกวนนายช่วยอยู่ห่างๆ อย่ามาเกะกะขวางหูขวางตาฉัน"

สวีซุ่ยหนิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบจากนั้นเธอตัดสายในทันที

เมื่อใกล้ปิดภาคเรียน ธุระภายในโรงเรียนนั้นมีไม่น้อย หลายวันมานี้เธอใช้เวลาอยู่ภายในโรงเรียนตลอด คอยจัดการสะสางงานของนักเรียน

มีเพียงแค่เมื่อวันศุกร์ จางอวี้ส่งข้อความหาเธอ บอกว่าเฉินลู่ไปกล่าวสุนทรพจน์ที่โรงเรียนของเธอ จากนั้นก็ได้ส่งภาพแอบถ่ายเฉินลู่มาให้เธอ

วันนั้นเขาดูรีบร้อนมาก สวีซุ่ยหนิงคิดว่าเขาอาจจะรีบไปหาอดีตแฟนสาวของเขา คาดไม่ถึงเลยว่าไม่ใช่

จางอวี้ส่งรูปภาพผู้หญิงคนหนึ่งมา : "โจวอี้ดักรอเขาอยู่หน้าประตู เฉินลู่กลับแสดงสีหน้าไม่ดีใส่เธอ ทั้งยังเย็นชามากด้วย"

นี่เป็นครั้งแรกที่สวีซุ่ยหนิงเห็นรูปภาพของโจวอี้

เธอสูงมาก หุ่นดีมาก ผมสีดำขลับยาวสลวย ผิวขาวจนแทบจะกลืนไปกับแสง ในภาพ เธอกำลังจ้องมองเฉินลู่ที่ยืนอยู่บนโพเดียมด้วยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม

โจวอี้งดงามเป็นอย่างมาก ราวกับหงส์ดำ

ผ่านไปครู่หนึ่ง จางอวี้แอบถ่ายคลิปและส่งมาให้เธอ เหมือนว่าเฉินลู่กล่าวสุนทรพจน์เสร็จสิ้นแล้ว เขาเดินลงไป โจวอี้เอื้อมมือไปจับมือเขา แต่เขากลับเลี่ยงหลบ

เขาเลี่ยงอยู่หลายครั้ง

โจวอี้ไม่ได้แสดงถึงความรำคาญ เธอเพียงยกยิ้มมุมปาก โน้มตัวกระซิบอะไรบางอย่างข้างหูเขา

ใบหน้าของเฉินลู่ยังคงเย็นชา เย็นยะเยือกจนแทบจะตกตะกอน

ทว่าเมื่อโจวอี้เอื้อมมือไปดึงมือเขา เขากลับไม่ปฏิเสธอีก

จางอวี้แสดงความเห็นว่า : ฉันรู้ หากโจวอี้เริ่มบุก เฉินลู่ไม่อาจต้านทานได้นานหรอก

สวีซุ่ยหนิง : แล้วที่เธอส่งมาให้ฉัน หมายความว่าอะไร?

จางอวี้ : ให้เธอดูไง ผู้หญิงที่เฉินลู่ยกขึ้นแท่นบูชาหน้าตาเป็นยังไง

สวีซุ่ยหนิงกล่าว : พวกเขาคืนดีกันแล้วเหรอ?

จางอวี้ตอบ : จากที่รู้มาเมื่อสองวันก่อนเฉินลู่อดไม่ได้ที่จะบอกให้เธอกลับมา เธอไม่ตอบรับ จู่ๆวันนี้กลับมาปรากฏตัว เฉินลู่ดูเฉยเมยกับเธอ แต่แท้จริงแล้วนัยต์ตาของเขาก็ฉายผ่านความรู้สึกประหลาดใจ

พูดแบบนี้กล่าวได้ว่าคืนดีกันแล้ว

ตกอยู่ในโอวาท[1] หมายถึง เชื่อฟัง ว่าง่าย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน