ถ้าจะว่ากันระหว่างคู่รัก สมมุติว่าความสัมพันธ์ตามสัญญายังถือว่าเป็นอดีต ฝ่ายหนึ่งต้องซื่อสัตย์ต่ออีกฝ่าย และต้องมีที่แชร์ความผิดพลาดของตัวเอง
แต่ถ้าคู่ที่เลิกกัน หากคุณต้องการซื่อสัตย์ต่อกัน ไม่ว่ายังไงก็พูดอะไรไม่ได้
เฉินลู่มองไปที่สวีซุ่ยหนิง น้ำเสียงที่ไม่สงบ และก็ไม่สงบเหมือนปกติ แต่กลับมีความรู้สึกที่พูดไม่ออก ซึ่งทำให้ความกดอากาศรอบตัวเขาลดต่ำลง
“ฉันแค่อยากให้เธอรู้” เขากล่าว
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ฉันรู้แล้ว นายกลับไปได้แล้วใช่ไหม?” สวีซุ่ยหนิงเหลือบมองเวลา
แม้ว่าจะไม่แสดงออกมา แต่ท่าทางของการดูเวลา แสดงให้เห็นว่าเธอหมดความอดทนแล้ว
เฉินลู่หัวเราะเยาะตัวเอง ไม่นานมานี้ เขามีลักษณะท่าทีต่อฟู่เล่อเล่อ อย่างที่คาดไม่ถึงไม่ว่าชะตากรรมของโลกหรือผู้คนที่มักจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และความอัปยศที่ไม่แน่นอน ยังคงหมุนกลับมาที่เขา ตอนนี้ไม่ใช่ฟู่เล่อเล่อเมื่อก่อนของเขาแล้ว
“นอกจากเธอ ฉันก็ไม่เคยนอนกับใครคนไหนเลย” เฉินลู่พูดเบาๆ
สวีซุ่ยหนิงกล่าว "การจงรักภักดีต่อกันระหว่างช่วงที่รักกัน คือสิ่งที่ควรจะเป็นไม่ใช่เหรอ? ฉันเองก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์ใดๆ กับคนอื่น"
“ตอนนี้เธอแอบชอบลั่วจือเห้อแล้วใช่ไหม?” เขาถามขึ้นทันที
สวีซุ่ยหนิงไม่ต้องการตอบคำถามนี้ของเฉินลู่ พูดจริงๆ คำถามของเขา ยังคงทำให้เธอรู้สึกว่า เขาได้ละเมิดสิทิของเธอแล้ว
“คราวที่แล้วเธอบอกว่า เธอจะไม่พัฒนาความสัมพันธ์กับลั่วจือเห้อ ตอนนี้เธอยังคิดอย่างนั้นอยู่หรือเปล่า?”
สวีซุ่ยหนิงอ้าปากค้าง จากนั้นขมวดคิ้วอีกครั้ง แต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ
ไม่รู้ว่าความคิดได้เปลี่ยนไปหรือเปล่า ถึงพูดไม่ออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสน่ห์เหลือร้ายของคุณนายตระกูลเฉิน
แรกๆ สงสารนอ อ่านไปอ่านมาสงสารพอ...
เฉินลู่ไอ้คนเลว ส่วนสวีซุ่ยหนิงก็ใจอ่อนน่าสงสารเสียจริง...
ซุยหนิงย้ายที่อยู่เถอะ สงสารนาง เจอแต่ผู้ชายเลวๆ...
สวีซุยหนิงทำไมชอบเป็นของเล่นของเฉินลู่ล่ะ...
ช่วยอัพต่อด้วยค่ะ...